ประกาศผลการประกวดเรื่องสั้นไซ-ไฟ ครั้งที่ 2

ประกาศผลการประกวดเรื่องสั้นวิทยาศาสตร์ครั้งที่ 2 หัวข้อ “ยานอวกาศ”

รางวัลชนะเลิศ
ผู้รอคอย โดย กาณฑ์อวกาศ

รางวัลชมเชย
ผู้มาเยือน โดย ชัยพัฒน์ ชูสุวรรณ
E Project โดย เฃาวงกต
ผู้บริสุทธิ์ โดย ปิยะ วีระไวทยะ
No Place โดย อินดาริน
ภารกิจกู้ชีพ…วันสงกรานต์ โดย จัตวาลักษณ์

ขอแสดงความยินดีต่อทุกท่านครับ

25 ความเห็นบน “ประกาศผลการประกวดเรื่องสั้นไซ-ไฟ ครั้งที่ 2”

  1. ทุกเรื่องเขียนได้ดีมากครับ
    อาจจะมีข้อบกพร่องเล็กน้อยๆ
    แต่โดยรวม ดีมากๆ เลยครับ

    จากทุกเรื่องที่อ่านมา ถือว่า มาตรฐานสูงมากจริงๆครับ
    ในทุกๆเรื่อง
    การใช้ภาษา ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีครับ
    กลวิธีการเล่าเรื่อง ก็เหมาะสมกับเรื่องนั้นๆดีอยู่แล้วครับ
    เหตุการณ์ และ ลำดับเหตุการณ์ ในการเล่าเรื่องถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ครับ
    จึงกินกันที่ แก่น หรือ ประเด็นของเรื่องเท่านั้น
    ซึ่งบอกตรงๆว่าเป็นกันตัดสินใจที่ยาก และ สูสี มากๆ เลยครับ

  2. ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านด้วยครับ ผมกะไว้ว่าจะprint ออกมาอ่านเลยครับ อ่านในจอแล้วปวดตา อยากให้ทางชมรมจัดการเขียนเรื่องแนวไซไฟแบบนี้ทุกเดือนเลยครับ สนับสนุนๆ

  3. อยากให้ทางชมรมช่วยประกาศได้ไหมว่ามีจำนวนผู้ส่งทั้งหมดกี่เรื่องนะครับ รบกวนช่วยเปลี่ยนชื่อเรื่องของผมด้วยครับ จริงๆชื่อ “ผู้บริสุทธิ์” ไม่ใช่ “HooNo HooNo2” ไม่รู้ว่าผมผิดพลาดในการส่งหรือไม่นะครับ ขอบคุณมากครับ

  4. อ่านหมดแล้วครับ ในการประกวดรอบนี้ยกระดับการเขียนมาขึ้นกว่าคราวที่แล้วเยอะมาก ทีแรกคิดว่าแนวเขียนจะออกมาแนวๆเดียวกัน แต่พอเอาเข้าจริงๆพบว่า มีความเป็น variety มาก มีหลากหลายมุมมอง (แม้จะออกแนว ภาระกิจกู้โลก หรือกู้ชีวิตกันหลายเรื่อง ของผมก็ด้วย) อีกทั้งได้นักเขียนกิติมศักดิ์มาร่วมด้วย ที่ผมเคยได้ยินอย่างน้อยก็สองท่านแล้ว

    ไหนๆก็อยากจะขอสัมภาษณ์ผู้ผ่านเข้ารอบทุกคนหากพอจะตอบได้ดังนี้ครับ
    1. ท่านมีแรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องอย่างไรบ้าง
    2. ท่านรู้สึกชอบ หรือ ไม่ชอบส่วนไหนของเรื่องบ้าง
    3. อุปสรรคในการเขียนมีอะไรบ้าง

    ขอบคุณทางชมรมที่จัดกิจกรรมดีๆด้วยครับ

  5. สวัสดีครับท่าน HooNo2000 ติดตามอยู่ครับ เพราะตอนแรกทางชมรมลงไว้ว่าประกาศ วันที่ 20 แต่ก็ล่วงมาหลายวันเลยสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ยินดีด้วยครับที่เรื่องได้รับรางวัล นักเขียนสองท่านที่ได้เคยยินชื่อมีคุณจัตวาลักษณ์ (ตอนนี้ลงเรื่องเขียนที่ Update magazine อยู่) กับอีกท่านคือใครครับ?

