หมาหุ่นยนต์กับฝันสังเคราะห์

หญิงวัยกลางคน ผมยาวสลวยถึงกลางหลัง การแต่งกายดูภูมิฐาน แต่ใบหน้าของเธอดูอ่อนล้าและวิตกกังวล กำลังนั่งรออยู่อย่างนิ่งสงบ เพื่อรอพบกับแพทย์ที่กำลังตรวจร่างกายลูกชายอายุ 1 เดือนเศษของเธอ

“คุณธัชชาคะ ขอเชิญพบนายแพทย์วิมพ์ที่ จอภาพ 3 ค่ะ” เสียงพยาบาลสาว ประกาศเรียกชื่อของเธอ

ธัชชาสะดุ้งตกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างช้า ๆ  แล้วเดินตรงไปนั่งที่หน้า จอภาพอิเล็กทรอนิกส์ 3 มิติ เธอยื่นมือไปประทับรอยนิ้วมือที่เครื่องตรวจสอบลายนิ้วมืออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อแสดงตัวตน เมื่อเธอดึงมือออก จึงปรากฎภาพ นายแพทย์หนุ่มใส่แว่นทรงทันสมัย หน้าตาคมคาย ยิ้มแบบเจื่อน ๆ ให้เธออยู่

“สวัสดีครับ คุณธัชชา” หมอหนุ่มขยับกรอบแว่นเล็กน้อย ก่อนที่จะพูดต่อ

“เรื่องที่ผมจะบอกกับคุณอาจจะเป็นเรื่องที่ทำใจยากอยู่สักหน่อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายเกินไปนัก

ใบหน้าที่อ่อนล้าของธัชชา กลับซีดขาวเพิ่มขึ้นไปอีก เมื่อได้ยินหมอพูดอย่างนั้น

“เกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของฉันหรือคะ” เธอพยายามสะกดความรู้สึกและไม่ให้เสียงพูดสั่น

หมอหนุ่มจ้องมองหน้าธัชชาอยู่สักพัก ก่อนที่จะพูดอธิบายออกมา

“เอ่อ…น้องกวิน ลูกชายของคุณป่วยเป็นปัญญาอ่อน ชนิดดาวน์ซินโดรม ซึ่งลูกชายของคุณอาจจะไม่พูดเลยและก็อาจจะอ่านหรือเขียนไม่ได้ด้วย สามารถรับประทานอาหารเองได้ แต่งตัวเองได้ แต่ว่าอาจจะทำงานหาเลี้ยงชีพตัวเองไม่ได้ ต้องมีคนคอยดูแลชีวิตความเป็นอยู่ การดำเนินชีวิตประจำวันตลอดไป แล้วก็อาจจะมีอายุที่ไม่ยืนยาวนัก เพราะหัวใจของเขามีอาการผิดปกติอยู่ด้วย”

หมอหนุ่มเว้นช่วงระยะหนึ่ง เมื่อเห็นธัชชาน้ำตาไหลนองหน้าไม่หยุด เมื่อเห็นว่าน้ำตาเธอเริ่มหยุดไหลแล้ว จึงอธิบายต่อไป โดยที่บนจอภาพเปลี่ยนจากหน้าหมอหนุ่มเป็นรูปอธิบายทางการแพทย์

“อาการปัญญาอ่อนชนิดดาวน์ซินโดรม เกิดจากความผิดปกติของจำนวนโครโมโซม เซลล์ร่างกายของคนเรา ปกติมีโครโมโซม 23 คู่ หรือ 46 โครโมโซม ถ้าเกิดความผิดปกติทางพันธุกรรม มี 47 โครโมโซม โดยโครโมโซมคู่ที่ 21 มี 3 โครโมโซม แทนที่จะเป็น 2 โครโมโซม ก็จะมีอาการปัญญาอ่อนแบบดาวน์ซินโดรม ซึ่งมักจะเกิดขึ้นกับการตั้งครรภ์ที่มารดาอายุมาก ประมาณ 35 ปีขึ้นไป เอ่อ…ขอโทษนะครับ ปีนี้คุณธัชชาอายุเท่าไหร่แล้วครับ”

