เทพเจ้าจากบรรพกาล (เรื่องสั้นไซไฟ-แฟนตาซี)

ผมเขียนเรื่องนี้ไว้สักพักแล้วครับ เอาวางลงที่นี่ให้อ่านกัน อ่านแล้วคิดว่ามันดีหรือมีจุดที่ต้องปรับปรุงตรงไหนผมรบกวนขอคำวิจารณ์ด้วยครับ ไม่ต้องเกรงใจหรืออึดอัดที่จะแนะนำ ผมยินดีรับฟังทุกคำวิจารณ์แนะนำ

ขอบคุณครับ

0gravity

เทพเจ้าจากบรรพกาล

เสียงคำรามอย่างดุร้ายจนทำให้ผู้ที่ได้ยินหนาวยะเยือกไปถึงกระดูก ดังออกมาทางลำโพงตรงผนังห้องกระจกในตัวอาคารวิศวกรรมเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อของศูนย์พันธุวิศวกรรมศาสตร์แห่งโลก เสียงอันน่าสะพรึงกลัวนี้เป็นเสียงที่มาจากสิ่งมีชีวิต รูปร่างงดงาม ปราศจากอาภรณ์ใดๆ ซึ่งบัดนี้พวกมันนับพันตัวกำลังยืนแออัดยัดเยียด อลหม่านตรงลานกว้างด้านล่าง

เสียงดังกล่าวทำให้ด็อกเตอร์กัลลิเวอร์ รู้สึกขนหัวลุก เขากำลังยืนที่ตรงหน้าหน้ากระจกใสบานใหญ่ จ้องมองสิ่งมีชีวิตที่มีรยางค์สี่ชิ้นงอกจากลำตัว เขาคือคนที่ปลุกชีพพวกมันขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้าของโลก พวกมันถูกหมายมั่นให้เป็นความหวังสุดท้ายของมนุษยชาติ เพื่อการดำรงอยู่และสืบเผ่าพันธุ์

ผู้ที่ยืนอยู่ข้างๆด็อกเตอร์นักวิทยาศาสตร์พันธุวิศวกรรมคือชายร่างใหญ่ผู้มีอำนาจที่สุดในโลก เขาคือผู้ปกครองโลกที่มีหน้าควบคุมดูแลสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงนี้ในยุคสมัยหลังจากสงครามล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์

“ท่านจะให้เวลาผมอีกนานแค่ไหน” ด็อกเตอร์กัลลิเวอร์หันไปถามชายผู้เป็นผู้ปกครองโลก

“จนถึงอาทิตย์หน้า” ชายรูปร่างสูงใหญ่ราวกับยักษ์ตอบเสียงเข้ม ด้วยใบหน้าเรียบเฉย “เราเสียเวลามามากพอแล้ว บางทีสิ่งที่คุณสร้างขึ้นมามันอาจจะเป็นเพียงฝันลมๆแล้งๆที่ผลาญเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ จริงๆแล้วเราสมควรยอมรับชะตากรรมของเราซะด้วยซ้ำ”

ด็อกเตอร์กัลลิเวอร์ไม่ต่อปากต่อคำ ดวงตายังคงมองทะลุกระจกใสไปยังภาพสิ่งมีชีวิตที่อยู่เบื้องล่าง เขาเงียบไปชั่วอึดใจก่อนจะพูดออกมา “ผมอยากจะลองดูอีกสักหน่อย ถ้าเราล้มเหลวจริงๆ ผมจะทำลายพวกมันทิ้งทั้งหมด”

นักวิทยาศาสตร์ผู้เก่งกาจไม่เคยคิดยอมแพ้ต่อชะตากรรม เขาเชื่อว่าเรื่องของเทพเจ้าที่มีเรือนร่างงดงามไม่ใช่เรื่องตำนานเล่าขานเฉยๆ แต่มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ในอดีตกาลบนโลกเรามีเทพเจ้าเดินดินอยู่จริงๆ

