ดวงดาวแห่งความสุข โดย ใบไผ่

     ปี ค.ศ.2120 ปีแห่งจักรวาลภิวัฒน์ การโยกย้ายระหว่างดวงดาวกลายเป็นวัฒนธรรมหนึ่ง ที่ได้รับการปฏิบัติกันอย่างแพร่หลายในศตวรรษที่ 22 โดยเฉพาะในหมู่ของคนที่มีฐานะร่ำรวย และรักชีวิตทันสมัย ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นภายหลังจากอุปสรรค์ทางด้านการสื่อสารระหว่างชนชาวดาวถูกกำจัดไป ด้วยเครื่องแปลภาษาที่ได้รับการพัฒนาจนมีราคาย่อมเยาและสามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อ ผนวกกับระบบการเดินทางระหว่างดวงดาวที่สร้างเครือข่ายกระจายขอบคลุมจนการเดินทางข้ามจักรวาลกลายเป็นเรื่องง่ายดายไม่แตกต่างกับการเดินทางข้ามเมืองในยุคศตวรรษที่ 20

ดวงดาวแห่งความเจริญ ทางเลือกอันดับต้นๆของผู้ต้องการชีวิตใหม่ อาณานิคมที่มีบรรยากาศของความสุข สงบ พรั่

งพร้อมไปด้วยความสะดวกสบายจากเทคโนโลยีขั้นสูง ระบบความปลอดภัยที่สามารถป้องกันเภทภัยทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นภัยจากธรรมชาติ หรือมนุษย์ อาณานิคมดุจสวรรค์ผสานกับการบริหารของ สมาคมวิวัฒน์พัฒนา สมาคมที่รวบรวมคณะผู้เชี่ยวชาญระดับหัวกะทิ ซึ่งได้รับความเชื่อถือในความชำนาญด้านการบริหารอาณานิคมของดาวบุกเบิกมาแล้วกว่าทศวรรษจึงไม่ใช้เรื่องยากเลย ที่อาณานิคมของดวงดาวแห่งความเจริญ จะกลายเป็นบ้านหลังใหม่ของมนุษย์ชาติที่ได้รับความนิยมสูงสุด      “การสำรวจเสร็จสิ้น ดาว 10H มีสภาวะที่เหมาะสมกับอาณานิคมใหม่ ET รายงาน ชายหนุ่มปล่อยปุ่มส่งสัญญาณเพื่อรอการตอบกลับ

     “รับทราบ สมาคมวิวัฒน์พัฒนา ขอขอบคุณทุกท่านสำหรับการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ เราจะเริ่มสร้างอาณานิคมที่เจริญรุดหน้าอีกขั้นภายใน 3 เดือน และโยกย้ายจากดาว 9H สู่ ดวงดาวแห่งความเจริญ ดวงใหม่ภายใน 2 ปี

     ชายหนุ่มได้รับสัญญาณภาพและเสียงจากสมาชิกฝูงบินสำรวจทันทีหลังจากสัญญาณของภาคพื้นยุติลง

     “ย้ายอีกแล้วหวะ เบื่อขนของฉิบ… เสียงนักบินชาวดาว U ดังขึ้น

       ทำไงได้ล่ะ ก็เราผลาญทรัพยากรของดาว 9H เกือบหมดแล้วนิ เร็วกว่าที่คิดเสียด้วย เราก็ต้องย้ายไปอยู่สวรรค์แห่งใหม่สิ

     เสียงชาวดาว M แสดงความคิด

      ไอ้ M อย่าพูดไป องค์กรสหประชาดาวกำลังจ้องสมาคมเราอยู่ เดี๋ยวก็ตกงานกันหมดหรอก

     ชาวดาว U เตือนเพื่อนร่วมทีม

     “ไม่ต้องกลัวเลย ไอ้ U แกก็น่าจะรู้ สมาคมเราใหญ่โตขนาดไหน เงินหนาๆของไอ้พวกมหาเศรษฐี และยังมีอำนาจล้นฟ้าของพวกนักการเมืองที่อยู่ในสภาของสหประชาดาวอีกหละ แกก็รู้นี้หว่า ไม่อย่างนั้นสมาคมเราคงไม่รอดมาได้ตั้งหลายทศวรรษหรอก จริงเปล่า ET