“39 ปีค่ะ” ธัชชาตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

“นั่นอาจจะเป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่ง แต่ก็มีองค์ประกอบแวดล้อมอื่น ๆ ด้วย”

หมอหนุ่มให้ความเห็นเพิ่มเติม ก่อนที่จะพยายามพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เพื่อปลอบโยนให้ธัชชารู้สึกดีขึ้น

“ผมเข้าใจถึงความรู้สึกคุณครับ คุณธัชชา ขณะที่เราก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ความคาดหวังของมนุษย์เรา เกี่ยวกับคุณภาพชีวิต มักสูงกว่าแต่ก่อนมาก ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า ความฝัน ความหวังต่าง ๆ ที่มีในตัวลูก ในทารกเกิดใหม่ ก็ย่อมจะคาดหวังในสิ่งที่ดีที่สุด แต่ถ้าลูกที่เพิ่งเกิด แล้วเราได้มารับรู้ว่า ลูกของเราอยู่ในกลุ่มอาการดาวน์ เชื่อว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ทุกคนจะต้องทุกข์ มีความเศร้าโศกเหมือน ๆ กัน เพราะฉะนั้นเราต้องปรับเปลี่ยน ความฝันหรือความคาดหวังเสียใหม่ ผมเชื่อว่า การดูแลรักษาและให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ ก็น่าจะทำให้เกิดการพัฒนาที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

ธัชชาพยักหน้ารับฟังคำปลอบจากหมอ พลางรำพึงกับตัวเองเบา ๆ “โธ่…กวินลูกแม่ เป็นความผิดพลาดของแม่เอง”

เมื่อธัชชากลับถึงบ้าน เธอไม่กล้าบอกความจริงนี้แก่สามี เธอคิดถึงว่า สักวันหนึ่ง อาการปัญญาอ่อน ชนิดกลุ่มดาวน์ซินโดรม คงจะหายไปจากลูกของเธอ

กระทั่งเวลาผ่านมาปีกว่า ทั้งธัชชาและสามีของเธอต่างก้มหน้าก้มตาทำงาน โดยปล่อยหน้าที่เลี้ยงลูกให้กับหุ่นยนต์แอนดรอยด์รูปร่างหน้าตาคล้ายมนุษย์ รูปร่างเท่ากับเด็ก 10 ขวบ มีหัวทรงกลม ผิวภายทำจากพลาสติกพิเศษ มีสีเหลืองอ่อน ชื่อว่า จีโบ คอยดูแลทุกอย่างทั้งเรื่องเสื้อผ้า อาหาร การเรียนรู้และพัฒนาการ เหมือนกับครอบครัวทั่วไปในปัจจุบัน ที่นิยมให้หุ่นยนต์แอนดรอยด์เลี้ยงดูเด็กมากกว่าใช้มนุษย์ดูแล ด้วยเหตุผลในเรื่องการที่ผู้คนสมัยนี้ไม่มีเวลาที่จะเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง เพราะหมดเวลาไปกับการทำงานและดูแลสุขภาพตัวเอง และการที่ใช้หุ่นยนต์เป็นพี่เลี้ยงจะช่วยพัฒนาเด็กให้ฉลาดมากกว่าเด็กยุคก่อนมาก ด้วยการตั้งโปรแกรมการเลี้ยงดูแบบส่งเสริมการพัฒนาการให้เป็นเด็กอัจฉริยะ