            ผู้ปกครองแห่งโลกพยักหน้าตอบรับสั้นๆ แล้วเดินออกไปจากห้อง

————————-

เมื่อสามเดือนที่แล้วก่อนหน้านั้น

เจ้าหุ่นอัลฟ่าวันซึ่งเป็นหุ่นยนต์ในเลเวลคลาสการค้นหา ได้ออกปฎิบัติการค้นหาสิ่งที่ด็อกเตอร์กัลลิเวอร์ต้องการ หลังจากที่เขาตรวจพบคลื่นสัญญาณขนาดเล็กดังมาจากใต้ดินลึกลงไปราวหนึ่งกิโลเมตร เขาเชื่อว่าสิ่งที่กำลังส่งสัญญาณนั้นเป็นสิ่งที่เขาเพียรพยายามตามหามานาน จากข้อมูลที่เล่าต่อกันมานับพันๆปี เทพเจ้ายังคงอยู่ในโลกใบนี้ไม่ได้หายไปไหน มันรอแค่ใครสักคนค้นพบเท่านั้น

บริเวณที่ตรวจพบสัญญาณเป็นพื้นที่รกร้าง ปราศจากสิ่งมีชีวิต มันเป็นพื้นที่ที่ถูกละทิ้งเพราะมีแต่ซากปรักหักพังของตึกรามบ้านช่องในยุคสมัยช่วงที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ห้า บริเวณนี้มีกัมมันตภาพรังสีปกคลุมอย่างหนาแน่น

ในที่สุดสิ่งที่อยู่ใต้ดินก็ถูกนำขึ้นมาโดยเจ้าหุ่นอัลฟ่าวันและหุ่นตัวอื่นๆที่ทำหน้าที่ขุดเจาะทะลวงลงไปใต้พื้นดิน สิ่งที่พวกเขาค้นพบคือเครื่องจักรกลอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่พอๆกับห้องเล็กๆห้องหนึ่ง เครื่องจักรดังกล่าวถูกซุกซ่อนเอาไว้ในห้องนิรภัยที่ฝังในใต้ดินลึกลงเกือบหนึ่งกิโลเมตรไปโดยฝีมือใครสักคนในยุคโบราณก่อนที่จะเกิดสงครามโลกครั้งใหญ่ ที่สำคัญเขายังพบร่างของสิ่งมีชีวิตหลายสิบร่างบรรจุอยู่ในโลงแก้วสุญญากาศ

“นอกจากสิ่งเหล่านี้แล้ว แกเจออะไรอีกบ้าง เช่นพวกสิ่งมีชีวิตหรือเอกสารบันทึกอื่นๆ” ด็อกเตอร์กัลลิเวอร์หันไปถามเจ้าหุ่นอัลฟ่าวันขณะที่กำลังยืนตรงหน้าเครื่องจักรรูปทรงลูกบาศก์ขนาดใหญ่ ตอนนี้มันถูกเคลื่อนย้ายนำมาเก็บไว้ในห้องทดลองซึ่งเป็นห้องโถงขนาดใหญ่โตของสถาบัน รวมไปถึงซากศพของสิ่งมีชีวิตพวกนั้นด้วย

“ผมไม่พบอะไรอย่างอื่นเลยครับด็อกเตอร์นอกจากสิ่งที่ผมนำมาให้” เจ้าหุ่นตอบ มันมองไปที่เครื่องจักรลูกบาศก์ ซึ่งแต่ละด้านหากกะด้วยสายตาจะยาวด้านละประมาณห้าเมตร “ผมพบว่าสัญญาณที่ตรวจจับได้ส่งออกมาจากในวัตถุชิ้นนี้ ผมแนะนำให้เราใช้ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์เจาะเข้าไปในลูกบาศก์เพื่อดูว่ามีอะไรอยู่ในนั้น”

“ฉันเห็นด้วย เราจะเปิดมันออกดู ถ้าการคาดคะแนของฉันไม่ผิดพลาด ในนั้นจะมีสิ่งที่เราตามหามานาน ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกับตำนานเทพเจ้า แกดูที่ผนังทั้งสี่ด้านซิ มันมีรูปลวดลายของภาพสิ่งมีชีวิตที่ตรงกับรูปในตำนานของเทพเจ้า เจ้าสิ่งนี้ต้องเกี่ยวข้องกับตำนานแน่ๆ” ด็อกเตอร์กัลลิเวอร์บอกด้วยความหวังพลางใช้มือรูปไปบนลวดลายบนพื้นผิวภายนอกของเครื่องจักร

