ผู้ล้าง(สร้าง)โลก

ผู้ล้าง(สร้าง)โลก

วรากิจ เพชรน้ำเอก

……………

ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู.บุชมองภาพตัวเองในโทรทัศน์ขณะที่กำลังจิ้มน่องไก่ทอดรสพริกไทยดำเข้าปากและยิ้มอย่างเขินอายเล็กน้อย แก้มระเรื่อแดงราวกับดื่มไวน์ไปสองขวด พณฯท่านกระแอมเบาๆก่อนที่จะเอ่ยบางอย่างออกมาจากลำคอ

“ผมคิดว่าผมเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่มีบุคคลิกสง่างามที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศนี้มาเลยนะ คุณว่ามั้ย”

“จริงครับพณฯท่าน ผมก็รู้สึกเช่นเดียวกันครับ”

รองประธานาธิบดีดิ๊ก เชนีย์กล่าวอย่างสุภาพ แต่แล้วอยู่ๆภาพในจอโทรทัศน์ก็ขาดหายไปกลายเป็นเส้นขยุกขยิกคล้ายมีคลื่นรบกวน เสียงครืดคราดรบกวนโสตประสาททำให้ท่านประธานาธิบดีถึงกับหัวเสียขึ้นมาอย่างฉับพลัน“แย่จริง ฝ่ายการเงินของทำเนียบขาวยังไม่ได้จ่ายค่าเคเบิลทีวีที่ค้างอยู่หกเดือนอีกรึไง?ไฟสีแดงบนโทรศัพท์ฉุกเฉินสว่างวาบ

“พณฯท่านครับ มีคลื่นประหลาดกระจายไปทั่วโลกเลยครับ ผมเกรงว่าจะเป็นการก่อการร้ายอย่างแน่นอน” เสียงของผู้อำนวยการซี.ไอ.เอ.รายงานมาตามสายอย่างตื่นตระหนก

ทันใดนั้นเองภาพของใครคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนจอโทรทัศน์ เขาเป็นชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มแซมด้วยสีบรอนซ์เทาที่แต่งตัวดูดีมีรสนิยมและท่าทางสุภาพ เขานั่งตัวตรง สายตาดูอ่อนโยนแฝงไว้ด้วยเสน่ห์ล้ำลึก

“ขออภัยประชาชนชาวโลกที่รัก ข้าพเจ้าจำเป็นต้องขัดจังหวะการชมรายการโทรทัศน์ของท่าน เพื่อส่งสารสำคัญไปยังผู้นำของพวกท่านในทุกประเทศ ข้าพเจ้าคือศาสตราจารย์อีวาน มาร์ตีเนนโก หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการล้างโลกขอแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า ขณะนี้ ข้าพเจ้าและองค์กรลับของข้าพเจ้าได้ติดตั้งระบบอาวุธล้างโลกเอาไว้ในพื้นที่ต่างๆทั่วโลกเรียบร้อยแล้ว ไม่มีประโยชน์ถ้าหากพวกท่านคิดจะค้นหาหรือทำลายอาวุธของเรา เพราะถ้าหากระบบเซ็นเซอร์ของอาวุธถูกรบกวน มันจะจุดระเบิดขึ้นพร้อมๆกันในทันทีและนั่นย่อมหมายถึงอวสานของโลกแห่งความเกลียดชังใบนี้อย่างแน่นอน ข้าพเจ้าขอเสนอเงื่อนไขที่พวกท่านไม่อาจจะปฏิเสธได้ นั่นก็คือ ผู้นำของพวกท่านจะต้องทำลายอาวุธนิวเคลียร์ที่มีอยู่ให้หมดไปจากโลกนี้ภายใน 10 วัน ข้าพเจ้าขอเรียนให้ทราบว่า องค์กรลับของข้าพเจ้ามีระบบตรวจจับอาวุธชั้นสุดยอดที่สามารถตรวจพบอาวุธนิวเคลียร์ไม่ว่าท่านจะซุกซ่อนเอาไว้ที่ใดก็ตาม และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้นำรวมทั้งพวกท่านทุกคนจะยอมทำตามเงื่อนไขแต่โดยดีเพื่อให้การยึดครองโลกของข้าพเจ้าเป็นไปด้วยความราบรื่นและสงบ โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง……….”