วันครบรอบวันเกิด อายุ 2 ขวบ ของกวิน เค้กวันเกิดเขียนข้อความไว้บนเค้กว่า “สุขสันต์วันเกิด กวินลูกรัก  7 ตุลาคม พ.ศ. 2576” วางอยู่ตรงหน้าของหนูน้อย  สามีของธัชชา เริ่มรู้สึกว่าลูกชายของเขาดูแปลก ๆ ไม่เหมือนเด็กธรรมดา ๆ ทั่วไป เพราะยังไม่เคยพูดให้ได้ยินออกมาเลย เมื่อเขาพูดคุยปัญหาเรื่องนี้กับธัชชา ทำให้ธัชชาตัดสินใจเล่าความจริงทั้งหมด

“ฉันขอโทษค่ะกาญจน์ที่ปกปิดเรื่องนี้เอาไว้” ธัชชาเอ่ยคำขอโทษออกมาด้วยดวงตาแดงก่ำ

สามีของธัชชา ชักสีหน้าไม่พอใจ สักพักก็ระเบิดอารมณ์โกรธออกมา

“ผมรับเรื่องนี้ไม่ได้จริง ๆ แล้วผมจะมีหน้าไปพบใครได้ ถ้าคนรู้จักผมได้รับรู้เรื่องนี้ ผมเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงนะ จะให้ใครต่อใครมาหัวเราะเยาะผมได้ยังไง”

ธัชชาได้แต่ปล่อยร้องไห้โฮ โดยมีกวิน นั่งเล่นเค้กจนมือและหน้าตาเลอะเปรอะเปื้อนไปด้วยเค้กช็อกโกแล็ตสีน้ำตาล

สามีของธัชชา มองไปที่กวิน ดูมีอารมณ์ขุ่นมัว ทำคิ้วขมวดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปทางธัชชา

“ผมขอหย่ากับคุณ” สามีของธัชชายื่นคำขาด ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

ธัชชารู้สึกตกใจกับคำพูดนี้ของสามี แทบจะหยุดร้องไห้โดยทันที แต่ยังสามารถควบคุมสติอารมณ์ได้อยู่

“คุณคิดดีแล้วหรือคะ”

“แน่นอน ผมไม่เคยรักคุณเลยธัชชา ที่ผมต้องมาแต่งงานกับคุณ ก็เพราะนโยบายให้สิทธิประโยชน์ของรัฐบาล ที่ให้กับคู่หญิงชายที่แต่งงานกันแล้วมีบุตร เพื่อช่วยเพิ่มอัตราการเกิดของประชากรในประเทศไทย ที่กำลังติดลบอยู่ทุกวันนี้ แล้วจะทำให้อนาคตของประเทศไทย จะมีแต่ประชากรที่แก่ชราอยู่เกือบค่อนประเทศ มันเอื้อประโยชน์ในการทำธุรกิจให้ผม”

“ดีค่ะ เมื่อคุณพูดความจริงกับฉันอย่างนี้ ฉันก็พร้อมเลิกกับคุณ” ธัชชาพูดด้วยแววตาขมขื่น แต่ยังแสดงท่าทีหยิ่งในศักดิ์ศรีตัวเอง

หลังจากที่ธัชชากับสามีหย่ากันแล้ว ศาลมีคำสั่งให้ธัชชาพาลูกชายของเธอเข้าสู่ศูนย์เด็กดาวน์ซินโดรมเพื่อให้เป็นผู้เลี้ยงดูต่อไปจนกว่าจะมีอายุครบ 18 ปี  เธอได้พากวินและหุ่นยนต์จีโบ ไปส่งที่ศูนย์เด็กดาวน์ซินโดรมเพื่อให้เป็นผู้เลี้ยงดูต่อไป โดยทั้งคู่จะส่งเงินมาเป็นรายเดือนให้

เมื่อเวลาผ่านไป จากเด็กน้อยกวิน เติบโตเป็นหนุ่มวัย 18 ปี แต่ร่างกายยังแลดูแคระแกร็น รูปร่างไม่สมส่วน ตัวสั้นๆ และลำคอหนา อีกทั้งสมองของเขาพัฒนาได้เท่ากับเด็ก 7 ขวบ ชีวิตของเขาผูกพันอยู่กับหุ่นยนต์จีโบ เพียง 2 คน มาตลอดเวลา จนมาถึงเวลาที่เขาต้องจากศูนย์เด็กดาวน์ซินโดรมไป