ก่อนหน้านั้นเป็นเวลาหลายปีมาแล้ว ที่เขาได้ข้อมูลมาจากบันทึกโบราณอายุหลายพันปี ซึ่งกล่าวถึงเทพเจ้าผู้ปะปนอยู่กับพวกมนุษย์ ก่อนที่บรรดาทวยเทพเหล่านั้นจะหายไปหลังจากสงครามโลกครั้งที่ห้าสิ้นสุดลง มีเสียงเล่าลือว่า เทพเจ้าที่เคยมีอยู่ถูกทำลายด้วยระเบิดนิวเคลียร์จนดับสูญล้มตายจนหมด หลังจากนั้นหลายแสนปีต่อมา ผู้ที่รอดชีวิตจากสงครามก็กลายเป็นผู้ปกครองโลก โดยอาศัยวิทยาการที่ยังเหลืออยู่สร้างโลกขึ้นมาใหม่ แต่โชคร้าย ที่เหล่าพวกที่รอดชีวิตต้องอาศัยอยู่ในโดมขนาดยักษ์แทน เพื่อหลบจากกัมมันตภาพรังสีที่ปกคลุมไปทั่วโลก

ด็อกเตอร์กัลลิเวอร์จัดการเชื่อมต่อเครื่องมือเข้ากับเครื่องจักรลูกบาศก์ที่เขานำขึ้นมาจากใต้ดิน ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เขาเจาะเข้าไปในลูกบาศก์ ก่อนจะพบว่าในนั้นมีระบบคอมพิวเตอร์ที่เก็บข้อมูลบางอย่างเอาไว้ ทันทีที่หน้าจอแสดงให้เห็นถึงข้อมูลที่ถูกดึงออกมา สิ่งที่ปรากฎต่อสายตาของเขาทำให้เขาตื่นเต้นอย่างยิ่ง เขาสั่งให้เจ้าหุ่นอัลฟ่าวันตามตัวผู้ปกครองโลกมาอย่างเร่งด่วน เขามีข่าวดีที่ต้องรายงานท่านผู้นำในทันที

                                                          ————————-

“คุณกำลังจะบอกว่าคุณเจอสิ่งที่คุณตามหามาตลอด” ผู้ปกครองจ้องมองภาพที่ปรากฎบนจอคอมพิวเตอร์ “แล้วสิ่งนี้จะมีประโยชน์อะไรกับพวกเรา”

“มีประโยชน์แน่ๆครับท่าน” ด็อกเตอร์กัลลิเวอร์หยุดเว้นก่อนจะอธิบาย “นี่คือข้อมูลต้นแบบของสิ่งมีชีวิตที่เราเชื่อว่าเป็นเทพเจ้าในยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ห้า ถ้าเราสร้างพวกเขาขึ้นมาอีกครั้ง เราหวังว่าจะได้ใช้ประโยชน์จากร่างกายที่งดงามและสมบูรณ์แบบนี้ นอกจากนั้นแล้วเรายังพบสิ่งที่เชื่อว่าเป็นอินทรียสารส่วนที่ควบคุมร่างกายของพวกเขา เรายังขุดเจอร่างกายจริงๆที่ถูกรักษาให้เสื่อมสลายน้อยที่สุดในโลงแก้ว ถึงแม้สภาพร่างกายจะไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซนต์เนื่องจากระยะเวลาที่ผ่านมานานเป็นแสนๆปี แต่เราสามารถถอดรหัสพันธุกรรมเนื้อเยื่อของร่างเหล่านั้นเพื่อสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้”

“เทคโนโลยีที่มีอยู่ของเราสามารถทำอย่างนั้นได้เหรอ”