     ตามวิสัยที่ไม่เป็นคนช่างพูด ชายหนุ่มซึ่งถูกเอ่ยนามจึงได้แต่ยิ้มรับคำวิพากษ์วิจารณ์นั้น แม้จะรู้สึกสะอึกกับประโยคสุดท้าย เขาหวนคิดถึง ดาวดวงแล้วดวงเล่า ที่พวกเขาได้สำรวจ โดยอาศัยความสามารถทางด้านเทคโนโลยีอวกาศที่มีความก้าวหน้าอย่างสูงประกอบกับฐานการเงินอันมั่นคงจนได้รับการขนานนามจากองค์กรสหประชาดาวว่า กลุ่มนายทุนจักรวาล ชาวสมาคมอย่างพวกเขาจะร่วมกันเสาะแสวงหาดวงดาวที่กระจายอยู่ในจักรวาล เมื่อพบว่าทรัพยากรของดาวดวงใดเอื้ออำนวยในการสร้าง ดาวแห่งความเจริญ พวกเขาก็จะใช้ทักษะการเจรจาชั้นยอดเพื่อเชิญชวนให้ชาวดาวท้องถิ่นร่วมกันสร้างอาณาจักรแห่งใหม่ การโฆษณาชั้นเยี่ยมเพื่อให้มีคนยอมทุมเงินมาซื้อหาความสุขในการ อาศัย ดื่มกิน ผลาญ แล้วก็จบลงด้วยซากดาวล้าหลัง นั้นเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ผ่านมาเป็นทศวรรษ แม้ชายหนุ่มจะถูกจัดให้เป็นมือดีที่มีความสามารถสูงในการสำรวจหาดาวดวงใหม่ แต่เขาก็ถามตัวเองเสมอมาว่า การกระทำของพวกเขาถูกต้องแล้วหรือ หัวใจของเขามักจะถูกกระตุ้นด้วยคำถามนี้ทุกครั้งที่เขากลับไปเยี่ยมดาวบ้านเกิด ดวงดาวที่ทางสมาคมวิวัฒน์พัฒนาเรียกอย่างดูแคลนว่า ดาวต่อต้านความก้าวหน้า แต่ชาวดาวท้องถิ่นไม่ได้คิดอย่างนั้น เพราะดวงดาวแห่งนี้คือ ดวงดาวแห่งความสุข ชายหนุ่มไม่เคยเข้าใจเลยว่าทุกคนที่นั้นทำไมถึงรู้สึกเป็นสุขนัก ในเมื่อมีเพียงแรงงานกับเทคโนโลยีง่ายๆ เท่านั้นที่ชาว ET จะใช้ในการสร้างปัจจัยสำหรับการดำเนินชีวิต แตกต่างกับ ชาววิวัฒน์พัฒนาที่สะดวกสบายด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงซึ่งเพียงขยับปากก็สามารถสร้างสิ่งที่ใจปรารถนาได้โดยไม่ต้องเหนื่อยแรงสักนิด

     ถ้าพวกเราทุกคนใช้ชีวิตตามวิธีของท่าน คนรุ่นหลังอย่างเจ้าก็คงไม่จำเป็นต้องกลายเป็นพวกเร่ร่อนค่อยเสาะแสวงหา และทำลาย เพื่อจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้เจริญหรอก

     เสียงของชายชราที่แม้ร่างกายภายนอกจะโรยราตามอายุ แต่สายตาอันแข็งแกร่งที่จ้องมองมายังเหรียญที่ห้อยคอของชายหนุ่ม ยังคงเป็นภาพสะท้อนขึ้นมาในหัวของเขาทุกครั้งที่นึกถึง นี้ก็เป็นอีกพฤติกรรมหนึ่งที่น่าแปลกสำหรับเขา เหรียญแห่งพลัง เหรียญมรดกที่บรรพบุรุษของชายหนุ่มมักจะบอกเล่ากับเขาเสมอว่า

