นักเดินทางท่องเวลา

“5… 4… 3… 2… 1”
ผลแอ๊ปเปิ้ลเบื้องหน้าหายวับไปกับตา
ไม่ถือเป็นสิ่งที่เกินความคาดหมาย เสียงปรบมือกึกก้องในบัดดล
สุพจน์ ผู้ประกาศขั้นตอนการปฏิบัติงาน อดเหลือบมอง นิวัติ นักวิทยาศาสตร์หนุ่มไฟแรง ที่เป็นเจ้าของและหัวเรี่ยวหัวแรงทั้งหมดของโครงการนี้ ไม่ได้
เขาเห็น นิวัติ อมยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“และในอีก…” สุพจน์ พูดใส่ อินเตอร์คอม
ผู้เฝ้าชมนับร้อยเงียบกริบลงในทันได
และเหมือนจะหยุดหายใจเสียด้วยซ้ำ
“3… 2… 1…”
ผลแอ๊ปเปิ้ลสีแดงสด กลับมาอยู่ในสถานที่ และ สภาพที่ควรจะเป็น
เสียงไชโยโห่ร้องดังขึ้นอย่างกึกก้อง
ผลแอ๊ปเปิ้ล ได้เดินทางข้ามเวลาไปในอนาคต
มันไปใน 2วินาที ข้างหน้า
แต่จะเป็น 2วินาที ที่เปลี่ยนแปลงโลกไปตลอดกาล

จากภาพถ่ายความเร็วสูง
ผลแอ๊ปเปิ้ลสั่นไหวอย่างรุนแรงในกรอบแคบๆ
ความถี่การสั่นไหวเข้าใกล้ความเร็วแสง
ก่อนการเดินทาง
นั่นก็เป็นไปตามที่นิวัติคาดหวังไว้
เขาไม่สามารถสร้างลานวิ่งให้รองรับการเร่งวัตถุเข้าสู่ความเร็วแสงได้
ทางออกของเขาคือ เร่งความถี่พื้นฐานของอะตอม

รอบห้องทดลอง ผนังแก้วรูปผลึก ฝูงชนยื้อแย้งกันเข้าจับมือกับ นิวัติ ราวกับเป็นดาราผู้ยิ่งใหญ่
แต่เขาก็เป็นผู้ยิ่งใหญ่จริงๆนั่นละ เพราะเขาเป็นผู้ผลิต จักรกลท่องเวลา เป็นเครื่องแรกของโลกนี่นา
จากผลสำเร็จของการเคลื่อนย้ายสิ่งต่างๆผ่านกาลเวลา
ไม่ว่าจะเป็น ผลแอ๊ปเปิ้ลในการเคลื่อนย้ายครั้งแรก
หนู, สุนัข, ลิงชิมแปนซี และ ลิงอุรังอุตัง
บริษัทท่องเที่ยวต่างจ่อคิวขอเป็นสปอนเซอร์ และผู้ร่วมธุรกิจ ในวงเงินมากว่า ล้านล้านล้าน ดอลลาร์
และวันนี้จะเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่ง
นิวัติ จะเป็นนักท่องเวลา คนแรกของโลก

การตรวจสอบ ทบทวนกระบวนการเกิดขึ้นอีกครั้ง ก่อนการเดินทางครั้งสำคัญ
วิไลวรรณ แฟนสาวและเพื่อนร่วมงาน ถามนิวัติอยู่หลายครั้งว่า ควรจะใช้คนอื่นเดินทางแทนก่อนเขาหรือไม่ เพราะเขาสำคัญเกินไป
แต่นิวัติกลับตอบว่า “ถ้าคุณมีโอกาสเป็นนักท่องเวลาคนแรกของโลก คุณจะสละโอกาสนั้น หรือไม่”
นั่นก็จริงของเขา