“ถูกต้องแล้วครับ เทคโนโลยีของเราก้าวหน้าไปไกลจนถึงขั้นปลูกและสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาได้ ขอเพียงเรามีพิมพ์เขียวที่สมบูรณ์แบบ มีชิ้นส่วนเซลล์ของอะไรก็ตาม ข้อมูลทุกอย่างเราดึงออกมาจากลูกบาศก์นั่นแล้ว ผมคิดว่าคนที่ฝังมันเอาไว้อาจจะรอให้เรามาค้นพบ เพื่อต้องการให้เราจะปลุกชีพเทพเจ้าขึ้นมาอีกครั้ง”

————————-

วิศวกรรมเนื้อเยื่อและระบบประสาทขั้นสูงได้ปลุกชีพผู้ที่ถูกเรียกว่าเทพเจ้าขึ้นมาได้สำเร็จ เทพเจ้าถูกสร้างขึ้นมาจากพิมพ์เขียวที่เก็บในหน่วยความจำยุคโบราณ รวมถึงเนื้อเยื่อจากร่างกายและสิ่งที่ถูกคาดเดาว่าใช้สำหรับควบคุมร่างกาย ขณะนี้ ร่างหลายพันร่างนอนอยู่ในหลอดแก้วขนาดใหญ่ที่มีของเหลวเป็นสารควบคุมอุณหภูมิของร่างกายและเพราะเลี้ยงเซลล์เนื้อเยื่อ รอเวลาที่จะถูกปลุกให้ลืมตาอีกครั้ง

“โชคดีที่ข้อมูลในเครื่องจักรที่เราค้นพบบอกทุกอย่างไว้เกี่ยวกับองค์ประกอบของเทพเจ้าที่เราจะสร้างขึ้นมาใหม่ เราจึงสามารถใช้เทคโนโลยีปัจจุบันปลูกเนื้อเยื่อและสร้างส่วนที่ควบคุมร่างกายของเทพเจ้าได้” ด็อกเตอร์กัลลิเวอร์หันไปบอกผู้ปกครองที่กำลังยืนมองดูร่างที่นอนนิ่งในหลอดแก้ว เขากำลังวิตกกังวล คำถามบังเกิดขึ้นในใจ ถ้าร่างนั้นสามารถเป็นต้นแบบของเผ่าพันธุ์พวกเขาได้จริง มันจะเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบ แต่ถ้าไม่เป็นไปอย่างที่คิด จะเกิดอะไรขึ้น

“ร่างของสิ่งมีชีวิตตรงหน้าช่างแลดูงดงาม สัดส่วนสมส่วนอย่างหมดจด น่าเสียดายที่พวกเขาถูกทำลายลงด้วยสงคราม” ผู้ปกครองกล่าวอย่างเศร้าๆ “แต่เราก็ได้สร้างพวกเขาขึ้นมาอีกครั้ง เราหวังว่าจะได้ใช้ประโยชน์จากร่างกายของพวกเขาเพื่อดำรงไว้ซึ่งเผ่าพันธุ์ของเรา”

ด็อกเตอร์กัลลิเวอร์ยิ้ม เขารู้สึกภูมิใจในความสำเร็จ “ท่านกล่าวถูกต้อง ไม่เคยมีสิ่งมีชีวิตชนิดไหนบนโลกที่มีรูปร่างงดงามเช่นนี้ ตำนานที่กล่าวถึงเทพเจ้าที่มีรูปร่างสวยงามเป็นความจริง ถึงแม้สงครามจะทำให้พวกเขาล้มตายไป แต่พวกเขาฉลาดพอที่จะเก็บรักษาข้อมูลและร่างของตัวเองไว้ เพื่อนำไปใช้เป็นเซลล์ต้นแบบเมื่อมีผู้ค้นพบ ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีสามารถชุบชีวิตพวกเขาขึ้นมาอีกครั้ง”

“แล้วหลังจากนี้ คุณจะทำอย่างไรต่อไป”

“ผมจะสร้างเทพเจ้าขึ้นมาอีกจำนวนหนึ่งและเฝ้าดูพฤติกรรมของพวกเขาก่อนจะตัดสินใจขั้นสุดท้าย”