“กวินถึงเวลาแล้วนะที่เธอจะต้องออกไปสู่โลกกว้าง ตอนนี้เธออายุ 18 แล้ว ไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว” ลุงแก่ ๆ ผิวคล้ำรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาใจดี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เด็กดาวน์ซินโดรม พูดกับกวินด้วยแววตาเอ็นดู

“ลุงอมรครับ จะให้ผมไปไหนครับ พ่อกับแม่ยังไม่มารับผมเลย เห็นจีโบ บอกมาว่าท่านทั้งสองคนต้องทำงานหนัก ส่งเงินมารักษาอาการไม่สบายของผมที่นี่  ผมยังไม่เคยเจอพ่อกับแม่เลย ได้เห็นแต่ผ่านจอภาพที่ตัวของจีโบน่ะครับ ส่วนใหญ่ผมจะเห็นแต่หน้าแม่ ดูเหมือนแม่ผมจะรักผมมากกว่าพ่อนะครับ”

“ไม่หรอก พ่อเธอก็ต้องรักเธอเหมือนกันสิ แต่คงจะมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ไม่สามารถ มาคุยกับเธอผ่านจอภาพได้บ่อย ๆ “ ลุงอมรพูดให้กำลังใจกับกวิน เพื่อไม่ให้รู้สึกน้อยใจ

“ผมอยากหายเร็ว ๆ ครับ จะได้กลับไปอยู่บ้านพร้อมหน้า พร้อมตากันที่บ้านของเรา”

กวินพูดกับลุงอมรด้วยสีหน้าที่มีความหวังและเปี่ยมไปด้วยความสุข

“แต่เธอคงต้องออกไปตามหาพ่อแม่เองแล้วล่ะกวิน เพราะคงไม่มีเวลามารับเธอ”

ลุงอมรบอกกับกวินไปทั้ง ๆ ที่รู้ว่า ไม่มีวันที่พ่อกับแม่ของกวินจะมารับกลับไป เพราะทั้งสองคนเสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวทางภาคเหนือเมื่อเดือนก่อน และตอนนี้กวินก็อายุเกินที่จะอยู่ในศูนย์ได้อีกต่อไป

“จีโบ พากวินกลับไปบ้านด้วยนะ ฝากดูแลเขาให้ดีล่ะ” ลุงอมรฝากฝังกวินกับหุ่นยนต์จีโบ

“ครับคุณลุงอมร มันเป็นหน้าที่ผมที่ได้ตั้งโปรแกรมไว้อยู่แล้ว” จีโบตอบรับ พร้อมโค้งคำนับลุงอมร

“ไปกันครับคุณกวิน เราจะเริ่มเดินทางกันแล้ว” จีโบหันไปบอกกวินให้เตรียมตัวเดินทาง

“นี่เราต้องไปจากที่นี่จริง ๆ หรือครับลุงอมร ผมยังอยากเล่นกับจีโบอยู่ที่นี่อยู่เลยครับ”

กวินเริ่มรู้สึกใจหายลึก ๆ น้ำตาค่อย ๆ ไหลรินออกมาอาบ 2 แก้ม

 

เมื่อร่ำลาลุงอมรแล้ว กวินกับจีโบเดินทางด้วยกลับไปบ้านด้วยรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์ของศูนย์เด็กดาวน์ซินโดรมแต่เมื่อถึงบ้านแล้ว กวินก็ต้องรู้สึกผิดหวังปนความรู้สึกสับสน เมื่อพบว่าบ้านปิดอยู่ และมีป้ายอิเล็กทรอนิกส์แสดงตัวหนังสือและภาพเคลื่อนไหว ประกาศขายบ้านหลังนี้