“เริ่มต้นด้วย การเดินทางไปในอนาคตของสามวินาทีข้างหน้า”
สุพจน์ ประกาศ ผู้ชมนับพนคนในพื้นที่ทดลองเงียบกริบ
ยังไม่รวมอีก หลายล้านคนทั่วโลก
“ใน 5… 4… 3… 2… 1”
ร่างของนิวัติ ในชุดสีขาวโพลน ที่ยืนอยู่กลาง ห้องผลึกแก้ว หายวับไปในพริบตา
คราวนี้ สรรพเสียงกลับยิ่งเงียบกริบ ยิ่งกว่าเดิม
บางคนเริ่มสวด ภวนา
บางคนเหมือนจะหยุดหายใจ
“และในอีก…” สุพจน์ ประกาศ
“3… 2… 1”
นิวัติ ปรากฎร่างกลับมายืนอยู่ที่เดิม
ก่อนจะทรุดฮวบลงกองกับพื้น
เสียงกรีดร้องดังขึ้นทั่วไป
“พยาบาล… พยาบาล…” วิไลวรรณ ร้องเสียงหลง
สัญญาณเตือนภัยดังขึ้น ประตูห้องผลึกแก้วเปิดออก ก่อนทีมช่วยเหลือ กรูกันเข้าไป

สุขภาพร่างกายของนิวัติ ยังคงสมบูรณ์แข็งแรง เป็นปกติทุกประการ
แต่…

ในห้องทำงานที่กองเอกสาร วางทิ้งระเกะระกะ
ภาพ นิวัติ ในห้องบุนวมสีขาว ถูกฉายขึ้นผ่านจอมอนิเตอร์
ผ่านมาสี่ปี หลังจากการเดินทางครั้งสำคัญ
นิวัติ ถูกทดสอบ และ ระบุว่า เสียสติ
วันนี้ คือวันที่ งบประมาณการทดลอง สิ้นสุดลง
รัฐบาลประกาศว่า การค้นคว้าล้มเหลว และ นิวัติ ไม่มีคุณค่าเพียงพอที่จะให้เงินสนับสนุนอีกต่อไป
วิไลวรรณ เก็บของเงียบๆ อยู่กับ สุพจน์
นักวิทยาศาสตร์ เพื่อนร่วมงาน สองคนสุดท้ายของ นิวัติ และโครงการเปลี่ยนโลก ของเขา
“เราไม่เคยได้มีโอกาส ตรวจสอบสภาพจิต ของ วัตถุทดสอบ เลยสักครั้ง” สุพจน์ เอ่ยปากขึ้นด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน
เขาหมายถึง ผลแอ๊ปเปิ้ล, หนู, สุนัข, ลิงชิมแปนซี และ ลิงอุรังอุตัง
วิไลวรรณ ได้แต่ส่ายหน้า และ ยิ้มเยาะ สมเพช ตนเอง
หล่อนเงยหน้าขึ้นมอง มอนิเตอร์
นิวัติ มองย้อนกลับมาด้วยสายตาเหม่อลอย
“มันอีกแค่นิดเดียวเท่านั้น … ถ้าเราไม่ได้งบประมาณต่อ เราก็ไม่มีโอกาสจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” สุพจน์ หยุดเก็บของ ตัวสั่นเทา
“พอได้แล้ว สุพจน์” วิไลวรรณ เค่นเสียง
“แต่ว่า …”
“ฉันบอกว่า พอได้แล้ว ไง” วิไลวรรณ ถอนหายใจ “ฉันรู้อยู่แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“อะไรนะ” สุพจน์ ร้องเสียงหลง “แล้วมันคืออะไรกัน …”
“มันเป็นหลักการพื้นฐานที่เราหลงลืมกันไปนั่นเอง สุพจน์” หล่อนอธิบาย
” ขณะที่วัตถุ เคลื่อนที่เข้าใกล้ความเร็วแสง และมวลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกสิ่งหนึ่งที่ช้าลงก็คือ เวลา ”
” เช่นเดียวกับการทดลองพิสูจน์ ทฤษฎีสัมพันธภาพ ที่เวลาเดินช้าลงในความเร็วที่เพิ่มขึ้น ”
” แต่เราไม่เคยมองมันในมุมมองของผู้เดินทาง เวลาของเขาเดินช้าลง แต่เราไม่คิดว่า ความสามารถในการรับรู้เวลาของผู้เดินทางนั้น คงเดิม ”
” เวลาของนิวัติ ในขณะที่เดินทางด้วยความเร็วแสง … เทียบได้ว่าเวลาของเขากลับกลายเป็น อนันต์ ”
หล่อนทอดถอนหายใจ
” คนเราจะอยู่คนเดียวด้วยเวลาที่เป็น อนันต์ แบบนั้นได้อย่างไร ”
เหลือบมองนิวัติ ด้วยสายตาเศร้าสลด
นิวัติ มองกลับมาด้วยสายตาอันว่างเปล่า
” หากเทียบกัน กับการเดินทางสามวินาทีของนิวัติ ก็คงเทียบได้กับการเดินทางไปนรกในช่วงเวลา กัลป์ หนึ่งนั่นเอง ”

