กุทรุสกะ มหันตภัยร้ายแห่งกาล (เวลา) : ๑ : ปิดเทอม

: ปิดเทอม 

กรุงเทพมหานคร, ๙ ตุลาคม ๒๕๕๕ 

‘รถติด’ บนถนนสุขุมวิทถือได้ว่าเป็นอีกแห่งหนึ่งซึ่งขึ้นชื่อลือชาโดยเฉพาะช่วงเวลาหลังเลิกงาน และในวันนี้ก็ไม่ได้รับอภิสิทธิ์ในข้อยกเว้นใด ๆ ทั้งสิ้น ภากรหนุ่มหล่อคมเข้มเหลือบมองเวลาตรงสี่แยกที่ใช้ในการปล่อยรถกับสัญญาณไฟแดงสลับไป – มาเป็นระยะ ๆ เขาคิดด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดอยู่ในใจ ‘สัญญาณไฟเสียหรือเวลาเดินช้ากันแน่วะ!’

กว่าที่เขาจะฝ่าการจราจรที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นอัมพาตและหาทางลัดเลาะมาถึงที่หมายก็สายจากเวลานัดมามากแล้ว หลุดกับดักจากรถติดที่ยาวเหยียดเป็นขบวนมาได้ยังต้องมาเสียเวลาขับวนหาที่จอดรถในห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมืองหลวงอีก กว่าจะหาที่จอดได้ก็เล่นเอาสติแทบแตก ‘ทำไมไม่นัดที่แม่สายหรือสุไหงโกลกให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยวะ!’ ชายหนุ่มงึมงำกับตัวเองอย่างคนหัวเสีย

เมื่อจอดรถในซองได้แล้ว เขารีบก้าวลงจากรถวิ่งกระหืดกระหอบจากลานจอดรถตรงดิ่งไปในตัวห้างทันที พลางนึกโมโหเพื่อนที่นัดเจอที่นี่ เพราะโดยปกติเขาไม่ชอบเดินห้างหรือไปเที่ยวตามสถานบันเทิง เขาชอบที่จะท่องเที่ยวตามแหล่งธรรมชาติมากกว่า เมื่อต้องมาที่ห้างกอปรกับเจอวิกฤติของรถติดจึงทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมาไม่น้อย

ภากรกึ่งเดินกึ่งวิ่งเมื่อเข้ามาอยู่ภายในตัวห้างแล้ว เขาเหลือบมองเวลาก็ต้องรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกเพราะว่าเขามาสายเกือบชั่วโมง! ซึ่งมันเป็นอีกสิ่งหนึ่งในหลาย ๆ สิ่งที่รับไม่ได้สำหรับเขา เพราะปกติเขาจะเป็นคนที่ตรงต่อเวลาเสมอ เขารีบสาวเท้าก้าวไปที่บันไดเลื่อนทันที ในความคิดของเขา อะไร ๆ ทั้งหมดรอบตัวดูเชื่องช้า ยกเว้นเวลาเพียงอย่างเดียวที่รู้สึกเหมือนกับว่ามันจะเดินเร็วกว่าปกติ!

เมื่อมาถึงชั้นที่นัดกับเพื่อน ๆ ชายหนุ่มรีบก้าวเท้าเดินตรงไปยังร้านที่นัดไว้ในทันที เขาหยุดที่หน้าร้านก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าปอดลึกเพื่อระงับและเจือจางความเข้มข้นของอารมณ์ที่หงุดหงิดให้ลดดีกรีน้อยลงไป

“เอ้ยกร! ทางนี้” ชิษนุหรือ ‘นุ’ ร้องเรียกพร้อมชูมือเพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการบอกตำแหน่ง ภากรรีบจ้ำอ้าวไปยังแหล่งที่มาของเสียงนั้นทันที เพื่อนฝูงมาครบกันหมดแล้วทั้งชิษนุ ชัยวิวัฒน์ น้ำเชี่ยว และมุกลดา

“โทษที ที่ปล่อยให้รอนาน” ภากรเอ่ยปากขอโทษเพื่อน ๆ ด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดที่มาสาย

“ไม่เป็นไรหรอกกร พวกเราก็เพิ่งมาถึงเมื่อไม่นานนี้เหมือนกัน” น้ำเชี่ยว สาวสวยซ่อนเปรี้ยวพูดขึ้น