  6. สวัสดีครับ

    ขอบคุณทุกคนครับที่สนใจอ่านงานของผมและ แหม…เขินเหมือนกัน ถูกคุณ uranus ระบุเป็นนักเขียนที่พอจะมีชื่อเสียงไปเสียแล้ว ผมว่าผมก็ยังไม่ค่อยดังนะครับ ก็พอมีงานออกมาบ้าง แต่ดีใจมากๆ เลยครับ ที่คุณๆ ทั้งหลาย จดจำผมได้

    คุณ HooNo2000 ตั้งคำถามเอาไว้ 3 ประเด็น เอาครับ ผมจะลองตอบดูจากมุมมองของผมนะครับ
    1. แรงบันดาลใจ ต้องสร้างงานที่แตกต่างออกไปให้ได้ และต้องมี “กลิ่น” ความเป็นไทยอยู่ในตัว
    2. ชอบ “ถนนเปลือยอก” ในงานของผมนะครับ ไม่ชอบคือ มันมีเนื้อที่ให้แค่ 5 หน้ากระดาษ คุมเนื้อหางานลำบากพอดู
    3. อุปสรรค ก็คงเรื่องของเวลาครับ เพราะนอกจากงานประจำแล้ว ยังมีงานเขียนเรื่องยาวชิ้นใหม่ที่กำลังทำอยู่ด้วย ก็ต้องแบ่งๆ กันไป

    จัตวาลักษณ์

  7. สวัสดีครับ ผม “กาณฑ์อวกาศ” ครับ

    เป็นสมาชิกเก่า (ไม่เก่ามาก) แต่ก็มา post เรื่องสั้นในนี้อยู่ระยะหนึ่งแล้วโดยใช้นามแฝงอื่นครับ ต้องขออนุญาตเปลี่ยนนามแฝงและชื่อ login เพราะไม่อยากให้ดูเหมือนเป็นสมาชิกเก่าแล้วจะใช้ชื่อเสียง(ที่อาจจะมี)เป็นเหมือนใบเบิกทางในการประกวด ก็เลยเปลี่ยนใหม่ทั้งชื่อ email และ login ครับ ใครที่ติดตามอ่านมาระยะหนึ่งก็คงพอจะเดาทางได้ว่าเป็นใคร

    ก่อนนี้เคยเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ประกวดสมัยเป็นนักเรียน(มัธยมต้นเมื่อประมาณยี่สิบปีมาแล้ว) จากนั้นก็ไม่ได้เขียนอีกเลยจนกระทั่งมาเจอ web ของชมรม เลยปัดฝุ่นตัวเองมาเขียนอีกครั้งครับ

    ขอบคุณสมาชิกทุกท่าน กรรมการทุกท่าน โดยเฉพาะกรรมการชมรมที่ทำงานนี้แบบไม่มีค่าตอบแทนครับ (เพราะค่าสมาชิกก็ไม่เก็บ) ยินดีที่เห็นเว็บชมรมคึกคักขึ้นในช่วงหลังนี้ด้วยนะครับ

    ……………..

    สำหรับคำถามของคุณ HooNo2000 นะครับ

    1. แรงบันดาลใจ: เคยอ่านเจอข่าวลมสุริยะและผลกระทบที่จะมีต่อนักบินอวกาศครับ เลยอยากเขียนเรื่องพวกนี้ แต่ก็อยากให้มีเรื่องความผูกพันของคนต่อคนเข้าไปด้วย ก็เลยมาลงตัวที่แนวเรื่องแบบนี้ครับ

    2. ชอบ-ไม่ชอบ: ชอบตรงที่สามารถรวบรัดเอาเรื่องราวของ “บริษัท” ซึ่งในเนื้อเรื่องไม่ได้บอกเลยว่าเป็นบริษัทอะไร ละไว้ในฐานที่เข้าใจมาโดยตลอด และเรื่องราวของ “คนเหมือง” ที่ค่อย ๆ เผยออกมาทีละส่วน แล้วเอามาผูกเข้าด้วยกันได้ครับ ที่ไม่ชอบคือตอนจบ (อย่างที่คุณ Uranus ได้ comment ไว้ว่ามันยังไม่ค่อย peak เท่าไหร่) ซึ่งตัวเองก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน แต่ลองเขียนตอนจบหลายแบบดูแล้วก็มาลงเอยที่แบบนี้ มันดูไม่แฟนตาซีเกิืนไป และพอรับได้ในระดับหนึ่งครับ

