ช่วงเวลาของ Sci-Fi film(s)

คงจะด้วยเวลาอันเหมาะสมของเทคโนโลยี
ทำให้ช่วงนี้ หนัง Sci-Fi เรียงหน้ากันออกมาไม่หยุด ทั้งของเก่า, ของใหม่, ภาคต่อ, re-make, re-boot กันอย่างสนุกสนาน

Pacific Rim ของ Guillermo del Toro
หนังหุ่นยนต์สู้กับสัตว์ประหลาด(หรืออะไรสักอย่าง)

ไม่ต้องพูดถึง Transformers ที่มีแผนทำภาคต่อแน่นอนแล้ว

Oblivion ของ Joseph Kosinski
หนังใหม่ของ Tom Cruise ที่พูดถึงโลกหลังการล่มสลาย

After Earth ของ M. Night Shyamalan
ที่แสดงโดย คู่พ่อลูก Will Smith และ Jaden Smith
หนังพูดถึงโลกหลังการล่มสลาย(อีกแล้ว)แต่โดยโครงเรื่องน่าจะเป็นหนังครอบครัว(ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูก)มากกว่า (ซึ่งถ้าให้เดา คงดึงแก่นเรื่องไปถึงระดับ รักษ์โลก ได้ไม่ยากนัก)

ทั้ง Star Trek into darkness , The Hobbit: An Unexpected Journey , และหนังค่าย marvel (Iron Man 3, Thor: The Dark World) และ dc (MAN OF STEEL ซึ่งเมื่อรู้คู่ปรับแล้ว น่าดูขึ้นเยอะ) ที่จะตามออกมา

น่าจะถือเป็นช่วงเวลาทองช่วงหนึ่งของหนัง Sci-Fi ก็ว่าได้
อ้อ… เกือบลืม star wars ในอ้อมกอดของ Disney และ George Lucas ก็ประกาศแผนสร้างภาค 7 แล้ว

ช่วงเวลานี้ผมกำลังตามหาหนังสั้น Sci-Fi ของไทย(ที่ทำโดยคนไทย)อยู่ ถ้าใครพอจะทราบ ส่งข้อมูลเข้ามาหน่อยนะครับ
ขอบคุณครับ

5 ความเห็นบน “ช่วงเวลาของ Sci-Fi film(s)”

  1. ตอนแรกรอ Oblivion ครับ แต่พอหนังเข้าฉายแล้วรู้สึกเฉยๆ ไม่อยากดูซะงั้น อีกอย่างผมลองดูในเวอร์ชั่น ผี ในเวปต่างประเทศแล้ว เปิดเรื่องไปสิบห้านาทีก็งั้นๆ

    เรื่องนี้คงต้องรอแผ่นดีกว่า

    ส่วนอีกสองเรื่อง Pacific Rim กับ After Earth ค่อยว่ากันอีกที

  2. คำว่า งั้นๆ ที่ผมพูดถึง คือ ตัวหนังไม่มีอะไรใหม่ในแง่การดึงดูด (ผม) ให้อยากดูต่อ แต่ไม่แน่ ถ้าผมทนไปอีกสัก สามสิบนาที อาจจะมีอะไรให้ดูมากกว่าที่คิด

    ที่ไม่ชอบที่สุดคือ ตัวอย่างหนังเรื่อง Oblivion จากที่ได้ดูตัวอย่างใน Youtube หนังเอาฉากต่างๆมาเปิดเผย เรียงร้อยเข้าด้วยกัน จนสามารถเดา plot ได้คร่าวๆ มันก็เลยไม่เหลืออะไรให้ถามต่อว่า story มีอะไรบ้าง

  3. Oblivion
    หลานผมไปดูมา บอกว่า โฆษณาดันเฉลยหนัง
    ผมเลยเข้าใจว่า หนังวางสัดส่วนไว้ไม่ดี คือ เล่นช่วงอยู่คนเดียวบนโลก นานเกินไป (อันนี้เดา)
    ทั้งที่เนื้อหาส่วนใหญ่น่าจะเป็นเรื่องไขความลับหลังจากนั้น
    ว่าจะไปดูวันพุธ(80บาท) ครับผม
    😀

    ตอนนี้ อยากดู Pacific Rim กะ star trek

  4. ได้ฟังอย่างนี้ สรุปได้เลยว่า ผมรอแผ่นดีวีดีดีกว่าครับ ^^ น่าจะจับไอ้คนตัดตัวอย่างโปรโมทมาฟาดตูดซะให้ลาย มันน่านัก

    คุณนิราจไปดูแล้ว รบกวนเขียนวิจารณ์ลงเวปให้ฟังด้วยนะครับ รออ่านครับ

ใส่ความเห็น