“แหม! ไม่ค่อยจะออกนอกหน้าเลยนะครับคุณน้ำเชี่ยว ทีกระผมนายชัยมาสายแค่ ๑๕ นาที โดนบ่นซะเป็นอาทิตย์ แต่พอท่านกรเทพบุตรสุดหล่อมาสายเป็นชั่วโมงกลับบอกว่าไม่เป็นไร ดับเบิ้ลสแตนดาร์ดจริ๊ง..จริง” ชัยวิวัฒน์หรือ ‘ชัย’ หนุ่มตี๋หล่อพูดขึ้น

“จะไม่ให้สองมาตรฐานได้ยังไง ก็นายนัดทีไรมาสายเป็นประจำ!” น้ำเชี่ยวเน้นเสียง “ส่วนกร เขามาตรงเวลาตลอด นี่ก็เพิ่งครั้งแรกที่กรมาสาย และก็เป็นเพราะนายอีกนั่นแหละที่นัดที่นี่ รู้ทั้งรู้ว่ารถติดโคตรแถมยังหาที่จอดรถแสนจะยากลำบากอีก สรุปแล้วที่กรมาสายก็เป็นเพราะนายเข้าใจไหม! ไม่เชื่อลองถามมุกกับนุดูก็ได้ว่าจริงไหม” พูดจบน้ำเชี่ยวก็หันไปพยักเพยิดกับมุกลดาและชิษนุ ซึ่งทั้งสองก็ได้แต่ขำ ๆ ในท่าทางหงอ ๆ ของชัย ซึ่งในกลุ่มผองเพื่อนเป็นที่รู้กันดีว่าชัยกับน้ำเชี่ยวเป็นคู่กัดกันมานานและเมื่อกัดกันทีไร ท้ายที่สุดชัยก็ต้องเป็นฝ่ายยอมเธอไปทุกที

“จ๊า…เราผิดเอง” ชัยลากเสียงยาวประชด

“ดี! งั้นวันนี้พวกเรากินกันให้เต็มที่เลยเพื่อฉลองปิดเทอม และเพื่อเป็นการชดใช้ความผิด วันนี้เสี่ยชัยใจดีเป็นเจ้ามือเอง… ลุยสั่งให้เต็มที่เลยพวกเรา” น้ำเชี่ยวพูดขึ้นท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคนยกเว้นชัยที่ได้แต่อ้าปากค้างเพราะค้านไม่ทัน

“เอ้ย! ยัยน้ำเชี่ยว อย่างนี้มันมัดมือชกกันนี่หว่า” ชัยโวยวายขึ้นแต่ก็ไม่ได้จริงจังนัก

ใช่สิ! วันนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองปิดเทอมของพวกเราทั้งห้าคน ซึ่งพวกเราจะมีการนัดฉลองหลังสอบเสร็จทุกครั้งจนถือได้ว่าเป็น ธรรมเนียมปฏิบัติ ภายในกลุ่ม…พวกเราทั้งห้าเป็นเพื่อนรักกันมานานตั้งแต่สมัยมัธยมจนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย แม้ว่าจะเรียนอยู่ต่างคณะกันแต่ความผูกพันยังแน่นแฟ้นเหมือนเดิมและมีแต่จะเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำไป…ภากรนึก

ภากร (กร) : หนุ่มหล่อคมเข้ม ร่าเริง เป็นขวัญใจสาว ๆ ในมหาวิทยาลัย เรียนคณะเศรษฐศาสตร์

ชิษนุ (นุ)  : หนุ่มหล่อ เท่ สุขุม เรียนคณะนิติศาสตร์

ชัยวิวัฒน์ (ชัย) : หนุ่มหล่อหน้าตี๋ ขี้เล่นและทะเล้น เรียนคณะบริหารธุรกิจ

น้ำเชี่ยว (น้ำ) : สาวสวย เปรี้ยว ห้าว เรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์

มุกลดา (มุก) : สาวสวย ใส หวาน อ่อนโยน เรียนคณะมนุษย์ศาสตร์

 

ในระหว่างที่รับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย…

“กลางเดือนนี้ พวกเราไปเที่ยวต่างจังหวัดกันดีกว่า ว่าไหมกร” ชัยพูดขึ้นเพราะรู้ว่าภากรรู้จักแหล่งท่องเที่ยวในต่างจังหวัดที่สวยงามตามธรรมชาติเยอะ

“เออ ก็ดีเหมือนกัน เราก็กะว่าจะชวนพวกนายไปเที่ยวอยู่พอดี” หนุ่มหล่อคมเข้มเอ่ยขึ้น