    3. อุปสรรค: ไม่มีครับ ค่อย ๆ เขียนไปเรื่อย ๆ มีเวลาแก้นานครับ เขียนเสร็จก็บ่มไว้พักนึงก่อนแล้วค่อยมาแก้สำนวนทีหนึ่ง แล้วจากนั้นก็บ่มไว้อีกรอบถึงจะแก้ครั้งสุดท้ายก่อนส่งครับ

    ขอบคุณอีกครั้งครับ

  8. สวัสดีค่ะ อินดาริน จากเรื่องNo Place นะคะ

    นี่เป็นครั้งแรกที่ส่งเรื่องสั้นประกวด อาจมีข้อบกพร่องอยู่อีกหลายจุด แต่ยังไงก็ขอบคุณทุกคนมากนะคะ สำหรับโอกาส ทุกคำติชมจะเป็นกำลังใจให้เดินตามฝันต่อไปค่ะ

    ตอบคำถาม3ข้อนะคะ
    1. แรงบันดาลใจ : อยากสร้างงานที่สะท้อนสังคม และสามารถเปลี่ยนมุมมองความคิด เพื่อทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นค่ะ (ฝีมือเขียนคงยังไม่ถึงขั้นนั้น ฮ่าๆ)
    2. ชอบ : การเล่นคำยูโทเปีย ไม่ชอบ: ในส่วนที่รู้สึกว่าเนื้อเรื่องไม่ค่อยเกี่ยวกับหัวข้อ “ยานอวกาศ”เท่าไหร่
    3. อุปสรรคในการเขียน : เรื่องการกำหนดเนื้อที่5หน้าค่ะ

  9. 555 สนุกจังครับ ดีใจที่ได้เปิด topic นี้ขึ้นรู้สึกเป็นกันเองขึ้นมาทันตาเห็น แต่เดิมเวลาเข้าblock มันเงียบเหงาวังเวงชอบกล คล้ายจะกลายเป็นชมรมนิยายสยองขวัญ ตอนนี้ก็รู้จักกันแล้วละ

    คราวนี้ก็ต้องมาตอบคำถามตัวเองแล้วซินะครับ

    1. แรงบันดาลใจ —> อยากประกวดครับ อยากรู้ว่าเราฝีมือเป็นอย่างไรบ้าง จริงๆไม่รู้จะเขียนอะไรเกี่ยวกับยานอวกาศ มันก็ยากนะแต่เห็นเพื่อนๆเขียนโฮ้โห จิตนาการล้ำลึกมาก ไอ้แนวคิดอีกเพียบเลย
    2. ชอบอะไร —–> ชอบความเป็นตรรกะของเรื่อง คือสร้างสถานที่ๆจำกัด จำกัดตัวละคร แล้ว โยนหัวข้อหนักๆลงไป ชอบความลับที่ค่อยๆเผยที่ละขั้น ชอบฉากหลังแบบคล้ายโจรสลัด หรือนักล่าสมบัติประมาณนั้นครับ
    ไม่ชอบอะไร—–> ไม่ชอบที่เขียนแล้วไม่แตกต่างจากเดิมเท่าไหร่ ไม่ชอบที่เขียนแล้วไม่เป็นเรื่องสั้นขนาดสั้นครับ
    3. อุปสรรค—–> มีงานอื่นที่ต้องคิดต้องทำ ต้องเลี้ยงลูกด้วย 555 ลูกกำลังจะเข้าโรงเรียน จำนวนหน้าที่ชมรมให้มันน้อยจ้อยร่อยเสียจริงๆ

    คุณ uranus ครับอีกคนก็คือ คุณ ชัยพัฒน์ ชูสุวรรณ เขียนประจำใน update สำนวนดีมาก และยังเขียนตำราอิเล็กทรอกนิกไว้มากมายไงครับ

    คุยกันอีกนะ คุยๆๆๆ เยอะๆหน่อยจะได้ไม่เหงา

  10. คุณ HooNo2000 ครับ
    ผมสงสัยคำว่า “ไม่ชอบที่เขียนแล้วไม่แตกต่างจากเดิมเท่าไหร่” หมายถึงอะไรครับ
    เนื้อเรื่อง หรือ สำนวน

    ผมได้ข้อคิดอย่างหนึ่งจากอาจารย์ที่ผมไปเรียน เขียนบท
    เขาบอกว่า งานเขียนจะสะท้อนตัวเอง
    คือเราจะพบว่า เรามักจะเขียนเรื่อง ที่เป็นประเด็นหรือแง่มุมใดแง่มุมหนึ่งอยู่เสมอ
    (เขียนกี่เรื่องๆ ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับ “เรี่องนี้” แหล่ะ)
    อาจารย์ท่านบอกว่า มันเป็น mission ของชีวิต
    และเรามักจะค้นพบมันได้ด้วยงานเขียน