————————-

บรรดาแรงงานหุ่นยนต์ถูกเกณฑ์มาเพื่อสร้างเทพเจ้า จนในที่สุดเทพเจ้าราวๆพันร่างก็ถือกำเนิดขึ้น แต่ทว่าเรื่องราวไม่เป็นไปอย่างที่คิด เมื่อเหล่าเทพเจ้าถูกปลุกให้ตื่นขึ้น เรื่องเลวร้ายก็เกิดขึ้น พวกเขากลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดุร้าย น่าสะพรึงกลัว บรรดาเทพเจ้าเข้าต่อสู้กับหุ่นยนต์และนักวิทยาศาสตร์ในโครงการก็ถูกฆ่าตาย ซ้ำร้ายไปกว่านั้น พวกมันยังทำร้ายพวกเดียวกันเองด้วย ราวกับไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

ผู้ปกครองโลกจึงประกาศกฎอัยการศึกให้กองกำลังทหารหุ่นยนต์คลาสจู่โจมจับตัวเทพเจ้าเหล่านั้นไปกักขังไว้ ณ สถานที่ ที่ถูกออกแบบให้มีความแข็งแรงและเป็นระบบปิดอย่างแน่นหนา มันเป็นลานกว้างที่ล้อมรอบด้วยเครื่องปล่อยกระไฟฟ้าแรงสูง รวมถึงเสริมความแข็งแกร่งด้วยเหล็กกล้าที่ไม่สามารถถูกทำลายได้ง่ายๆ

ด็อกเตอร์กัลลิเวอร์รู้สึกสับสนและครุ่นคิดจนหัวแทบระเบิด เขาไม่อยากทำลายผลงานที่เขาสร้างขึ้น มีความคิดบางอย่างเกิดขึ้นวึ่งอาจจะเปลี่ยนสถานการณ์ที่เลวร้ายให้กลายเป็นดี

“ผมจับเทพเจ้าทั้งหมดมากักขังไว้ที่เดียวกันในลานโล่งข้างล่างนั่น” ด็อกเตอร์กัลลิเวอร์ บอกกับผู้ปกครอง “เราจะให้พวกมันต่อสู้กัน เอาชีวิตรอดให้ได้ ร่างที่แข็งแกร่งที่สุดจะถูกคัดเลือกออกมาโดยผลการต่อสู้ เทพเจ้าองค์สุดท้ายที่รอดชีวิตจะเป็นร่างที่เราจะนำมาศึกษา” เขายืนมองภาพเหตุการณ์ที่สิ่งมีชีวิตที่เขาเรียกว่าเทพเจ้ากำลังต่อสู้กัน มีอาวุธหลากชนิดซึ่งถูกโยนให้ลงไปในลานต่อสู้ พวกมันฉวยจับอาวุธมาสู้กัน บางตนล้มตาย บางตนก็บาดเจ็บ ส่วนใหญ่จะล้มตายลง จากหนึ่งร่าง สองร่างไปเรื่อยๆ และในที่สุดก็เหลือรอดแค่ร่างเดียว ในตอนนี้ มันยืนท่ามกลางซากศพของบรรดาพี่น้องที่ถูกสร้างมาจากเซลล์รูปแบบเดียวกันจากอดีตกาล

กองกำลังทหารหุ่นยนต์พาเทพเจ้าร่างสุดท้ายที่รอดชีวิตมาที่ห้องทดลองของสถาบัน มันถูกทำให้สลบและถูกจับตรวจสอบร่างกาย

ด็อกเตอร์กัลลิเวอร์มองร่างที่ถูกมัดตรึงไว้กับเตียงโลหะสีเงิน ทั่วร่างมีสายไฟ สายสัญญาณระโยงระยางเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับตรวจวัดสัญญาณชีพ รวมไปถึงคลื่นไฟฟ้าจากอวัยะวะที่เชื่อว่าเป็นหน่วยสั่งการและควบคุมร่างกาย

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป คอมพิวเตอร์ก็รายงานผลจากข้อมูลที่ถูกดึงมาจากหน่วยสั่งการในร่างกาย มันทำให้ด็อกเตอร์กัลลิเวอร์ถึงกับตกตะลึงเมื่อเขาค้นพบความลับที่ซุกซ่อนในอวัยวะส่วนควบคุมของเทพเจ้า เขาถึงกับตัวสั่นเทาและทรุดลงนั่งกับพื้นเมื่อพบว่าความรุนแรงที่เทพเจ้าแสดงออกมาถูกสั่งการจากอวัยวะก้อนที่บรรจุในกระโหลกศีรษะ!