กวินเดินไปตามทางเท้าอย่างสิ้นหวัง

“แล้วพ่อกับแม่เราจะไปอยู่ที่ไหนเหรอจีโบ พ่อกับแม่คงลำบากน่าดูไม่มีบ้านอยู่ อาจจะเดินอยู่แถว ๆ นี้ก็ได้”

“ไม่ทราบครับ” จีโบตอบสั้น ๆ แต่ยังคงเดินมุ่งหน้าตรงต่อไป

เขาทั้งสองเดินมาไกลมาก จนกวินรู้สึกเมื่อยขามาก จึงหยุดเดิน

“เราเดินมาไกลเท่าไหร่แล้วจีโบ”

“7 กิโลเมตร กับ 250 เมตรครับ”

“โอ้โห เราเดินมาได้ไงตั้งไกลขนาดนี้ “ พูดจบ กวินก็ยิ้มไร้เดียงสาแบบเด็กให้กับจีโบ พลันเหลือบสายตามองเห็นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ริมถนน จึงบอกให้จีโบอ่านข้อความบนป้าย

“ Dream Light ทุกความฝันของคุณ จะเป็นจริงที่นี่ เพราะคุณต้องการ เราจึงสานต่อ ให้ได้คุณได้รับในสิ่งที่ปราถนา”

พออ่านข้อความจบ กวินรีบจูงมือจีโบให้พาไปในสถานที่ตามป้ายโฆษณานั้น

เมื่อเข้าไปในข้างใน มีชายวันกลางคนศรีษะล้านแต่งกายชุดสีขาวล้วน ยืนต้อนรับอยู่

“สวัสดี พ่อหนุ่มน้อย มีสิ่งที่ไฝ่ฝันมาตลอดชีวิตอยู่ใช่ไหมล่ะ”

“ใช่ครับ ผมอยากเจอพ่อกับแม่ผม เพื่อเราจะได้กลับมาอยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันครับ” กวินพูดด้วยน่ำเสียงตื่นเต้น ปนดีใจ เพราะรู้สึกว่าความฝันจะได้กลายเป็นจริง

“เธอนี่แปลกคนนะ” ชายชุดขาวรู้สึกทึ่งกับความต้องการของกวิน

“ยุคสมัยนี้ เด็กหนุ่ม ๆ อย่างเธอแยกตัวอิสระจากพ่อแม่กันหมดแล้ว แต่เธอกลับอยากที่จะกลับไปอยู่กับพ่อแม่ แต่เอาเถอะ ในเมื่อมันเป็นความต้องการของเธอ ฉันก็พร้อมจะบริการ”

ชายชุดขาวเดินไปที่เตียงนอนที่มีอุปกรณ์อล็กทรอนิกส์วางเรียงรายอยู่หลายชิ้น

“นี่คือ เครื่อง Dream Light จะมีหน้ากากอิเล็กทรอนิกส์ ใส่เวลานอน จะเป็นเครื่องควบคุมความฝัน แล้วตัวหน้ากากจะส่งคลื่นแสงเป็นจังหวะ มันจะไปกระตุ้น คลื่น thema ส่ง 3-8 ครั้ง ต่อวินาที แล้วก็จะเข้าสู่ความฝันที่ตั้งใจไว้ “ ชายชุดขาวอธิบายหลักการทำงานคร่าว ๆ ให้กวินฟัง

แต่กวินคงจะไม่เข้าใจอะไร มองแต่อุปกรณ์และเตียงนอนที่อยู่ตรงหน้า

 

“ผมจะไปพบพ่อแม่ได้จริง ๆ หรือครับ” กวินถามย้ำชายชุดขาวอีกครั้ง

ชายชุดขาวยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนจะตบไหล่กวินเบา ๆ และตอบกลับไป “ได้สิ ขอให้เธอตั้งใจจริงก็แล้วกัน”

“จีโบ พอฉันไปพบพ่อแม่แล้ว ฉันจะให้กลับมารับนายที่นี่นะ นายรอฉันอยู่ที่นี่นะ”