    แต่ถ้าเป็นเรื่อง style การเขียน
    ผมกลับมองว่าเป็นสิ่งที่ดี
    ค้นพบ style ได้แล้ว ปรับปรุงมันครับ
    มีตัวตน มีเอกลักษณ์ของตนเอง
    ดีแล้วครับ
    (ผมว่า … นะ)

  11. สวัสดีครับคุณ HooNo2000 และเพื่อนๆ น้องๆ พี่ๆทุกท่าน (ขอเรียกให้ครอบคลุมทุก level นะครับ)

    ที่ผ่านมา blog ชมรมเงียบไปนิดนึงครับ จุดนี้เห็นด้วยมากๆ อาจจะเป็นเพราะว่า นักอ่าน นักเขียนแนวไซไฟในตลาดวงการหนังสือบ้านมีน้อยมาก นับจำนวนคนได้เลย อีกอย่างหนึ่งข้อมูลสนับสนุนประเด็นนี้จากการสังเกตหนังสือนิยายที่วางแผง แนวเรื่องที่เห็นอย่างเข้าใกล้สุดก็เป็น “แฟนตาซีปล่อยพลัง” เข้าโรงเรียน ฝึกเวทย์แล้วไล่ล่าเควส! ตามแนวทางเดอะไวท์โรดกับแฮรี่พ็อตเตอร์ ช่วงหลังนี่เห็นแนว “สงครามในโลกออนไลน์” เยอะมาก เนื้อเรื่องที่เขียนออกมามีconcept เดียว พระเอกเข้าไปในโลกเกมออนไลน์แล้วสู้กับผู้เล่นคนอื่นๆในนั้น เก็ย item เลี้ยงสัตว์ อัพเลเวล แล้วออกตามหา boss เพื่อตุ้ยท้องจี๋เอวให้หัวเราะจนขาดใจตายไปเลย

    แต่ทั้งหมดทั้งปวงก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่วัยรุ่นเด็กไทยหันมาเขียนนิยายแฟนตาซีมากขึ้นครับ เท่าที่เห็นปัญหาของนิยายแนวที่กล่าวถึงคือภาษากับสำนวนครับ อ่านทีไรมึนทุกทีหรือเป็นเพราะว่าผมอาจจะแก่เกินไปก็เลยเวียนหัวทุกครั้งเวลาอ่านงานของเด็กวัยรุ่น หรือไม่ก็ ผมไม่ใช่นักอ่านกลุ่มเป้าหมายของนิยายแนวนั้น^^

    ปัญหาข้อที่สอง เวปชมรม ไม่ได้โปรโมท มากพอครับ ทุกวันนี้จำนวนเวปในอินเตอร์เนตมีนับล้านๆๆๆๆๆ เวป มีเวปใหม่ๆเกิดทุกวัน ไม่รวมพวก blog สำหรับปล่อยของ ของblogger ทั้งหลายแหล่ ดังนั้น เราต้องช่วยๆกันโปรโมทเวปชมรมของเรา

    ยังไม่ได้ตอบคำถามทั้งสามข้อเลย เผลอนอกเรื่องไปเยอะ เดี๋ยวจะเข้ามาตอบอีกทีครับ

  12. ใช้สิทธิ์พาดพิงครับ
    เงียบเหงาจริงๆครับ อันนี้ไม่สามารถปฏิเสธใดๆได้ครับ
    แต่ก็ต้องอาศัยเพื่อนๆสมาชิก เข้ามาช่วยๆกัน post ให้คึกคัก นะครับ

    จริงๆเนื้อหาที่ post ไม่จำกัดเฉพาะว่าต้องเป็นนิยายหรืองานเขียนนะครับ
    เป็นบทความแบบของคุณ uranus
    http://thaiscifi.izzisoft.com/?p=1000
    หรือเป็น โฆษณาประชาสัมพันธ์ แบบของคุณ Nightfall
    http://thaiscifi.izzisoft.com/?p=979
    ก็ไม่ได้ห้ามครับ ขอให้เกี่ยวกับนิยายวิทยาศาสตร์แม้แต่เพียงปลายก้อยก็ยินดี ครับ
    หรือจะเป็นข่าวสารที่น่าสนใจ เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ก็ดีนะครับ
    หรือ กิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจ ที่ไปอังเอิญเห็นมา ก็ยิ่งดีครับ
    ไม่ว่าจะเป็นของโรงเรียน ของหน่วยงานรัฐ หรือแม้แต่ของเอกชน
    เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถสร้างแรงบันดาลไจ หรือแม้กระทั่งนำไปใช้เป็น plot ต่างๆ ได้ด้วย