ห้องทดลองปิดไฟเงียบ
ไม่มีใครพูดถึงการสร้าง Time Machine อีก
อย่างน้อยก็ช่วงเวลานี้
มนุษย์ย่อมมีความทะเยอทะยาน อยู่เสมอ

8 ความเห็นบน “นักเดินทางท่องเวลา”

  1. พล็อตดีครับ อ่านแล้วเข้าใจได้ทันที ผมชอบเรื่องนี้ตรงที่เขียนสั้นและรวบรัดดี ถึงจะไม่เข้าสไตล์ผมที่ชอบเรื่องที่บรรยายมากหน่อยแต่ก็อ่านแล้วชอบทันทีตรงที่เน้นไปที่เนื้อหาเป็นหลัก น้ำน้อยและเข้มข้นครับ

    เคยอ่านเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งของ Stephen King เขียนเรื่องการเดินทางข้ามความเร็วแสงไปยังอีกสถานที่หนึ่ง เรื่องนั้นเกิดความผิดพลาดกับตัวละครตัวหนึ่ง แทนที่จะเดินทางข้ามมิติไปยังอีกสถานที่หนึ่ง ดันไปหลงอยู่ในห้วงเวลาอื่นก่อน พอไปถึงปลายทางก็กลายเป็นคนแก่ไปเลย (Stephen King คนที่เขียนนิยายสยองขวัญนั่นแหละครับ ลุงแกเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ฺด้วย)

    ผมว่าพล็อตเรื่องเวลา-อวกาศ-ความเร็วแสงนี่ยังเอาไปต่อยอดได้อีกมากนะครับ

  2. ขอบคุณครับ
    ตาคิงแก ชอบลงรายละเอียดครับ ตัวละครเยอะ เน้นไปที่พฤติกรรมของตัวละคร
    ส่วนงานเขียนของแกที่เป็น sci-fi ผมยังไม่เคยอ่านเลยครับ
    มีแต่ sci-fi horror ซะส่วนใหญ่

  3. เป็นฮาร์ทไซ-ไฟที่สนุกครับและนำเสนอหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่ลงตัวมาก เป็นเรื่องที่คนลืมนึกถึงเกี่ยวกับช่วงเวลาที่หายไประหว่างการเดินทางด้วยความเร็วแสง ตอนจบที่จริงยังไม่จบก็จะดีนะครับ ควรจะต่ออีกนิดว่า การทดลองครั้งใหม่ได้เริ่มขึ้นอย่างเงียบๆ แล้วหักมุมผลการทดลองในแบบที่คาดไม่ถึง

    วรากิจ

  4. สวัสดีครับ ผมเป็นสมาชิกใหม่ครับ ชอบเรื่องราวนิยายวิทยาศาสตร์มากๆ อยากเขียนมาลองให้อ่านกันบ้างจะได้ไหมครับ เรื่องนี้ โดนใจผมมากๆ มันเป็นสิ่งที่เราไม่เคยนึกถึง ส่วนใหญ่นักเขียนเรื่องเดินทางข้ามเวลาจะเน้นถึงเรื่องที่นักเดินทางไปพบเห็น แต่ไม่ได้เน้นถึงผลกระทบทีตามมา เป็นการเสนอแง่มุมที่ดีมากๆ

    ว่างๆ ผมจะลองหัดเขียนมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันบ้าง คงไม่ว่ากันนะครับ ขอบคุณครับ

  5. ดีครับ ผมสมาชิกใหม่ ชอบเรื่องราวแนวนี้ครับ
    มีข้อสงสัยครับ

    ” เวลาของนิวัติ ในขณะที่เดินทางด้วยความเร็วแสง … เทียบได้ว่าเวลาของเขากลับกลายเป็น อนันต์ ”