กวินหันไปบอกกับจีโบ เป็นการร่ำลา แล้วรีบกระโดดล้มตัวนอนลงบนเตียงเหล็กอลูมิเนียมมันวาว ชายชุดขาวนำหน้ากากอิเล็กทรอนิกส์ครอบลงที่หน้าของกวินพร้อมเปิดสวิทซ์เครื่อง Dream Light ให้ทำงาน เวลาค่อย ๆ ผ่านไปทีละวินาที ดวงตาของกวิน ๆ ค่อย ๆ หรี่และหลับลง แล้วกวินก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง แต่เขารู้สึกได้ว่าสถานที่เปลี่ยนไป ไม่ใช่ที่เดิมที่เขาเพิ่งได้เข้ามา เขากวาดตามองไปรอบ ๆ เป็นห้องที่เขารู้สึกคุ้นเคย เขายิ้มออกมาอย่างมีความสุขโดยไม่รู้ตัว

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ประตูห้อง ๆ ค่อย ๆ แง้มออกมา ปรากฏร่างชายหญิง สองคนที่เขาคุ้นเคย ใช่แล้ว พ่อกับแม่ของเรา กวินคิดอยู่ในใจ ในมือของแม่เขา ถือเค้กช๊อคโกแล็ตสีน้ำตาลก้อนใหญ่พร้อมปักเทียนวันเกิด ทั้งสองคนเดินตรงมาที่เตียงที่กวินนอนอยู่ แล้วนั่งลงพร้อม ๆ กันที่ขอบเตียง ธัชชายื่นเค้กให้กับกวินเป่าเค้กวันเกิด ที่หน้าเค้กเขียนไว้ว่า

“สุขสันต์วันเกิด กวินลูกรัก  7 ตุลาคม พ.ศ. 2576”

กวินโผตัวเข้ากอดพ่อและแม่ ด้วยความรู้สึกที่เป็นสุขอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน หัวใจของกวิน ค่อย ๆ เต้นช้าลง จนกระทั่งในที่สุดหัวใจของเขาก็หยุดเต้น และจากไปอย่างมีความสุข

…………………………………………………………

5 ความเห็นบน “หมาหุ่นยนต์กับฝันสังเคราะห์”

  1. ต้องขออภัยด้วยนะครับ
    กระบวนการประกวดเรื่องสั้น หุ่นยนต์ ปิดไปเมื่อ 15มิถุนายน ที่ผ่านมาแล้วครับ
    แต่เรายินดีที่จะให้ post ลงนะครับ เพียงแต่คงจะไม่อยู่ในกลุ่มที่ใช้ตัดสิน
    ขอบคุณครับ

  2. แนะนำนะครับ
    จอภาพอิเล็กทรอนิกส์ 3 มิติ เธอยื่นมือไปประทับรอยนิ้วมือที่เครื่องตรวจสอบลายนิ้วมืออิเล็กทรอนิกส์

    “….อิเล็กทรอนิกส์” สมัยนี้ไม่ต้องใช้คำพวกนี้ก็ได้ครับ มันทำให้สำนวนดูเชยๆ

  3. อ่านเพลินๆ ไม่คิดอะไรมาก สำนวนส่วนใหญ่เหมือนเขียนบรรยายทั่วไปซะมาก บางจุดค่อนข้างจะเป็นแนว lecture
    แต่ดูแล้วมีแววนะ ฝึกและเรียนรู้ศิลปะการนำเสนอในรูปแบบ เรื่องสั้น นิยาย เยอะๆ ไปได้ไกลแน่ๆ

  4. “… โดยปล่อยหน้าที่เลี้ยงลูกให้กับหุ่นยนต์แอนดรอยด์รูปร่างหน้าตาคล้ายมนุษย์ …”
    หมาหุ่นยนต์ของผมอยู่ไหน???
    😀