     “เหรียญนี้จะนำพาพลังแห่งความสุขมาสู่ทุกคนที่เข้าถึงมัน

     แม้เขาจะพยายามค้นหาความเร้นลับของเหรียญมรดกที่ห้อยอยู่ที่คอเขาตั้งแต่เกิด แต่เขาก็ไม่พบอะไร นอกจาก เหรียญ โลหะที่มีรูปร่างกลมแบน หนาไม่ถึง 2 มิลลิเมตร วงกรอบด้านนอกทำจากเงินแตกต่างกับวัตถุสีเหลืองทองที่ใช้ทำเป็นใจกลางของเหรียญ บริเวณกึ่งกลางเหรียญปรากฏรูปสลักของชายคนหนึ่ง เท่านั้น ไม่เคยสักครั้งที่เขาจะรู้สึกว่าวัตถุนี้จะมีพลัง เขาเคยสงสัยจนนำเหรียญไปทดสอบค่าพลังงานด้วยอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์หลายครั้ง ผลของการทดสอบทุกครั้งเหมือนกันคือ ความว่างเปล่า แต่ทำไมเขาจึงรู้สึกถึงอำนาจของมันทุกครั้งผ่านสายตาของชนชาวดาว ET ที่จ้องมองเหรียญนี้เล่า

     “ได้พักซะที ข้าว่าจะแวะไปที่ดาว 69D หาความชื่นใจสักนิดค่อยกลับบ้าน ว่าไงพวก ไปด้วยกันหรือเปล่า

     เสียงสนับสนุนของเหล่านักบินกับการไปท่องดาวหรรษาสำหรับชายหนุ่ม ดังขึ้นอีกหลายเสียง

      แล้วแกละดิน จะไปด้วยกันหรือเปล่า

     เพื่อนสนิทชาวดาวเดียวกับเขา เรียกชื่อเขาตามความคุ้นเคย

     “ตามสบายเถอะ ฉันว่าจะกลับเลย ว่าแต่พวกแกอย่าลืมเติมเชื้อเพลิงละ เดี๋ยวจะไปไม่ถึงฐาน

     ชายผู้ได้รับการเชิญชวนตอบกลับ

    “ขอบใจวะ ข้าเกือบลืมไป งั้นต้องแวะลาน HWETA ก่อนซะแล้ว ต้องใช้ของที่นี้ละจะได้แรงสุดทันใจ ไร้มลพิษ แล้วเจอกันโว้ยดิน

     ชื่อสถานีเชื้อเพลิงยอดฮิตพร้อมสโลแกน ดังแว่วมากับเสียงตามสายก่อนการสนทนาจะยุติพร้อมกับเหล่าฝูงบินที่กระจายตัวเพื่อมุ่งไปตามเส้นทางของตน ดินเองก็ต้องแวะที่ HWETA เหมือนกัน ใช่ว่าเขาจะเห็นด้วยกับเพื่อนแต่เพียงอย่างเดียว แต่คุณภาพของเชื้อเพลิงไร้สัญชาตินี้ดีอย่างที่โฆษณาจริงๆ ถึงแม้เชื้อเพลิงรุ่นนี้จะออกสู่ตลาดได้ไม่นานแต่ก็ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการเชื้อเพลิงจักรวาลได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยคุณภาพอันดีเยี่ยมของเชื้อเพลิงทำให้ HWETA ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและมีสถานีกระจายอย่างทั่วถึงในจักรวาล ความโด่งดังประกอบกับคุณภาพที่ดีจนน่ายกย่อง เพียงพอที่จะทำให้ไม่มีใครสนใจกับที่มาของเชื้อเพลิงที่กลายมาเป็นความลับสุดยอดของ HWETA หลังการบรรจุพลังงานให้กับพาหนะคู่ใจจนเต็มอิ่มแล้ว

     ชายหนุ่มชาว ET ได้ตั้งโปรแกรมเดินทางอัตโนมัติ ก่อนที่จะกำหนดสภาพภายในยานให้เป็นลานกว้างบนภูเขาที่แวดล้อมด้วยพืชพรรณ เบื้องล่างคือผืนน้ำใสที่สะท้อนแสงระยิบระยับของแสงอาทิตย์ยามเย็น ทิวทัศน์จำลองสุดโปรดของเขา เขากำหนดเสียงดนตรีเบาๆให้เข้ากับอาหารและเครื่องดื่มที่พร้อมสำหรับเขาอยู่แล้ว นี้หละนะความสามารถของเทคโนโลยี แค่ขยับปากก็สามารถสร้างโลกทั้งโลกได้ เขาบอกกับตัวเองก่อนหย่อนตัวลงบนเก้าอี้หนานุ่มที่ตั้งอยู่บนลานเนรมิตแห่งนั้น ชายหนุ่มรู้สึกผ่อนคลายเป็นครั้งแรกหลังการตรากตรำเป็นแรมเดือนกับการหาดาวดวงใหม่ ดวงดาวที่ยังบริสุทธิ์ซึ่งอยู่ห่างไกลจากดาวแห่งความเจริญหลายล้านปีแสง