    ขอบคุณล่วงหน้าครับ

  13. ขอพาดพิงข้อความของคุณ NiRaj นะครับ

    มี Style ของตัวเองให้ได้ นั่นคือสิ่งที่คนเขียนหนังสือทุกคน ต้องตั้งเป้าเอาไว้
    ส่วน mission นั่นคือความยากครับ ผมเห็นด้วยเลยว่า คนมักจะติดกับมุมมองเดิมๆ มันคือความท้าทายครับที่จะ “แปลกแยก” ออกไปจากมุมมองเดิมๆ ให้ได้ เพราะมันคือการหนีออกจากกรอบของตัวเราเอง

    ทีนี้ ความเงียบเหงาและไม่เป็นที่นิยมในบ้านเรา เกี่ยวกับนิยายวิทยาศาสตร์นั้น ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งๆๆๆ..ครับ เห็นด้วยแล้วควรทำอย่างไรล่ะ

    ใครมีข้อเสนอบ้างไหมครับว่า เราจะช่วยกันกระตุ้นให้เด็กรุ่นใหม่ สนใจหรือรัก นิยายวิทยาศาสตร์ ได้อย่างไร

    เช่น ผมลองเสนอนะครับ จัดรายการ Reality Show เขียนนิยายวิทยาศาสตร์เยาวชน ทำเหมือน AF หรือ The Star ไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่านะ เปลี่ยนจากมาแสดงความสามารถในการร้องเพลงในแต่ละสัปดาห์ มาเป็นการเขียนเรื่องสั้นนิยายวิทยาศาสตร์แทน เป็นต้น คิดว่าจะรอดไหมครับ จะมีใครให้สปอนเซอร์หรือเปล่าก็ไม่รู้

  14. ขอชี้แจงคุณ pornsak นิดหนึ่งครับ
    mission ไม่ใช่ มุมมอง ครับ แต่เป็น “เรื่องที่(เรา)สนใจ”
    ซึ่ง “มุมมอง” ต่อ “เรื่องที่สนใจ” สามารถเปลี่ยนได้ตามกาลเวลาครับ
    ยกตัวอย่างผม
    มักเป็นเรื่องเกี่ยวกับ แนวคิด และ สังคม (เขียนทีไร กลับมาเรื่องนี้ทุกที)
    แต่มุมมองต่อสังคม ของผมเปลี่ยนไป ครับ

    ฉะนั้น เขียน(เกี่ยวกับ)เรื่อง เดิมๆ ไม่ผิดครับ
    (ในความหมายของผมคือ มันเป็นเรื่องปกติ นั่นเอง ครับ)

    Michael Crichton มักเขียนเกี่ยวกับความผิดพลาดที่คาดไม่ถึง
    ชาติ กอบจิตติ มักเป็นเรื่องการดิ้นรนเชิงสังคม
    clive barker มักเขียนเกี่ยวกับสังคมที่ซ้อนเหลื่อมกัน

    ประมาณนี้ล่ะครับ

    ส่วนเรื่องการผลักดัน นิยายวิทยาศาสตร์
    ผมก็มองว่า ใครทำอะไรได้ก็เริ่มลงมือทำเลยครับ
    เขียนนิยายแนววิทยาศาสตร์ส่งประกวดมากๆ (ในทุกเวที ที่มีโอกาส)
    มีความรู้อะไรก็เขียนเผยแพร่ออกไป (ลงใน web นี้ก็ได้)

    คือผมว่า เริ่มจาก ของง่ายๆ ใกล้ๆตัว เริ่มได้เลย ไม่ต้องเครียดมาก ครับ
    เริ่มจากโรงเรียนใกล้บ้าน
    ลูกหลาน ภายในบ้าน (อาจไปถึงเพื่อนบ้าน ถ้าทำได้)

    ผมก็เข้าใจว่า ต่างคนต่างก็มีภาระของตนเองที่ต้องจัดการ
    ผลักดัน เท่าที่ผลักดันได้ครับ