“ไปเที่ยวที่ไหนเหรอกร?” น้ำเชี่ยวถามขึ้นอย่างตื่นเต้น

“น้อย ๆ หน่อยคร๊าบคุณน้ำ อย่าตื่นเต้นจนออกนอกหน้านอกตาให้มันมากนัก” สัญญาณระฆังยกที่สองเริ่มดังขึ้นทันทีที่ชัยพูดจบ

“ทำไม! ถ้านายไม่อยากไป ก็ไม่ต้องไป พวกเราไปกันแค่สี่คนก็ได้” น้ำเชี่ยวทำเสียงฮึดฮัด

ก่อนที่สงครามน้ำลายของทั้งคู่จะบานปลาย

“เอาหละ เอาหละ ไม่ต้องกัด เอ้ย! ไม่ต้องเถียงกันไปกันทั้งหมดนี่แหละสนุกดี…เราว่าพวกนายต้องชอบแน่” ภากรพูดขึ้นพร้อมอมยิ้มนิด ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มเสน่ห์บนใบหน้าคมเข้มให้ชวนมองยิ่งขึ้น

“ล่องแก่ง!!!” ทุกคนอุทานออกมาพร้อมกัน

“โอ้! ว้าว ฉันชอบมากเลย อยากหาโอกาสไปนานแล้ว มุกไปด้วยกันนะ” น้ำเชี่ยวหันไปพูดกับมุก เพราะรู้ดีว่าพ่อแม่ของเธอหวงมากเนื่องจากเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว

“ฉันก็อยากไปเหมือนกัน แต่…ไม่รู้ว่าพ่อกับแม่จะอนุญาตหรือเปล่า” มุกพูดเสียงเบาหวิวพร้อมกับทำหน้าระห้อย

“นายชัย! ภาระหน้าที่อันนี้ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของนาย ที่จะต้องทำให้พ่อกับแม่ของมุกอนุญาตให้ได้ ไม่งั้นนายตาย!” น้ำหันไปพูดแกมขู่ชัย เพราะรู้ดีว่าครอบครัวของชัยกับมุกสนิทสนมกันเป็นอย่างมากและที่สำคัญผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็หวังจะเกี่ยวดองกัน เพียงแต่ว่า…

“อะไรวะ! ขี้เยี่ยวไม่ออกก็มาลงกับไอ้ชัยตลอดเลย” ทุกคนหัวเราะกับคำพูดตัดพ้อของชัย

“ไม่รู้หละ… ถ้าหากว่านายไม่สามารถทำให้มุกไปเที่ยวกับพวกเราได้ ฉันจะไม่…ไม่คบนายเป็นเพื่อนอีกเลย ไม่เชื่อคอยดู!” น้ำพูดขู่แกมบังคับอีกที

“ก็ดี…จะได้ไม่ต้องมาเป็นเพื่อนกันอีก แต่เปลี่ยนไปเป็น…”ชัยทำหน้าล้อเลียน

“เป็นอะไร! พูดมาซะดี ๆ ไม่งั้นนายโดนแน่”

“ก็เป็น…เป็นแฟนไง”

“ทะลึ่ง! เดี๋ยวก็โดนไม่ใช่น้อย” น้ำชี้นิ้วขู่ฟ่อ

“แล้วนายหละนุ ไม่น่ามีปัญหานะสำหรับท่านผู้พิพากษาในอนาคตอย่างนาย” กรหันไปกระเซ้าชิษนุซึ่งนั่งเงียบมาตลอดการสนทนาตามบุคลิกของเขา

“เอ้ย! ยังอีกนาน แซวกันอยู่ได้ไอ้กร” ชิษนุพูดขึ้น “ไม่มีปัญหา ลุยไหนลุยกันเพื่อน”

“ดี! งั้นเอาเป็นว่าพวกเราออกเดินทางเช้าวันที่ ๑๘ (ตุลาคม) นี้ ไปค้างสัก ๒ คืน ๓ วัน” ภากรสรุปในท้ายที่สุด ซึ่งทุกคนเห็นพ้องต้องกันทั้งหมด โดยที่ชายหนุ่มไม่สามารถรู้ได้ว่าการเดินทางในครั้งนี้จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงไปในชีวิตของเขาอย่างมากมาย…‘เวลาในการเปลี่ยนแปลงคืบคลานเข้ามาใกล้และ…ใกล้’

 

ใส่ความเห็น