“พณฯท่านครับ ผู้นำจีน รัสเซีย อินเดีย ปากีสถาน อิหร่านและเกาหลีเหนือแจ้งว่า พวกเขาก็ได้รับข่าวสารจากศาสตราจารย์อีวาน มาร์ตีเนนโกเช่นเดียวกันครับ แต่เขาคิดว่า อาจจะเป็นเรื่องแบล็คเมล์ที่เราสร้างขึ้นเพื่อหลอกให้พวกเขาทำลายอาวุธ” เสียงผู้อำนวยการซี.ไอ.เอ.รายงานต่อ“บอกพวกเขาไปว่า คำเตือนนั้นหมายถึงเราด้วย” จอร์จ บุชสั่ง แล้วหันไปพูดกับรองประธานาธิบดี “เราต้องสืบให้รู้ว่าอาวุธลึกลับนั้นมีอยู่จริงหรือเป็นเพียงคำขู่”

……………

ผู้อำนวยการซี.ไอ.เอ.วิ่งกระหืดกระหอบฝ่ารปภ.ร่างยักษ์สองคนที่ถูกเขาชนจนล้มกลิ้งเข้ามาในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาวด้วยอาการร้อนรนโดยไม่ได้เคาะประตูตามมารยาท ท่านประธานาธิบดีถึงกับสำลักกาแฟและพ่นพรวดออกมาเปรอะเปื้อนโต๊ะทำงานกับเอกสารที่พณฯท่านกำลังลงนาม

“นี่ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายล่ะก็ ผมไล่คุณออกแน่” ท่านประธานาธิบดีกล่าวอย่างฉุนเฉียว

ผู้อำนวยการซี.ไอ.เอ.ใบหน้าซีดเผือด

“ดาวเทียมของเราตรวจพบคลื่นประหลาดกระจายออกมาจากระดับความลึกใต้เปลือกโลกสามพันเมตรบริเวณแท่นขุดเจาะน้ำมันทุกแห่ง องค์กรลับของศาสตราจารย์อีวานคงส่งสมาชิกแฝงตัวเป็นเจ้าหน้าที่แท่นขุดเจาะน้ำมันแล้วแอบหย่อนอาวุธร้ายแรงลงไป แล้วก็ยังพบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าลึกลับจากใต้เปลือกโลกในทุกทวีป รวมทั้งบริเวณขั้วโลกเหนือกับขั้วโลกใต้ด้วยครับ”

ผู้นำสหรัฐอเมริกาตาเหลือกถลน มือเริ่มสั่นจนไม่สามารถจับปากกาได้อีก

“หมายความว่า หากอาวุธมหาประลัยนั่นจุดระเบิดขึ้น มันจะทำให้แผ่นดินทวีปทุกทวีปเกิดรอยร้าวลุกลามไปทั่วแล้วโลกก็จะแตกเป็นเสี่ยงๆ”

“ผู้เชี่ยวชาญทางธรณีวิทยาของเราเกรงว่ามันจะเป็นเช่นนั้นครับ พณฯท่าน”

“ไอ้หมอนี่เป็นใครกัน…..วะ? ประธานาธิบดีบุชถามเสียงเครียด

“ผู้เชี่ยวชาญนิวเคลียร์ฟิสิกส์ของรัสเซียที่หายตัวไปเมื่อสามปีก่อนครับ” เขาโยนแฟ้มประวัติของศาสตราจารย์อีวานที่หน่วยสืบราชการลับของเขาค้นมาได้ให้กับท่านประธานาธิบดี

……………

จอร์จ ดับเบิลยู.บุชก้าวขึ้นสู่โพเดียมเพื่อกล่าวกับผู้นำทั่วโลกในการประชุมฉุกเฉินที่องค์การสหประชาชาติได้จัดขึ้นอย่างรีบด่วน เขายังคงวาดมาดให้ดูดีที่สุดเมื่อต้องปรากฏตัวต่อสาธารณชนแม้ในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้

“ผู้นำทุกท่าน พวกท่านคงทราบถึงคำเตือนของศาสตราจารย์อีวาน มาร์ตีเนนโกแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องตลกหรือคำขู่ ดาวเทียมอันทรงประสิทธิภาพของพวกท่านคงตรวจพบอุปกรณ์ที่สามารถกระจายคลื่นประหลาดไปทั่วโลกในขณะนี้อยู่ลึกลงไปใต้เปลือกโลกนับร้อยจุดเช่นเดียวกับดาวเทียมของเรา เราเหลือเวลาอีกเพียงแปดวันเท่านั้นที่จะต้องตัดสินใจ”

ชายร่างเล็กลุกขึ้นยืน เขาคือประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซีย

“ในฐานะที่ประเทศของท่านเป็นผู้นำประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก ท่านจะต้องพิสูจน์ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง หาใช่เรื่องซึ่งสร้างขึ้นเพื่อลวงให้พวกเราทำลายอาวุธนิวเคลียร์แต่เพียงฝ่ายเดียว ท่านจึงต้องทำลายอาวุธนิวเคลียร์ของท่านเป็นประเทศแรก” ประธานาธิบดีปูตินกล่าวขัดจังหวะ น้ำเสียงห้าวหาญเด็ดขาดเสียงปรบมือกึกก้องสะท้านไปทั้งห้องประชุม ยกเว้นพลเอกมูชาห์ราฟผู้นำปากีสถานเท่านั้นซึ่งอยู่ในอาการใกล้หลับ จอร์จ บุชยิ้มเยือกเย็นและฟังประธานาธิบดีรัสเซียพูดด้วยอาการอันสงบ

“ปูตินเพื่อนรัก นั่นคือสิ่งที่ข้าพเจ้าอยากจะกล่าวกับท่านเช่นเดียวกัน ผู้ก่อการร้ายที่เลวทรามต่ำช้าคนนี้เป็นชาวรัสเซีย หากนี่ไม่ใช่แผนการลวงโลกของท่าน รัสเซียก็ควรเป็นฝ่ายเริ่มทำลายอาวุธก่อนเป็นประเทศแรก” เสียงปรบมือเปาะแปะดังขึ้นจากประธานาธิบดีปากีสถานที่ตื่นขึ้นทันการโต้ตอบของหัวหน้าใหญ่ได้ทันเวลาพอดี แต่แล้วก็ต้องเงียบเสียงลงเมื่อพบว่า ไม่มีใครในห้องประชุมปรบมือตามเลยสักคนเดียว

ประธานาธิบดีมาห์มูด อาห์มาดิเนจาดแห่งอิหร่านลุกขึ้นบ้าง ผู้นำหนุ่มไม่เคยเกรงศักดิ์ศรีผู้นำสหรัฐเลยแม้แต่น้อย

“อิหร่านจะพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์ต่อไปจนกว่าทุกประเทศจะทำลายอาวุธนิวเคลียร์ให้หมดเสียก่อน เราจะไม่ยอมหลงกลนายบุชจอมเจ้าเล่ห์อย่างเด็ดขาด” ประธานาธิบดีหนุ่มประกาศแข็งกร้าว สายตาเน้นจับจ้องไปทางท่านประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู.บุชเป็นพิเศษที่ประชุมเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าเป่าปากชื่นชมจุดยืนของมาห์มูดเลย ทุกคนต่างกริ่งเกรงว่า ประธานาธิบดีหนุ่มซึ่งเคยจับคนอเมริกันเป็นตัวประกันตั้งแต่สมัยยังเป็นนักศึกษาคนนี้ อาจจะจุดชนวนสงครามนิวเคลียร์ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้

นายกรัฐมนตรีมันโม ฮัน สิงห์ แห่งอินเดียลุกขึ้นบ้าง

“ตราบใดที่ปากีสถาน จีน และอเมริกายังมีอาวุธแม้แต่หนังสติ๊กสักอัน อินเดียก็ยังมีความจำเป็นต้องมีอาวุธร้ายแรงเอาไว้เช่นกัน” เสียงฮาครืนดังขึ้นอย่างถล่มทลาย

“ข้าพเจ้าว่า พวกเราอย่าเพิ่งเคร่งเครียดกันจนเกินไปนัก” ท่านประธานาธิบดีหู จิ่น เทา แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนลุกขึ้นกล่าวขัดจังหวะ “ประเทศจีนของข้าพเจ้าจะยินดีเป็นอย่างยิ่งหากทุกประเทศจะทำลายอาวุธทั้งหมดพร้อมๆกัน แล้วหันมาซื้ออาวุธของเล่นราคาแสนถูกจากประเทศของข้าพเจ้าไปเล่นแทน”

เสียงโห่ดังยิ่งกว่าเสียงปรบมือในครั้งแรก เพราะทุกประเทศต่างต้องบอบช้ำจากการถูกสินค้าราคาถูกจากประเทศจีนตีตลาดจนยับเยินด้วยกันทั้งสิ้น นี่คือระเบิดนิวเคลียร์ทางเศรษฐกิจที่จีนใช้ถล่มตลาดการค้าโลกจนพินาศเป็นจุณเลยทีเดียวในระหว่างที่ผู้นำมหาอำนาจนิวเคลียร์ต่างปะทะคารมกันอย่างเผ็ดร้อน ไม่มีใครนึกถึงประธานาธิบดีคิม จอง อิลแห่งเกาหลีเหนือเลยแม้แต่น้อย เขาทำตัวราวกับว่าไม่มีตัวตนอยู่ในห้องประชุมกันทรงเกียรติแห่งนี้ แต่แล้วเขาก็ค่อยๆยันร่างม่อต้อของเขาให้ลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า ใบหน้าไร้อารมณ์ในเครื่องแต่งกายราวกับช่างซ่อมรถยนต์ ที่ประชุมเงียบกริบและต่างเงี่ยหูฟังวาทะของท่านผู้นำผู้กล้าแหย่หนวดเสืออย่างจอร์จ ดับเบิลยู.บุช