  15. จริงๆ ผมว่าเป็นที่บรรยากาศมากกว่าครับ คือที่ผมว่าเว็บชมรมเงียบนั้น
    1. ไม่ค่อยมีข่าวคราวอะไรเท่าไหร่
    2. ขาดปฏิสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกกันเอง เหมือนเวลาเข้ามาก็จะมีบรรยากาศแบบระมัดระวังตัวกัน คล้ายคงแก่เรียน จริงๆคุยเล่นๆกันก็ได้ เหมือนมาหยั่งเชิงกันอย่างไรก็ไม่ทราบ
    3.ทางชมรมก็มีโวตไว้แล้วซึ่งก็โวตไปแล้วแต่เข้าใจว่าทางชมรมไม่ค่อยมีเวลาและกำลังคนจะทำ
    4. สมาชิกก่อตั้งหายไปหมดแล้ว หมดไฟ หรือไปทำธุระส่วนตัวเพื่ออยู่รอดกระมัง

    เรื่องนี้ผมอยากฝากถามพี่ ถ้าพี่ออกมาพูดคุยชวนหัวblog น่าจะสนุกกว่านี้ เห็นในblog สมัยก่อนกิจกรรมเยอะน่าดู แต่หายไปหมดแล้ว

  16. เห็นด้วยอย่างยิ่งเรื่อง “สนทนาวิสาสะ” ครับ จะทำให้เกิดความเป็นกันเองมากขึ้นในหมู่สมาชิก
    และอย่างที่เคย post เอาไว้คืออยากให้แต่ละคนชวนกันพูดคุย ช่วยกัน comment
    หรือใครที่มีกิจกรรม-บทความ ก็เอามา post บอกกันในเว็บให้มากขึ้นกว่านี้ น่าจะช่วยได้ครับ

    อีกเรื่องที่อยากเสนอคือ ถ้าเป็นไปได้อยากให้แยกเวทีประกวดเป็นสองวง (ถ้ามีคนส่งมากพอนะครับ)
    คืออยากแยกเป็นวงนักเรียน-นักศึกษาหนึ่งวง และวงคนทำงานหรือเคยมีประสบการณ์เขียนแล้วอีกวง
    (ไม่รู้ว่างบชมรมมีพอหรือเปล่า… ท่าจะไม่ฮา…)

    แต่ก็คงต้องอาศัยแรงคณะกรรมการบริหารชมรมสำหรับงานประกวด
    เพราะคงต้องอ่านมากขึ้น มีงานให้ทำมากขึ้น

    สมาชิกท่านอื่นมีความเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ ?

  17. สวัสดีครับ ผม เฃาวงกต จาก E Project นะครับ

    ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ พี่ๆทุกท่าน (ผมว่าผมอาวุโสน้อยสุดแล้วละ ผมเรียนอยู่ ปริญญาตรี ปี 2 ครับ)
    ที่ได้มาอ่าน และคอมเมนต์เรื่องสั้นเรื่องนี้ ต้องขอโทษด้วยครับที่มาตอบช้า พอดีช่วงนี้ติดงานรับน้อง
    ที่มหาวิทยาลัยครับ (ToT)

    ผมเป็นน้องใหม่ของชมรมนี้เลยก็ว่าได้เพราะตอนเข้ามาก็เห็นการประกวดเรื่องสั้นนี่พอดี ตอนแรกก็
    ไม่กล้าที่จะคิดเรื่องส่งประกวดเพราะยังอายๆอยู่ แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลก ผมเกิดนึกไอเดียขึ้นมาได้กระทันหันเลยลองนึกพล็อตเรื่องและรีบเขียนดู เพราะเวลาใกล้จะหมดเขตเเล้ว จนต้องเขียนไป
    ช่วยแม่ทำงานไป แต่ก็โชคดีที่เขียนเสร้จแม้จะไม่ได้ทำการบ้านและหาข้อมูลมาเลย

    เมื่อทราบข่าวว่าได้รับรางวัลชมเชย ก็ดีใจมากเลยครับ เพราะนี่เป็นผลงานชิ้นที่สามที่เขียนขึ้น
    และก็ต้องขอโทษ สำหรับลายละเอียดผิดพลาดที่ผมว่าไม่น้อยเลยสำหรับเนื้อหา โดยเฉพาะเรื่อง
    เนบิวลา คร่าวหน้าผมจะทำการบ้านมาให้หนักกว่านี้นะครับ