    ผมว่า ภาษาดีแล้วครับ และพอจะเข้าใจประเด็น(อารมณ์)ที่ผู้เขียนพยายามจะสื่อ
    แต่มันกระโดดอ่ะครับ
    แต่อยากให้ผู้เขียนอ่านทวนเรื่องตัวเองอีกครั้ง
    และลองพิจารณาลำดับเวลาการเล่าเรื่องดูอีกครั้ง ครับ

    สิ่งที่ผมเกิดคำถามระหว่างการอ่าน คือ
    ๑. การตอบโต้ของเด็กดาวน์ซินโดรม
    ซึ่งอันนี้บอกตรงๆผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าควรเป็นอย่างไร เพียงแต่ที่เห็นดูเป็นปกติไปหน่อย ครับ
    ๒. ระบบทางสังคม
    เพราะพอครบกำหนดก็ปล่อยออกจากศูนย์ แบบนั้นเลยหรือ ไม่มีอะไร support หรือ อย่างน้อย ก็น่าจะอธิบายนิดหนึ่งว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ครับ (จะด้วยงบประมาณ ด้วยอะไรก็แล้วแต่)
    ๓. แล้วก็เดินไปที่ร้าน Dream Light เออ … แล้วก็รับบริการ … เออ ….
    ธุรกิจอะไร? แล้วก็ตายไปเฉยๆ? แล้วDream Lightได้อะไร? ก็เข้าใจว่าถ้าเอาไปทำอะไรต่อ มันอาจจะดูหดหู่เกินไป แต่มันก็อาจจะไม่ใช่ทางเลือก ก็ได้นะครับ(คืออาจจะต้องยอมให้หดหู่ ครับ)
    หรือจะให้ Dream Light ไม่มีตัวตนเป็นเพียงภาพหลอน? (เหนื่อย(หนาว)จนตายแบบสาวน้อยกับไม้ขีดไฟ)

    จากที่อ่าน ตัวละครหลักคือ กวิน ใช่ไหมครับ
    จริงๆแล้ว เปิดเรื่องที่ กวิน ได้เลยครับ
    กำลังจะครบกำหนดต้องออกจากศูนย์
    เล่าย้อนความทรงจำในงานวันเกิด
    อธิบายศูนย์เลี้ยงเด็ก , อาการดาวน์ซินโดรม
    (อาจจะเพิ่มความโหดร้ายขึ้นไปอีก โดยบรรยาย สภาพแวดล้อมอีกเล็กน้อย เช่นในศูนย์มีเด็กดาวน์อยู่กี่คน แต่ละคนก็ดูใสซื่อ มองโลกในแง่ดี)
    แล้วให้ Dream Light เป็นหน่วยงานต่อเนื่องของรัฐบาลเลยครับ
    (ออกจากศูนย์ ไม่มีที่ไป รัฐบาลรับภาระเอง เหอะ เหอะ)
    อันนี้ การที่ Dream Light รับงานก็จะมีเหตุผลขึ้นมาทันทีครับ
    และอาจจะให้โหดร้ายขึ้นไปอีก โดยการให้เป็นสิ่งต่อเนื่องบางอย่าง เช่น แหล่งพลังงาน, แหล่งอาหาร ฯลฯ (แต่ถึงจุดนี้ อาจจะไม่จำเป็นแล้ว เพราะ Dream Light มีผลประโยชน์จากการรับงานของรัฐแล้ว)
    ผมว่าน่าจะ ช๊อค คนอ่านได้มากกว่า ครับ
    (จริงๆคนอ่าน น่าจะเดาสิ่งเลวร้ายที่จะตามมาได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่า จะไม่รู้ว่าจะเลวร้ายไปถึงขั้นไหน เท่านั้นเอง ครับ)

    แต่ก็อย่างว่า
    ผมเป็น style เดินเรื่องเร็วครับ
    แนวเดินเรื่องแบบที่ผมเสนอนี้ อาจจะไม่เหมาะกับ คุณparitat ก็ได้นะครับ

    แต่ผมว่า ภาษา ใช้ได้เลยนะครับ
    จังหวะก็ ok ครับ

ใส่ความเห็น