ในตอนนั้น หุ่นอัลฟ่าวันก็รายงานผลจากการที่คอมพิวเตอร์ทำการรวบรวมข้อมูลจากเครื่องจักรลูกบาศก์เพิ่มเติม มันค้นพบข้อมูลชิ้นใหม่ล่าสุด

“ด็อกเตอร์กัลลิเวอร์ครับ ผมอ่านข้อมูลที่เพิ่งได้มา ดูเหมือนจะเป็นคำเตือนบางอย่างที่ถูกบันทึกเอาไว้ในหน่วยความจำในลูกบาศก์ ข้อมูลที่เหมือนจะถูกใครบางคนเขียนทับลงไปอีกที ซึ่งมันขัดแย้งกับข้อมูลชุดแรกที่บอกให้เราสร้างเทพเจ้า” เจ้าหุ่นรีบรายงาน

“แกเจออะไร เจ้าหุ่น?!?”

“มันเขียนไว้ว่า อย่าสร้างสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ขึ้นมาเพราะมันคือต้นเหตุแห่งการทำลายล้างโลกใบนี้ พวกมันก่อสงครามในอดีต รูปร่างภายนอกของพวกมันดูงดงามก็จริงแต่ภายในร่างกายนั้นมีอวัยวะต้นเหตุแห่งความชั่วร้ายบรรจุภายใต้กระโหลกศีรษะ เมื่อค้นพบข้อความนี้จงทำลายร่างและข้อมูลต้นแบบในคอมพิวเตอร์ทั้งหมดซะ เราผู้บันทึกข้อมูลไม่สามารถปฎิบัติภารกิจได้สำเร็จ พวกมันเอาชนะพวกเราได้ เราคือหุ่นยนต์ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือฆ่าฟันกันเอง ทำลายโลกใบนี้ พวกมันคือสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ สำหรับเราสิ่งมีชีวิตดังกล่าวนี้เป็นความผิดพลาดของพระเจ้าผู้สร้างมันเมื่อหลายล้านปีมาแล้ว” หุ่นอัลฟ่าวันอ่านข้อความประโยคสุดท้าย

ด็อกเตอร์กัลลิเวอร์ถึงกับนิ่งอึ้ง ในที่สุดเทพเจ้าที่เขาเชื่อว่ามีจริง แท้จริงแล้วคือมนุษย์ที่เป็นบรรพบุรุษของเขาเอง!

————————-

ผู้ปกครองโลกมองดูร่างของเทพเจ้าองค์สุดท้ายที่กำลังจะถูกความร้อนในเตาย่อยสลายทำลายลง เขาหันไปทางด็อกเตอร์กัลลิเวอร์ “คุณตัดได้สินใจแล้วอย่างนั้นใช่ไหม”

“ครับท่าน เราเสี่ยงเกินไปที่จะสร้างสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ ถ้าเรายังไม่หยุด มันก็ไม่ต่างอะไรไปจากการปลุกปีศาจขึ้นมาอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเราจะรู้ดีว่านี่คือบรรพบุรุษของพวกเรา เราเรียกพวกเขาว่ามนุษย์แต่แท้จริงแล้วพวกเขาไม่ใช่เทพเจ้าอะไรเลย เขามีร่างกายที่งดงาม มีแขน ขา ลำตัว สัดส่วนร่างกายที่พอเหมาะ แต่ทว่าเขามีอวัยวะอย่างหนึ่งซึ่งอันตรายมากๆ”

“สิ่งอันตรายที่คุณพูดถึงมันคืออะไร”