    สำหรับคำถามนะครับ
    1. แรงบันดาลใจ มาจากตอนอ่านหนังสือเกี่ยวกับธรณีวิทยา เพื่อทบทวนเนื้อหาก่อนเปิดเทอม (ผมเรียน ธรณีวิทยา ครับ) บวกกับพึ่งจำได้ว่ามีการประกวดเรื่องสั้นนี้ ก็เลยได้ไอเดียนี้มา
    2. ชอบ ผมชอบเรื่องกำหนดขอบเขต 5 หน้า A4 ครับเพราะท้าทายความคิดที่ว่าเราจะสื่อความคิดและอารมณ์ของเราที่มีมากมายให้พอดีกับA4 แค่ 5 หน้าได้ยังไง (โชคดีที่งานสองเรื่องแรกของผมก็มีข้อท้าทายแบบนี้เหมือนกันในนิตยสารมหาลัย ที่ยังไม่เคยออกซะที ToT )
    ไม่ชอบ ตรงงานเขียนตัวเองที่ไม่ทำการบ้านในส่วนเนื้อหามาก่อน
    3. อุปสรรค ยังไม่มี พอดีโชคดีที่ปิดเทอม เลยมีเวลาว่างมาเขียนได้ครับ (^o^)

  18. สังเกตหนังสือนิยายที่วางแผง แนวเรื่องที่เห็นอย่างเข้าใกล้สุดก็เป็น “แฟนตาซีปล่อยพลัง” เข้าโรงเรียน ฝึกเวทย์แล้วไล่ล่าเควส! ตามแนวทางเดอะไวท์โรดกับแฮรี่พ็อตเตอร์ ช่วงหลังนี่เห็นแนว “สงครามในโลกออนไลน์” เยอะมาก เนื้อเรื่องที่เขียนออกมามีconcept เดียว พระเอกเข้าไปในโลกเกมออนไลน์แล้วสู้กับผู้เล่นคนอื่นๆในนั้น เก็ย item เลี้ยงสัตว์ อัพเลเวล แล้วออกตามหา boss เพื่อตุ้ยท้องจี๋เอวให้หัวเราะจนขาดใจตายไปเลย
    ลอกเอามา

    แต่ทั้งหมดทั้งปวงก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่วัยรุ่นเด็กไทยหันมาเขียนนิยาย แฟนตาซีมากขึ้นครับ เท่าที่เห็นปัญหาของนิยายแนวที่กล่าวถึงคือภาษากับสำนวนครับ อ่านทีไรมึนทุกทีหรือเป็นเพราะว่าผมอาจจะแก่เกินไปก็เลยเวียนหัวทุกครั้ง เวลาอ่านงานของเด็กวัยรุ่น หรือไม่ก็ ผมไม่ใช่นักอ่านกลุ่มเป้าหมายของนิยายแนวนั้น^^

    ปัญหาข้อที่สอง เวปชมรม ไม่ได้โปรโมท มากพอครับ ทุกวันนี้จำนวนเวปในอินเตอร์เนตมีนับล้านๆๆๆๆๆ เวป มีเวปใหม่ๆเกิดทุกวัน ไม่รวมพวก blog สำหรับปล่อยของ ของblogger ทั้งหลายแหล่ ดังนั้น เราต้องช่วยๆกันโปรโมทเวปชมรมของเรา

    ชอบครับ อ่านประกวดคราวก่อนมาแนวนี้เลยอ่านแล้วมึนหัว พล็อตแทบจะเหมือนกันหมดเลย

  19. ตอบคำถามคุณ HooNo2000
    จากเรื่อง ผู้มาเยือน

    1. ท่านมีแรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องอย่างไรบ้าง
    -การซึ่งจะได้มาในแรงบันดาลใจของผมมีสองแบบครับ แบบแรกคือ มันโผล่มาเองตอนทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่นอาจจะมีเพลง หรือคำพูดคมๆมากระทบใจ แม้แต่กระทั่งระหว่าวที่ฝังคนที่เราสนทนาด้วยวิพากษืวิจารณ์บุคคลที่สาม ผมก็สามารถนำมาคิดต่อเป็นplot ได้
    แบบที่สอง สั่งให้มันออกมาครับ จากการลงมืออ่านบทความ ค้นคว้า ดูทีวี และรวมไปถึงนั่งคิดออกมาเลย วิธีนี้ผมจะใช้กลยุทธที่มีอยู่คิด plot ออกมาครับ เช่นเริ่มจากหา concept เรื่องก่อน สร้างเหตุการณ์และโยนตัวละครให้มันไปติดกับปัญหาในเหตุการณ์นั้นๆ วิธีนี้เหนื่อยหน่อยเพราะต้องเค้นพลังสมองแต่ก็แรกกับการคิด plot ออกมาได้เยอะ
    ทั้งสองวิธี plot ที่ได้จะ work หรือไม่นั้นก็ต้องมานั่งดูอีกที ตอนที่นั่งดูนั้นผมจะใช้ทฤษฎีงานเขียนเข้าไปประเมินครับ ว่า plot นั้น plot นี้ อันไหนเหมาะที่จะเขียนและรวมไปถึงจะเดาใจ บก. ด้วยว่าเขาจะชอบหรือเปล่า (ผมยังไม่รวยพอที่จะเขียนเอามันส์โดยไม่เอาตังค์ครับ ^^)