“ข้าพเจ้าไม่สามารถรับปากที่จะทำลายอาวุธนิวเคลียร์ได้” เขาเอื้อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ “เพราะข้าพเจ้าเองก็ยังไม่รู้ว่า ประเทศของข้าพเจ้ามีอาวุธนิวเคลียร์จริงๆรึเปล่า”ความวังเวงเข้าครอบงำที่ประชุมในทันทีที่ผู้นำเกาหลีเหนือกล่าวจบ มนุษย์ปริศนาแห่งคาบสมุทรเกาหลียังคงทิ้งปริศนาไว้ให้ขบคิดเช่นเคย ไม่เคยมีใครเดาได้เลยว่า ผู้นำเกาหลีเหนือคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่

……………

ภาพของศาสตราจารย์อีวาน ตีเนนโกปรากฏขึ้นบนจอโทรทัศน์อีกครั้งหนึ่งเมื่อวันเวลาล่วงเข้าสู่วันที่ห้าของการเตือนโดยไม่มีประเทศใดยอมทำลายอาวุธนิวเคลียร์เลยสักลูกเดียว ผมสีน้ำตาลเข้มแซมด้วยสีบรอนซ์เทาหวีเรียบแปล้เข้ากับเครื่องแต่งกายรีดเรียบราวผิวถนนบนทางด่วน รอยยิ้มและแววตามีเสน่ห์ดึงดูดเหลือล้น สุภาพสตรีนับล้านเริ่มหลงรักโดยไม่ไยดีว่าเขาคือผู้ก่อการร้ายที่มีแผนการทำลายโลก

“ดูเหมือนว่า ผู้นำของพวกท่านอาจจะเข้าใจว่าคำเตือนของข้าพเจ้าเป็นเรื่องล้อเล่น ข้าพเจ้าจึงจำเป็นจะต้องพิสูจน์ให้ผู้นำของพวกท่านได้รู้ว่า ข้าพเจ้าและองค์กรลับของข้าพเจ้ามีขีดความสามารถที่จะทำลายโลกแห่งความเกลียดชังนี้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย ข้าพเจ้าขอแจ้งให้ทุกท่านทราบล่วงหน้าว่า ในอีก 10 นาทีข้างหน้านี้ จะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5 ริกเตอร์โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ใต้ผืนทวีปทุกทวีปในโลก และหลังจากนั้น ระบบอาวุธของข้าพเจ้าจะเริ่มนับเวลาถอยหลังในทันที”

ท่านประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่ จอร์จ ดับเบิลยู.บุช จ้องมองภาพของศาสตราจารย์อีวานด้วยสายตาสลด เขาสั่งรองประธานาธิบดีให้เปิดสัญญาณเตือนภัยแผ่นดินไหว ส่วนตัวเขาเองทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอีกประจำตำแหน่งอันหรูหราอย่างหมดแรง การยอมทำลายอาวุธนิวเคลียร์ก่อนประเทศอื่นๆด้วยสาเหตุของความหวาดกลัวย่อมเป็นการทำลายเกียรติภูมิของผู้นำโลกอย่างสหรัฐอเมริกาซึ่งเขาไม่อาจยอมรับได้ ทันใดนั้น แรงสั่นสะเทือนแผ่วเบาก็เริ่มขึ้นและแรงขึ้นจนโคมไฟในทำเนียบขาวแกว่งไกวราวกับชิงช้า ตึกระฟ้าทั่วโลกโงนเงนราวกับคนเมา แผ่นดินไหวเกิดขึ้นตามคำขู่ของศาสตราจารย์อีวานตามเวลาเป๊ะไม่ผิดแม้วินาที ผู้คนต่างหวีดร้องด้วยความตื่นตระหนกและพยายามหนีออกจากอาคารกันอย่างอลหม่าน นักธรณีวิทยาวัดแรงสั่นสะเทือนได้ 5 ริกเตอร์และมีจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ ณ ใจกลางทวีปทุกทวีปจอร์จ ดับเบิลยู.บุช ตื่นตระหนกและมุดลงไปใต้โต๊ะซึ่งออกแบบมาสำหรับเป็นที่หลบภัยในยามฉุกเฉิน ร่างอันสง่างามสั่นเทาราวไข้ขึ้นสูง สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งกับรองประธานาธิบดีดิ๊ก เชนีย์ต่างแย่งกันเบียดเข้าไปใต้โต๊ะของบุช