      ปู่ครับ ทำไมเราจะต้องปลูกพืช หลายๆอย่างในที่เดียวกันด้วยละครับ มันดูแลยากจะตาย

     เสียงบ่นของเด็กชายดังขึ้น หลังจากกระเตงถังปุ๋ยหลายถังเดินตามชายสูงอายุมาพักใหญ่

     “ปลูกหลายๆ อย่าง เราก็จะได้กินหลายๆ อย่าง แถมได้กินตลอดปีด้วยนะ ไม่ชอบเหรอ เจ้าดิน

     ชายชราตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

     “ชอบก็ชอบอยู่หรอกครับ แต่มันเหนื่อยเวลาที่ต้องเอาน้ำมารด เอาปุ๋ยมาใส่นี่ครับ แต่ละต้นแบบเดียวกันซะที่ไหน

     แนะเจ้าดิน ขี้บ่นตั้งแต่เล็กเชียว ปู่เห็นเวลาเจ้าขนผลของพวกมันไปอวดเพื่อนนะ ไม่เห็นเจ้าจะบ่น

     “ปู่ก้อ ผมแค่เอาไปฝากเท่านั้น ไม่ได้ไปอวดซักหน่อย

      เด็กน้อยยิ้มอายๆ เมื่อเจอผู้เฒ่าหยอกล้อ เด็กน้อยหิ้วตะกร้าผลไม้เดินตามปู่ไปบนคันดินที่แวดล้อมไปด้วยท้องทุ่ง ลมเบาๆพาให้ต้นข้าวโบกสะบัดจนดูคล้ายพวกมันกำลังทักทายทุกคนที่เดินผ่าน ที่ปลายสุดสายตายังมีสระน้ำขนาดพอเหมาะที่ชาวบ้านกำลังถอดแห สักพักเด็กน้อยและปู่ของเขาก็เดินถึงบริเวณลานกว้าง ชายชราหยุดทักทายคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังติดตั้งวัตถุรูปร่างคล้ายจานขนาดใหญ่ ขณะที่กลุ่มถัดไปกำลังวุ่นอยู่กับอุปกรณ์ที่ระโยงรยางด้วยสายไฟ และตู้ที่มีจอแสดงตัวอักษรดูยุ่งเหยิงไปหมด เด็กน้อยจ้องมองอุปกรณ์เหล่านั้นด้วยแววตาแห่งความอยากรู้

     “พวกพี่ๆ พวกนี้ กำลังติดตั้งจานส่งสัญญาณอยู่ พวกเขาจะนำเคล็ดลับการสร้างดาวแห่งความสุขของท่าน ไปบอกกับชาวดาวอื่นๆ ในจักรวาลให้รับรู้เสียงของชายชราเอ่ยขึ้น

      เด็กน้อยหันมาหาปู่ของเขาด้วยแววตาของความสงสัย ชายชราทำท่าจะอธิบายต่อ ถ้าเสียงหนึ่งไม่ดังขึ้นเสียก่อน ดินสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเตือนภัยดังขึ้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เขากระโจนไปที่แผงควบคุมยาน

     พายุอุกกาบาต

       ดินรู้สึกหนาวสะท้าน วัตถุล่องลอยในกระแสจักรวาลจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่บนเส้นทางข้างหน้า เขาตัดสินใจเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติมาควบคุมด้วยมือ แล้วบังคับยานให้หลบหลีกวัตถุอันตรายเหล่านั้นด้วยความว่องไว สำหรับดินแล้วปัญหาใหญ่ไม่ได้อยู่ที่กลุ่มวัตถุมรณะตามธรรมชาติ แต่เป็นขยะที่มนุษย์มาฝากไว้กับจักรวาลต่างหากที่เขากลัว ทุกครั้งที่ดินต้องหลบซากดาวเทียมหรือยานสำรวจหมดอายุ เขาต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นเพราะไม่รู้ว่าพวกมันจะมีรูปร่างแบบไหน นักบินหลายคนไม่สามารถรอดพ้นจากพายุอุกกาบาตเพียงเพราะไม่ระวังเสาสัญญาณเล็กๆ ของซากยานสำรวจ ยานของดินฝ่ากระแสนรกมาเป็นเวลาชั่วโมงเศษ กลุ่มวัตถุอวกาศนั้นก็บางตาลงจนเขาเริ่มคลายกังวล และลดอาการตึงเครียดที่ส่งไปถึงมือ