    สงสัยประโยคนี้อ่ะครับ ที่ผมเข้าใจคือ ร่างกายของนิวัติยืนอยู่กับที่ แต่เวลาเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเร็วมากๆ (เสมือนภาพ Fast Speed ในหนัง) ใช่มั้ยครับ สิ่งที่นิวัติได้เห็นตลอดการเดินทางคือ ภาพความเปลี่ยนแปลงของโลก (ในพื้นที่ที่เขายืนอยู่) เช่นเริ่มจาก เหตุการณ์ที่ตัวเขาเองล้มลง ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ตกใจกับการทดลอง ตื่นขึ้นมาแล้วเอ่อ —> ร่างกายเคลื่อนที่ไปสถานที่ต่างๆอย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้หยุดพัก อาจจะเห็นไปถึง ยุคอนาคตอันไกลโพ้นเป็น พันๆหมื่นๆปีข้างหน้า ที่เข้าสู่ช่วงกลียุค ถึงโลกแตกไรประมาณเนี่ย เลยสติแตก (อันนี้ผมก็งงตัวเองเหมือนกันว่า เวลาที่เคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความเร็วมากๆขนาดนี้ มันสัมพันธ์กับกายภาพหรือร่างกายของนิวัติด้วยหรือเปล่า หมายถึงอายุขัย แก่ลง ตาย ไม่มีการสติในรับรู้แล้ว)

    งงครับ ไม่รู้เข้าใจในสิ่งที่ผมพยายามบอกเล่าอยู่หรือเปล่านะครับ

    ติส

  6. 😀
    ขอบคุณครับ คุณติส
    สิ่งหนึ่งที่ผมว่าเป็นเสน่ห์ของนิยายวิทยาศาสตร์ คือความไม่รู้แน่ของมัน และการตั้งคำถามต่อสิ่งที่อาจจะเป็นไปได้
    มันกระตุ้นให้คิดครับ

    กรณีนี้ก็เช่นกัน ผมตั้งคำถามว่า “จะเกิดอะไรขึ้นถ้า”เรา”เร็วเท่าแสง”
    สมมุติฐานของผมคือ “เรา”จะอยู่ในสภาพเวลาที่หยุดนิ่ง

    หากเราเดินทางเร็วเท่าแสง
    เราจะไม่ได้เห็นภาพเร็วขึ้นนะครับ
    เหมือน ฟิล์มหนังที่หมุนเร็ว กับ หมุนช้า
    ฟิล์มหนังที่หมุนช้า คุณจะได้ภาพที่เร็วขึ้น(เมื่อฉายตามความเร็วปกติ)
    ฟิล์มหนังที่หมุนเร็ว คุณจะได้ภาพที่ช้าลง(เมื่อฉายตามความเร็วปกติ)
    นั่นคือ ถ้า”เรา”ยังรับรู้ถึงเวลา(ตามปกติของเรา)ในช่วงเวลาที่ช้าลงนั้น
    (นึกถึง matrix ตอนหลบกระสุน)

    ฉะนั้น ถ้าคุณขับรถเร็วขึ้น ใช่ครับ คุณจะเห็นภาพที่เคลื่อนที่เร็วขึ้น
    แต่ถ้าคุณขับรถด้วยความเร็วแสง คุณจะเห็นว่ารถทุกคันและสิ่งต่างๆรอบตัว หยุดนิ่งอยู่กับที่ครับ
    แต่ในประเด็นผม ผมมองไปว่า ถ้าคุณเคลื่อนที่เร็วเท่าแสง ในช่วงเวลา(space&time)ที่ยืดยาวขึ้น โดยที่ความสามารถในการรับรู้ถึงเวลาของคุณยังคงอยู่ที่เดิมล่ะ
    (รู้สึกถึง๑วินาทียาวเท่าเดิม แต่ตัว๑วินาทีจริงๆยาวขึ้นเป็นอนันต์)
    นั่นคือ แนวคิด(สมมุติฐาน)ของผมนะครับ
    (เพราะยังไม่มีใครเดินทางเร็วเท่าแสง อิ อิ)

    แต่สมมุติฐานนี้มาจากไหน
    ส่วนหนึ่งคือ ทฤษฎีสัมพันธภาพ ที่เวลาของคุณยาวขึ้นเมื่อคุณเดินทางเร็วขึ้น ครับ

    ประมาณนี้ล่ะครับ

ใส่ความเห็น