“โอ!…..พระเจ้า เขาทำได้จริงๆ”บรรยากาศแห่งความตื่นตระหนกครอบงำไปทั่วโลก ศาสนสถานทุกแห่งซึ่งเคยร้างและเหงา แน่นขนัดด้วยผู้คนที่บังเกิดความศรัทธาขึ้นอย่างฉับพลันและน่าอัศจรรย์ในห้วงวาระสุดท้ายแห่งชีวิต

……………

จอร์จ ดับเบิลยู.บุชถอนหายใจเฮือกอย่างท้อใจ การประชุมฉุกเฉินผู้นำโลกล้มเหลวไม่เป็นท่า ไม่มีใครไว้ใจเขาเลยนอกจากความหวาดระแวง แต่มันสายไปเสียแล้ว ระบบอาวุธของศาสตราจารย์อีวานได้เริ่มต้นนับถอยหลังแล้ว วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหลือเวลาอีกเพียงสามวันเท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะจบสิ้นลง

……………

ดวงจันทร์กลมโตหลบอยู่ข้างหลังปุยเมฆบางๆที่ลอยผ่านไปอย่างเชื่องช้า ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างทอดสายตาไปยังท้องถนนอันเงียบสงัด ผู้คนทั่วโลกพากันเก็บตัวเงียบอยู่ในที่พักอาศัยเพื่อใช้เวลาที่เหลืออยู่กับครอบครัวและรอคอยวันพิพากษาด้วยความหวาดหวั่น แต่บางคนก็กลับเริงร่าที่อวสานของโลกอันยุ่งเหยิงใกล้จะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า พวกเขาพากันร้องรำทำเพลงและดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน

“ผมไม่เคยเห็นดวงจันทร์สวยเท่านี้มาก่อนเลยนะ” ท่านประธานาธิบดีบุชกล่าวกับภรรยาอย่างทอดถอนใจ

“ดวงจันทร์สวยอย่างนี้ทุกคืนแหละค่ะบุช คุณต่างหากที่ไม่เคยมีเวลาได้หยุดชื่นชมกับความงามของมันเลย” ลอร่า บุชบอกกับสามี เธอกอดเขาทางด้านหลังและซบหน้าลงกับไหล่

“จริงสินะ ผมมัวทำบ้าอะไรอยู่นะตลอดหลายปีที่ผ่านมา? เขาหันไปหาภรรยาในชุดนอนสีชมพู ประคองแก้มของเธอและจุมพิตแผ่วเบา “คืนนี้ คุณเองก็สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นเลยรู้มั้ย” เขาจูบเธออีกครั้งและดันร่างของเธอให้นอนลงบนเตียงอันอ่อนนุ่ม

…..ชุดนอนสีชมพูหลุดจากร่างกองอยู่บนผืนพรม…..…..

ท่านประธานาธิบดีและสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งดื่มด่ำกับความสุขเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี….. ……………

“ช่วยเตรียมแอร์ฟอร์ตวันให้ผมหน่อย”ท่านประธานาธิบดีสั่งกับเลขาทันทีที่แสงสีทองเริ่มจับขอบฟ้า“ท่านจะไปไหนหรือครับ? เลขาถามด้วยความสงสัย“ไปเที่ยว ผมอยากหาที่สงบๆเพื่อใช้ความคิดสักหน่อย”

……………

ทิวทัศน์เบื้องล่างช่างสวยงามเหลือเกิน เทือกเขาอัปปาเลเชี่ยนอันสลับซับซ้อนที่ทอดยาวตั้งแต่รัฐอลาบามาใกล้อ่าวเม็กซิโกผ่านทางตะวันตกของกรุงวอชิงตันดี.ซี.ไปจนจรดชายแดนแคนาดาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือช่วยให้สมองของจอร์จ ดับเบิลยู.บุชโปร่งโล่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ป่าไม้อันเขียวชอุ่มเบื้องล่างช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าของดวงตาอย่างชะงัด ความเคร่งเครียดตลอดหลายปีที่ผ่านมานับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในสมัยแรกจนใกล้หมดวาระในสมัยที่สองมลายหายไปกับปุยเมฆขาวสะอาดที่ลอยผ่านปีกเครื่องบิน เขาทอดสายตาไปจนสุดขอบโลกโค้งกลม เขาเพิ่งตะหนักว่า โลกนี้งดงามตระการตายิ่งกว่าภาพจากดาวเทียมจารกรรมอย่างเทียบไม่ได้ ความสำนึกบางอย่างหลุดพ้นจากขุมลึกแห่งจิตใต้สำนึกและสว่างวาบขึ้นในความนึกคิด

…………..