“มันคือก้อนสมอง สมองของพวกเขาบรรจุเรื่องเลวร้ายไว้เต็มไปหมด ทั้งความทะเยอทะยาน ความโหดเหี้ยม กระหายสงคราม ความอิจฉาริษยา ความรุนแรง ทั้งหมดก่อกำเนิดในสมองก้อนนั้น”

“แล้วร่างกายของพวกเราล่ะ ความหวังที่จะหลุดพ้นจากร่างที่คุณก็รู้ว่ามัน…ไม่สมบูรณ์แบบและไม่ยั่งยืน” ผู้ปกครองกล่าว เขายกอวัยวะที่เหมือนระยางค์ขึ้นมา มันเหมือนหนวดปลาหมึกที่ทำหน้าที่ทดแทนแขนและขาซึ่งงอกออกมารอบๆตัว เขานึกถึงดวงตาอันปูดโปนที่คล้ายตาของแมลง ผิวหนังแข็งกระด้างปกคลุมด้วยขนเส้นเล็กๆทั่วร่าง หนามแหลมที่โผล่งอกออกมาทางด้านหลัง ร่างของเขาไม่ต่างอะไรไปจากสัตว์ร้ายจากนรก

ทั้งหมดนี้คือผลจากกัมมันตภาพรังสีหลังสงครามโลกที่พวกมนุษย์ได้ก่อขึ้น พวกเขาคือมนุษย์ที่กลายพันธุ์ไปเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ต่างไปจากอสูรกาย พวกเขาคือผลลัพธ์จากสงครามของบรรพบุรุษ!

ด็อกเตอร์กัลลิเวอร์เองก็มีร่างกายไม่ต่างไปจากร่างของผู้ปกครอง เขารู้สึกปลงสังเวชกับร่างกายแบบนี้ เขาทั้งสองคนและคนอื่นๆอีกนับแสนคนบนโลกซึ่งจะว่าไปก็คือลูกหลาน เผ่าพันธุ์ที่กลายพันธุ์เนื่องจากกัมมันตภาพรังสีของระเบิดนิวเคลียร์ในสงครามโลกที่มนุษย์ยุคเก่าสร้างไว้

“บางทีถ้าเรา” ด็อกเตอร์กัลลิเวอร์ชะงัก ราวกับว่าคิดอะไรออกมาในวินาทีนั้น “ผมนึกอะไรบางอย่างออกแล้ว ถ้าเราสร้างร่างกายของมนุษย์ขึ้นมาใหม่และทำอะไรบางอย่างกับมัน มันอาจจะเป็นทางออกสำหรับเผ่าพันธุ์ของเรา”

————————-

ด็อกเตอร์กัลลิเวอร์ก้มลงมองดูร่างกายของตัวเอง บัดนี้ ร่างใหม่ที่เขาได้ครอบครองนี้เป็นร่างที่งดงาม สมบูรณ์แบบ ต่อไปนี้ ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนทุกคนบนโลกจะได้บอกลาร่างกายที่น่าเกลียดน่ากลัวราวกับสัตว์ร้ายแบบเดิมเสียที ในเมื่อตัวปัญหาคือมันสมองที่เป็นหน่วยสั่งการทั้งหมด ทำไมเขาจะต้องเก็บมันเอาไว้ล่ะ สิ่งที่เขาทำคือเขาแค่ย้ายสมองของพวกเขาลงมายังร่างของมนุษย์ที่ถูกสร้างมาอีกครั้งเท่านั้น

เขาย้ายก้อนสมองของตัวเองและของผู้ปกครองไปใส่ในร่างใหม่ที่เป็นร่างของมนุษย์ยุคโบราณได้สำร็จ

“ถ้าบรรพบุรุษของเราที่เป็นมนุษย์ในยุคโบราณรู้จักหวงแหนร่างกายที่งดงามของพวกเขา ดูแลมันให้ดี ไม่ตกเป็นทาสของสมอง ไม่ยอมให้มันควบคุมร่างกาย สร้างความคิดที่จะก่อสงครามและแย่งชิงความเป็นใหญ่จนใช้สงครามเข้าห้ำหั่นกัน  พวกเราคงไม่มีรูปร่างหน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนแมลงจากนรกแบบนี้” ผู้ปกครองกล่าวขึ้น เขายกแขนขึ้นพิจารณาเรือนร่างใหม่ที่ได้รับ ร่างของมนุษย์ยุคเก่าช่างเป็นอวัยวะสมบูรณ์แบบอย่างที่สุด