    2. ท่านรู้สึกชอบ หรือ ไม่ชอบส่วนไหนของเรื่องบ้าง
    -ชอบแนวคิดแต่ไม่ชอบตอนจบครับ
    ตอนจบคิดไว้หลายแบบมากๆแต่ก็เลือกแบบที่ลงในเวป กะว่าจะผ่อนเรื่องลงไปให้จริงจังน้อยลง เรื่องนี้คง revise ตอนจบก่อนส่งนิตยสารครับ

    ที่ไม่ชอบอีกเรื่องคือและช่องโหว่ที่เปิดโอกาสให้คนอ่านมีคำถาม…

    3. อุปสรรคในการเขียนมีอะไรบ้าง
    -งานประจำที่ท่วมหัวทำให้ต้องหาเวลาซ฿่งเวลานี้ต้องmatchกับ”อารมณ์เริ่มต้น”ที่จะทำให้เอาชนะใจตัวเองเปิด MS Wrod ออกมาและเริ่มโยนตัวอักษรลงบนหน้ากระดาษที่รอไว้

  20. ผมขอเสนอแนะครับ
    การที่จะปลุกตลาดวรรณกรรม หนังสือแนวไซไฟ (เอาแบบไม่ปล่อยพลังนะครับ เพราะแนวนี้ติดตลาดวัยรุ่นไปเรียบร้อยแล้ว) บ้านเรานั้น น่าจะเริ่มที่เด็กนักเรียนก่อนครับ
    โดยการจัดอบรมการเขียนเรื่องสั้นไซไฟแล้วจัดประกวดครับ ชิงรางวัลเป็นเงินสด (ตรงนี้ยาก ต้องหาสปอนเซอร์ แต่ถ้าติดต่อไปที่หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ น่าจะของบได้?) แล้วเอาผู้ชนะในแต่ละโรงเรียนมาเจอกัน กรรมการก็เป็นผู้ที่คร่ำหวอดกับวงการนิยายแนวนี้มานาน
    หรือจะเริ่มจาก เข้าค่ายนิยาย เรื่องสั้นแนวไซไฟ จัดค้างคืนหนึ่งคืน ในค่ายก็มีกิจกรรมเกี่ยวกับงานเขียน อาจจะเก็บเงินคนละ 1000 รวมค่าอาหาร ค่ารถ ค่าเอกสารต่างๆ

  21. ชอบแนวคิดคุณuranus เรื่อง เข้าค่ายเขียนเรื่องสั้น ครับ

    มาถึง เริ่มจากอบรมช่วงสั้นๆก่อน
    จากนั้น เดินป่าหา plot
    อบรมอีกช่วง เกี่ยวกับกลวิธี เอา plot มาชำแหละ กัน
    ตกดึก ดูดาว ปล่อยจินตนาการ
    ช่วงเช้าเริ่มเขียน
    บ่าย comment ให้ครบทุกคน ก่อนเดินทางกลับ้าน

    ผมว่าน่าจะสนุกดี ครับ
    แต่ไม่รู้ 1,000 จะจ่ายกันไหวหรือเปล่า

  22. อันนี้ผมก็เห็นด้วยครับ กิจกรรมเเบบนี้ทางมหาวิทยาลัยมีเยอะ ผมเองก็ได้ไอเดียดีๆจากกิจกรรมแบบนี้หลายเรื่อง อย่างผมอยู่ชมรมอรุกรักษ์ของคณะวิทย์ก็เป็นโอกาสดีที่จะรู้จักธรรมชาติและได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ที่พวกรุ่นพี่มาช่วยกันอธิบายเหมือนเรียนรู้นอกห้องเรียนเลยครับ ผมว่าการออกกิจกรรมเเบบนี้เป็นสิ่งที่ดีครับ ผมจะเริ่มลองมาปรับใช้กับกิจกรรมในมหาวิทยาลัยดูครับ

ใส่ความเห็น