องค์การสหประชาชาติจัดการประชุมฉุกเฉินผู้นำโลกอย่างรีบด่วนอีกครั้ง คราวนี้ ผู้นำทั้งหมดต่างมีสีหน้าวิตกและเคร่งเครียด เหตุการณ์แผ่นดินไหวตามเวลาที่ศาสตราจารย์อีวานกำหนดไว้เป๊ะ ทำให้ทุกคนรู้แล้วว่าคำเตือนของศาสตราจารย์อีวาน ตีเนนโกหาใช่แค่คำขู่หรือการโกหกหลอกลวงอีกต่อไปไม่ แต่ระบบอาวุธทลายโลกของศาสตราจารย์อีวานเริ่มนับถอยหลังแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าจะหยุดยั้งหายนะในครั้งนี้ได้อย่างไร ทุกคนฝากความหวังเอาไว้ที่ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา พวกเขาหวังว่า สหรัฐอเมริกาอาจจะมีวิธีการที่จะระงับมหาภัยพิบัติในครั้งนี้ได้สำเร็จถึงแม้จะรู้ว่า มันเป็นเพียงความหวังอันริบหรี่ก็ตาม จอร์จ ดับเบิลยู.บุช ก้าวขึ้นสู่โพเดียมอย่างเซื่องซึม นัยน์ตาแดงกล่ำและบวมช้ำคล้ายผ่านความโศกเศร้ามาอย่างสุดรันทด

“เพื่อนๆที่รัก” เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ สายตาแห่งสำนึกมองไปรอบๆแล้วหยุดที่มาห์มูด อาห์มาดิเนจาด ประธานาธิบดีหนุ่มแห่งอิหร่าน “ข้าพเจ้าขอสารภาพบาปอันหนักหนาสาหัส ข้าพเจ้ารู้สึกราวกับเป็นซาตานผู้กระหายความตาย ข้าพเจ้าก่อสงครามอย่างบ้าคลั่งและสร้างความทุกข์ทรมานให้แก่ประชาชนชาวอิรักด้วยการให้ร้ายที่หลอกลวงต่อท่านซัดดัม ฮุสเซ็นผู้น่าสงสารและสร้างความหวาดระแวงให้แก่ประชาคมโลกอย่างน่าละอาย ถึงแม้ว่ามันอาจจะสายเกินไปก็ตาม ข้าพเจ้าได้สั่งให้ทำลายอาวุธนิวเคลียร์รวมทั้งอาวุธทุกชนิดแม้แต่ปืนพกให้หมดสิ้นในวันพรุ่งนี้ เพื่อให้โลกนี้ได้จากไปอย่างสงบ และหวังว่าพระผู้เป็นเจ้าจะให้อภัยแก่ความโง่เขลาของข้าพเจ้า”

ประธานาธิบดีมาห์มูด อาห์มาดิเนจาดล้วงผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ากางเกงขึ้นซับน้ำตาเปียกชุ่ม เขาลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินลงจากอัฒจันทร์ตรงไปยังกลางห้องประชุมที่ซึ่งประธานาธิบดีบุชยืนอยู่ เขาสวมกอดจอร์จ ดับเบิลยู. บุชและตบหลังเบาๆ

“บุชเพื่อนรัก…..ข้าพเจ้าเองก็รู้แล้วว่า การสร้างความรักและความสงบสุขขึ้นในโลกต่างหาก คือหนทางแห่งชัยชนะของผู้นำ ข้าพเจ้าก็ได้สั่งยุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์และอาวุธร้ายแรงทั้งหลายแล้วโดยสิ้นเชิง ข้าพเจ้าต้องขออภัยในเรื่องที่ข้าพเจ้าเคยจับชาวอเมริกันเป็นตัวประกันเมื่อนานมาแล้ว ข้าพเจ้าก็หวังว่า พระเจ้าคงจะอภัยให้กับความก้าวร้าวของข้าพเจ้าเช่นเดียวกัน”