     “พ้นวิกฤตซะที เกือบแย่แล้วไอ้ดิน ชายหนุ่มปลอบขวัญตัวเอง แต่เขาไม่รู้เลยว่าความหายนะกำลังจะเกิดขึ้น

     “ปัง แควก

     ยานของดินสั่นคลอนพร้อมกับร่างของเขาที่เซถลา เขาไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นนอกจากเขากำลังหลบขยะอวกาศกองสุดท้าย เขามองไปรอบๆยานด้วยระบบตาอิเล็กทรอนิกส์เพื่อหาสาเหตุ แล้วเขาก็พบว่าเสาอากาศจากซากดาวเทียมดวงหนึ่งเอียงกระเท่เล่อยู่ข้างๆยานของเขา เขาหันตัวยานหลบทันทีก่อนที่ซากมรณะนั้นจะทำร้ายยานซ้ำ สัญญาณสีแดงกำลังกระพริบถี่ๆ พร้อมกับเสียงเตือนภัยที่ดังลั่นบ่งบอกอย่างชัดเจนว่ายานของเขากำลังมีปัญหา ไม่นานเขาก็พบกับสาเหตุของสัญญาณและเสียงแสบแก้วหูนั้น ถังเก็บกักเชื้อเพลิงหลักของยานกำลังรั่ว เชื้อเพลิงจำนวนหนึ่งกำลังกระจายไปในกระแสอวกาศตามแนวทางเดินของยาน ดินไม่มีหนทางใดให้เลือกนอกจากต้องรีบหาพื้นที่ลงจอดก่อนที่เขาจะกลายเป็นขยะอวกาศอีกชิ้น ระบบค้นหาตำแหน่งดาวทำหน้าที่อย่างรีบเร่งตามคำสั่งของเขา ผลงานของมันที่ปรากฏอยู่หน้าจอแสดงผล ย้ำความโชคร้ายของเขา บริเวณนี้มีแต่ซากดาวล้าหลังที่เคยเป็นอดีตอาณานิคมของสมาคมวิวัฒน์พัฒนา

      แทบไม่มีใครเคยรอดพ้นจากดาวล้าหลัง ที่นั้นไม่มีสิ่งที่เหมาะสมกับมนุษย์ที่เจริญแล้ว ซ้ำร้ายยังเต็มไปด้วยมลพิษ เชื้อโรคอันตราย และความป่าเถื่อนอย่างที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ เพราะฉะนั้นนักบินอย่างเราต้องจำไว้เสมอว่า อย่าได้คิดลงจอดในดาวล้าหลังเป็นอันขาด เพื่อความปลอดภัยของพวกคุณเอง

     ครูฝึกบินของทางสมาคมเน้นย้ำในการอบรมนักบินคาบเรียนสุดท้าย

     “ไม่เหมาะอะไรกันหละ ไม่จริงหรอก เขาว่ากันว่าชาวดาวล้าหลังนะ เขาแค้นสมาคมที่ไปหลอกพวกเขาว่าจะพัฒนา แต่กลับไปผลาญ เสร็จแล้วก็ทิ้งไป เขาเลยเห็นพวกสมาคมเหมือนเห็นศัตรู เจอที่ไหนเป็นต้องกำจัด

     เพื่อนร่วมชั้นของเขาบอกกล่าวถึงเรื่องที่เล่าลือกันอย่างหนาหูในหมู่นักบิน 1A ตัวอักษรปรากฏบนจอ แสดงตำแหน่งของดาวที่อยู่ใกล้ที่สุด ไม่มีเวลาพอที่ดินจะลังเล เขาตัดสินใจใช้พลังงานที่เหลือพุ่งไปในตำแหน่งดาว 1A ทันที ยานของเขาพุ่งลงไปในชั้นบรรยากาศของดาว 1A อย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับใจของเขาที่เต้นระรัว เมื่อคิดถึงสิ่งที่เขากำลังจะต้องเผชิญในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ยานของดินจอดลงตรงบริเวณผิวน้ำตามพิกัดที่เขาระบุ ดินเปิดระบบกระจกรอบตัวยานเพื่อให้เห็นบรรยากาศภายนอก ภาพซากปรักหักพังของหมู่ตึกและอาคารในอาณานิคมที่รกร้าง ผิวน้ำที่ดำคล้ำจนไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตเหลือรอด และควันสีเทาที่แพร่กระจายฟุ้งอยู่ทั่วบริเวณปรากฏแก่สายตาของเขา ดินตัดสินใจใช้ระบบผลักดันยานให้เคลื่อนเขาสู่ฝั่งที่ใกล้ที่สุด เขาสวมชุดและตระเตรียมอาวุธเพื่อสร้างความมั่นใจว่าเขาพร้อมที่จะเผชิญอะไรก็ตามที่อยู่บนดาวร้างแห่งนี้