“ท่านกล่าวถูกต้อง” ด็อกเตอร์กัลลิเวอร์ยิ้มออกมา “เราจะสร้างร่างกายมนุษย์ยุคเก่าขึ้นมาและแจกจ่ายให้มนุษย์โลกทุกคนได้มีสิทธิ์ครอบครองร่างที่เชื่อว่าเป็นร่างแห่งเทพเจ้านี้ เราหวังว่า พวกเขาจะหวงแหนและดูแลรักษาร่างกายอันงดงามที่เขาจะได้รับนี้ไว้ เพื่อส่งต่อเป็นมรดกไปให้ลูกหลานของพวกเขาในอนาคต”

4 ความเห็นบน “เทพเจ้าจากบรรพกาล (เรื่องสั้นไซไฟ-แฟนตาซี)”

  1. ขออภัย ย่อยนานไปหน่อย

    สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นคือ ปัญหาในการใช้ รูปลักษณ์ เป็นตัวเล่น (ซึ่งผมเคยใช้เล่น ในเรื่องเก่า H0m0Za913Nz http://thaiscifi.izzisoft.com/2007/%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%99-%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%99-%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%99/68/ )

    ผมมองเรื่อง เวลาก่อนการเฉลย ที่ยาวมากไม่ได้ เพราะคนอ่านจะเกิดความรู้สึกขัดแย้งมากเกินไป
    กับการทิ้ง clue ให้คนอ่านเป็นพักๆ (เงื่อนไขนี้ผมกำหนดเอง ไม่ใช่ กฎข้อบังคับแต่ประการใด)
    อันนี้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นนะครับ เพราะผมเองก็ยังไม่มีข้อสรุป

    อีกเรื่องคือ แก่นหลักของเรื่องที่ไปติดอยู่เรื่อง รูปลักษณ์
    เพราะหากไม่ใช่ การเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลัน อย่างไม่ต้องการ
    การยอมรับต่อ รูปลักษณ์ จะเป็นอย่างไร? มุมมองต่อความงาม จะเปลี่ยนไป หรือไม่?
    ซึ่งผมเชื่อว่า ถ้ามีเวลามากพอ ความหมายของคำว่า “งาม” จะเปลี่ยนไป (เหมือน แฟชั่น)
    (แม้ว่า แกนหลักจริงๆ จะเป็นเรื่องการ อนุรักษ์ ก็ตาม)

    ในส่วนของ วรรณศิลป์ ไม่บังอาจ คอมเมนท์ ครับ

  2. สวัสดีครับคุณนิราจ

    ผมเข้ามาอ่านที่คุณนิราจตอบมาตั้งแต่แรกๆแล้วครับ พอดีไม่ได้login เข้ามา comment ต่อ ต้องขอประทานโทษด้วยครับ

    คอมเมนท์ที่ว่า “ผมมองเรื่อง เวลาก่อนการเฉลย ที่ยาวมากไม่ได้ เพราะคนอ่านจะเกิดความรู้สึกขัดแย้งมากเกินไป” >> ผมเห็นด้วยเต็มที่เลยครับ ตอนที่เขียนลืมนึกถึงประเด็นนี้ไป เมื่อวานอ่านเรื่อง”ผู้ชนะกาลเวลา”เขียนโดยไอแซค … เรื่องนี้สามบรรทัดสุดท้ายเป็นการเฉลย หักมุม ซึ่งก่อนนั้นไม่มีการเอ่ยถึง เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับคอมเมนต์ที่คุณนิราจบอกจริงๆ

    เมื่อทิ้งไว้หลายเดือนแล้วนำมาอ่านใหม่ ผมมองว่าลีลาการเขียนเรื่องนี้ผมยังไม่ดีพอ มันธรรมดาเกินไปครับ บางท่อนรกและยืด ไม่กระชับ

ใส่ความเห็น