คิม จอง อิล แห่งเกาหลีเหนือซึ่งเดินตามมาห์มูดลงมาเป็นคนที่สอง น้ำตาไหลพรากยิ่งกว่าครั้งที่คิม อิล ซุง ผู้พ่อจากโลกนี้ไปเสียอีก เขาสวมกอดประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาและอิหร่านแน่นก่อนที่หันมาเอ่ยบางอย่างกับผู้นำอื่นๆ

“ข้าพเจ้าก็มีเรื่องรับสารภาพเช่นเดียวกัน ความจริงแล้ว ข้าพเจ้าไม่เคยมีอาวุธนิวเคลียร์อยู่เลยแม้แต่ลูกเดียว หากแต่การทำให้โลกสับสนว่าข้าพเจ้ามีอาวุธนิวเคลียร์อยู่หรือไม่ ก็เพื่อให้บุช ซึ่งบัดนี้ข้าพเจ้าขอนับเขาเป็นเพื่อนรักของข้าพเจ้าด้วยเช่นกัน ไม่กล้าตอแยกับข้าพเจ้าเหมือนที่เขาได้ทำกับชาวอิรัก แต่การกระทำของข้าพเจ้าก็ได้สร้างความวิตกกังวลให้แก่ชาวโลกอย่างไม่ควรให้อภัย และข้าพเจ้าก็ได้ปล่อยตัวชาวญี่ปุ่นที่บิดาของข้าพเจ้าได้ลักพาตัวไปกลับคืนสู่อ้อมกอดของครอบครัวของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว”

คิม จอง อิล แห่งเกาหลีเหนือปล่อยโฮออกมาอย่างลืมอาย เสียงร้องไห้ได้ปลุกให้พลเอกมูชาห์ราฟแห่งปากีสถานตกใจตื่นขึ้น และประกาศด้วยเสียงอันดังว่า เขาเองก็ได้ทำลายอาวุธทุกชนิดที่มีอยู่ในกองทัพแล้วเช่นกัน ผู้นำทั่วโลกต่างผลัดกันสารภาพบาปที่ตนเองเคยกระทำมาอย่างหมดเปลือก

ประธานาธิบดีหู จิ่น เทา ปาดน้ำตาเปื้อนหน้าก่อนที่จะลุกขึ้นยืนกล่าวบางอย่างแก่ที่ประชุม

“เพื่อนอันเป็นที่รัก เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจต่อประชาชนของพวกท่าน นอกจากที่ข้าพเจ้าได้สั่งให้ทำลายอาวุธนิวเคลียร์และอาวุธทุกชนิดแล้ว ข้าพเจ้าก็ยังได้ประกาศเลหลังสินค้าทั้งหมดที่ประเทศของข้าพเจ้าผลิตขึ้นในราคามิตรภาพ เพื่อให้ประชาชนของท่านได้จับจ่ายใช้สอยอย่างมีความสุขในวาระสุดท้ายของชีวิต”

ทันใดนั้น ภาพของศาสตราจารย์อีวาน มาร์ตีเนนโกก็ปรากฏขึ้นบนจอมอนิเตอร์ขนาดยักษ์บนผนังของห้องประชุม เขายังคงหวีผมเรียบแปล้เช่นเคย และเผยรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความเมตตา“ข้าพเจ้าซาบซึ้งกับการสำนึกผิดของพวกท่านเป็นอย่างมาก แต่ถึงแม้ว่าพวกท่านจะได้ทำลายอาวุธอันร้ายแรงจนหมดสิ้นแล้ว แต่พวกท่านก็ยังคงแอบซ่อนอาวุธแห่งการทำลายล้างเอาไว้อยู่ดี พวกท่านซ่อนมันไว้ในจิตใต้สำนึกของพวกท่านนั่นเองและพร้อมที่จะนำมันออกมาทำลายล้างกันอีกในอนาคต เพราะฉะนั้น ในเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ ระบบอาวุธของข้าพเจ้าจะเริ่มปฏิบัติการทำลายล้างโลกแห่งความเกลียดชังใบนี้ให้สิ้นซาก” เสียงของศาสตราจารย์อีวานประกาศก้องไปทั่วโลก