    “วัดดวง

     ดินบอกกับตัวเองก่อนเปิดยานออกและก้าวเท้าไปในดินแดนที่เขาไม่เคยและไม่คิดจะย่างกรายมาถึง ดินเดินผ่านซากปรักหักพังที่ยังคงเหลือร่องรอยของสิ่งก่อสร้างที่อำนวยความสะดวกให้กับดาวอาณานิคมทั้งหลาย เขาลัดเลาะผ่านตึกแล้วตึกเล่า และต้องผวาทุกครั้งที่พบเจอเสียงจากหุ่นจำลอง 3 มิติที่ยังคงทำหน้าที่โฆษณาสินค้าอย่างซื่อสัตย์ โดยไม่รู้เลยว่า ไม่มีใครที่จะหลงเชื่อ คำลวงของพวกมันอีกแล้ว ชายหนุ่มเดินไปเรื่อยๆ โดยหวังว่าจะเจออุปกรณ์สักชิ้นที่พอจะซ่อมยานที่เสียหาย และแหล่งเชื้อเพลิงที่มีปริมาณมากพอจะพาเขาให้พ้นจากซากดาวแห่งนี้ ดินเริ่มสัมผัสถึงความชื้นของเหงื่อที่เกิดขึ้นจากการเดินผ่านซากของความเจริญมาเป็นเวลาร่วมชั่วโมงพร้อมๆกับความรู้สึกประหลาดใจกับบรรยากาศรอบๆตัวที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป เขาสังเกตเห็นพืชพันธุ์อยู่แทนที่ซากประดิษฐ์ สิ่งมีชีวิตสีสันสดใสกระโดดขึ้นลง ผลุบโผล่เป็นระยะ ยิ่งเดินไปเขาก็เริ่มเห็นพวกมันหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆจนแทบจะบดบังซากของความเจริญในบริเวณนั้น แล้วดินก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่ปรากฏตรงหน้าเขา เขาเห็นท้องทุ่งกว้างที่มีพืชหลากหลายสีสันโตสลับกันเป็นแนวแถวอย่างแน่นขนัด มันช่างแตกต่างกับสิ่งที่เขาพานพบมาทั้งหมดในดวงดาวแห่งนี้ เขาจ้องมองอย่างลืมตัวราวกับต้องมนต์สะกด พร้อมกับการก้าวเข้าไปหาท้องทุ่งผืนงามแห่งนั้นอย่างช้าๆ อีกเพียงก้าวเดียวเขาก็จะได้รู้ว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นของจริงหรือแค่ภาพฝัน เสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆตัวเขาพร้อมๆกับอาการเจ็บแปลบบริเวณต้นคอ ดินเริ่มรู้สึกตัวชา และค่อยๆอ่อนแรงจนไม่สามารถทนยืนอยู่ได้ การเคลื่อนไหวของอะไรบางอย่างอยู่รอบๆร่างของเขา

     ดินรู้สึกเหมือนมีใบหน้าของใครคนหนึ่งยื่นมาใกล้ๆ แต่หน้าของใครคนนั้นกลับใส ใสซะจนเห็นทะลุไปถึงสิ่งที่อยู่ด้านหลังของร่างนั้น มนุษย์ประหลาดผู้นั้นถอดหมวกชุดสำรวจบนตัวเขาออก และแสดงสีหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นเหรียญที่แขวนอยู่บนคอของเขา มนุษย์เกือบล่องหนผู้นั้นจับเหรียญของเขาขึ้นมองสักพักก่อนจะเปล่งเสียงออกมาอย่างตื่นเต้น อะไรบางอย่างรอบๆตัวดินเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง

      ดินใช้เรี่ยวแรงที่ยังพอมีเหลือเพ่งมองสิ่งที่เกิดขึ้นโดยรอบ เขาจึงมีโอกาสได้เห็นใบหน้าอีกหลายหน้าที่มีลักษณะเดียวกันกับมนุษย์รายแรกจ้องมองเขาก่อนที่สติของเขาจะดับวูบลง ดินลืมตาขึ้น เขารู้สึกสดชื่นอย่างประหลาดเหมือนได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ สิ่งแรกที่เขาเห็นคือเพดานที่สร้างขึ้นด้วยวัสดุคล้ายไม้ปล้องเล็กๆสีน้ำตาลเข้มเช่นเดียวกับเตียงของเขา และเครื่องเรือนอีกหลายชิ้น ทุกๆชิ้นล้วนประดิษฐ์ขึ้นด้วยวิธีง่ายๆแต่ก็ดูแข็งแรงและมั่นคง เขามองเห็นสีแดงของท้องฟ้าผ่านหน้าต่างบานเดียวภายในห้องนั้น สีของมันช่างดูจัดจ้านแตกต่างกับดอกไม้สีฟ้าสดใสที่ตั้งอยู่ริมหน้าต่าง บรรยากาศสบายๆโดยรอบทำให้ดินเกือบลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ หากไม่มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

     “ตื่นแล้วหรือคะ

     ชายหนุ่มลุกพรวดและหันไปในทิศทางของต้นกำเนิดเสียงทันที มีใครอยู่ในห้องนี้อีกหรือ แล้วเขาก็ต้องเบิกตากว้างกับสิ่งที่เห็น เมื่อร่างเกือบจะโปร่งใสร่างหนึ่งปรากฏขึ้นใกล้กับเตียงของเขา

      ยินดีต้อนรับสู่ดาว A ค่ะ

     ไม่นานร่างของเธอก็ค่อยๆ ปรากฏชัดขึ้น แต่ก็ยังเห็นสิ่งของที่อยู่ข้างหลังตัวเธออยู่ดี เรื่องน่าแปลกไม่ได้มีแค่นั้น เพราะเธอกำลังพูดภาษาถิ่นเกิดของเขาอยู่โดยไม่อาศัยเครื่องแปลภาษา

      พวกเราดีใจมากที่ผู้มีพระคุณคนหนึ่งมาเยือนเรา คุณพอจะเดินไหวหรือเปล่าค่ะ ดินพยักหน้าโดยอัตโนมัติ แม้ว่ายังฉงนกับสิ่งที่กำลังประสบอยู่

      ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเลยนะคะ คณะกรรมการสหกรณ์ของพวกเรากำลังรอคุณอยู่ ท่านอยากพบกับคุณก่อนงานเลี้ยงต้อนรับอย่างเป็นทางการคืนนี้คะ

     ดินเดินตามร่างโป่รง(เกือบ)ใส ของหญิงสาวไปอย่างช้าๆ เขาเดินผ่านหมู่เรือนที่สร้างด้วยวัสดุและวิธีที่ไม่แตกต่างกับเรือนพักของเขา ร่างของหญิงสาวชาวดาว A เดินนำหน้าเขาไปเรื่อยจนพบกับท้องทุ่งที่เต็มไปด้วยพืชพรรณสีฟ้าเข้ม หญิงร่างใสหันมาบอกกับเขาว่าพืชพวกนี้เป็นอาหารหลักของชาวดาว A เปรียบไปก็คล้ายกับข้าวในดาวถิ่นเกิดของเขา พ้นจากท้องทุ่ง ดินก็พบกับผืนน้ำขนาดกว้างใหญ่ วัสดุรูปร่างคล้ายแหจำนวนหนึ่งกำลังสะบัดทอดไปบนผืนน้ำนั้น ผู้นำทางของเขาส่งภาษาไปยังตำแหน่งของแหเหล่านั้น ท่าทางของเธอเหมือนกำลังทักทายใครบางคน ไม่นานร่างของชาย หญิงหลายคนเริ่มปรากฏชัดขึ้นพร้อมกับเสียงโต้ตอบการทักทายของเธอ สักพัก ทุกๆใบหน้าก็เริ่มหันมาทางดิน จ้องมองเขาด้วยสายตาแห่งความเป็นมิตร

     “สวัสดี แล้วเจอกันที่งานเลี้ยงคืน%

หนึ่งความเห็นบน “ดวงดาวแห่งความสุข โดย ใบไผ่”

ใส่ความเห็น