……………

แสงอาทิตย์ฉาบขอบฟ้าอร่าม คลื่นลึกลับกระจายตัวขึ้นมาจากบ่อน้ำมันทุกแห่งและหลุมแคบๆที่เจาะลึกลงไปใต้แผ่นเปลือกโลกพร้อมกับกลิ่นหอมประหลาดซึ่งแฝงอยู่ในทุกอณูของอากาศ มันเป็นกลิ่นหอมซึ่งชวนให้เคลิบเคลิ้มและเผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัวในสถานการณ์ของวันสิ้นโลกเช่นเวลานี้ ไม่มีแรงสั่นสะเทือนใดๆอย่างที่คาดคิด ไม่มีเสียงระเบิดหรือกลุ่มควันรูปดอกเห็ดยักษ์พวยพุ่งขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ แม้ว่าพณฯท่านจอร์จ ดับเบิลยู.บุชจะอดนอนมาทั้งคืน แต่เช้าวันนี้ กลิ่นหอมประหลาดในบรรยากาศทำให้สมองกลับโปร่งโล่งเบาสบายอย่างบอกไม่ถูกและแปลกใจที่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม โลกไม่ได้แตกสลายไปอย่างที่หวาดกลัว และจิตใจของเขาก็กลับมีความสุขอย่างไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน หัวใจเบิกบานและเปี่ยมไปด้วยความรักต่อทุกสิ่งทุกอย่างรอบกาย แล้วเขาก็คิดถึงใครคนหนึ่งอย่างจับจิตและสั่งให้เตรียมเครื่องบินแอร์ฟอร์ตวันเป็นการด่วน

รองประธานาธิบดีดิ๊ก ชีนีย์กับผู้อำนวยการซีไอเอ.ผลักประตูเข้ามา ส่งรอยยิ้มอย่างมีความสุขเข้ามาก่อนปลายเท้า จอร์จ บุชตรงเข้าสวมกอดทั้งคู่ เขารู้สึกแปลกใจที่วันนี้หัวใจของเขาอิ่มเอิบด้วยความรักที่อยากจะมอบให้ใครต่อใครเสียเหลือเกิน

“ท่านจะไปไหนหรือครับ? ผู้อำนวยการซีไอเอ.เอ่ยถามด้วยความอยากรู้เมื่อได้รับคำสั่งให้เตรียมเครื่องบินประจำตำแหน่งอย่างเร่งด่วน

“อาฟกานิสถาน” ท่านประธานาธิบดีตอบ “ผมอยากพบใครคนหนึ่ง”

…………..

แอร์ฟอร์ตวันร่อนลงจอดนิ่งสนิทบนรันเวย์ของสนามบินกรุงคาบูล ไม่มีกองกำลังอารักขาพร้อมอาวุธอย่างที่ควรจะเป็น มีเพียงชาวอาฟกันนับหมื่นพร้อมช่อดอกไม้หลากสีลานตาและชายชราคนหนึ่งในชุดคลุมพื้นเมืองอย่างชาวตะวันออกกลางและมีหนวดเคราสีเทาอันยาวยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนแน่นขนัด ในทันทีที่ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาปรากฏกายขึ้นเหนือบันไดที่เทียบกับประตูเครื่องบิน ชายชราคนนั้นก้าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้มแห่งมิตรภาพ เขาถือดอกกุหลาบสีขาวสะอาดตาดอกหนึ่งในมือและเดินตรงไปต้อนรับจอร์จ ดับเบิลยู.บุชด้วยอาการตื่นเต้นราวกับได้พบกับดาราในดวงใจ เขาส่งดอกไม้ให้ท่านประธานาธิบดีแล้วสวมกอดแนบแน่น น้ำตาแห่งความซาบซึ้งรื้นขึ้นคลอเบ้า ทั้งคู่ผลัดกันหอมแก้มเนิ่นนานราวกับบิดาที่ได้พบลูกชายซึ่งจากไปตั้งแต่ยังแบเบาะ

“จอร์จ บุชเพื่อนรัก”

ชายชราคนนั้นเอ่ยทักทายอย่างสุภาพ เขาสวมกอดจอร์จ ดับเบิลยู.บุชอีกครั้ง กลิ่นหอมประหลาดจากอากาศช่วยกลบกลิ่นสาบของหนวดเครารุงรังของชายชราได้อย่างชะงัด ท่านประธานาธิบดีสบตาชายคนนั้นด้วยแววตาแห่งความรักอย่างสุดซึ้ง

“โอ้! พระเจ้า! อุสมะห์ บินลาดิน ท่านจริงๆด้วย……….”

ศาสตราจารย์อีวาน มาร์ตีเนนโกซ่อนรอยยิ้มเบื้องหลังผ้าปิดหน้าและชุดคลุมสีคล้ำเข้มอย่างชาวอาฟกัน เขาแทรกตัวออกจากฝูงชนไปอย่างเงียบๆ อาวุธล้างโลกของเขาได้ทำลายโลกแห่งความเกลียดชังให้พังพินาศลงอย่างสิ้นเชิงแล้วในวันนี้

……………

หนึ่งความเห็นบน “ผู้ล้าง(สร้าง)โลก”

ใส่ความเห็น