“ฟู่วๆ!”เสียงไอน้ำจากหลอดทดลองสีเขียวหลายร้อยหลอด ทำให้ห้องทดลองเก่าๆแห่งหนึ่งที่ร้อนอยู่แล้วร้อนยิ่งขึ้นไปอีก อากาศที่ร้อนราวกับนรกเช่นนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์สาวคนหนึ่งแทบคลั่ง
“ขอโทษค่ะ ศ.จันดา ฉันขอไปพักสักครู่”หลังจากที่ทนกับอากาศร้อนมากว่าสิบชั่วโมง ฉันก็ทนไม่ไหว ถึงฉันจะมีความอดทนมากว่านักวิทยาศาสตร์หนุ่มๆหลายคนที่ทนความร้อนและการทดลองที่น่าเบื่อนี้ไม่ไหวจนหนีหน้าหายไป แต่การที่ต้องทำการทดลองกับสภาพอากาศแบบนี้นานๆเข้าคนอย่างฉันก็เริ่มท้อนิดๆแล้ว
จะเหลือก็แต่คนๆเดียวในห้องนี้ที่อยู่ทำการทดลองนี้ได้อย่างไม่รู้จากเหน็ดเหนื่อยและไม่เคยบ่นเรื่องความร้อนนี้เลย จนฉันอดนับถือคนตรงหน้าไม่ได้
“อะ ขอโทษที ทีน่า คุณไปพักก่อนเถอะ”เสียงของชายวัยกลางคน คนหนึ่งดังขึ้น ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมาจากกล้องจุลทรรศน์แล้วมองฉันผ่านแว่นตาสีเทาอย่างเห็นใจ ก่อนจะก้มหน้าลงส่องกล้องจุลทรรศน์แล้วทำงานต่อ ปล่อยให้ฉันออกไปอย่างเงียบๆ
ทุกคนในมหาวิทยาลัยต่างรู้จักศ.จันดาดี จากการที่เขาเป็นอัจฉริยะในหลายสาขา ทั้งพฤกษศาสตร์ พันธุศาสตร์ บัคเตรีวิทยา วิศวกรรมนาโน ศ.จันดาเป็นคนที่เก่งและอุทิศชีวิตให้กับการทดลอง แต่เขาก็มีเพื่อนน้อยและมีคนรู้เรื่องเกี่ยวกับเขาน้อยมาก แม้แต่ฉันเองก็รู้แต่เพียงว่าเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวเอเชียที่ประเทศถูกภัยพิบัติจากสภาวะโลกร้อนทำลาย อาจเป็นเพราะเหตุนี้เขาจึงมาเป็นนักวิทยาศาสตร์ เพื่อแก้ไขปัญหาโลกร้อน?
การทดลองของศ.จันดาเริ่มจากการศึกษาคลอโรพลาสต์อย่างลึกซึ้ง จนสามารถถอดรหัสพันธุกรรมเฉพาะของคลอโรพลาสต์ได้สำเร็จ และตอนนี้เขาก็กำลังทดลองปลูกถ่ายคลอโรฟิลด์ดัดแปลงลงในแบคทีเรีย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดูดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แทนพืชที่นับวันจะถูกทำลายไป
“เพล้ง!!”เสียงคล้ายแก้วแตกดังขึ้นมาจากห้องทดลอง หลังจากฉันออกมาพักได้ไม่นาน ด้วยความตกใจฉันก็รีบวิ่งกลับไปดู แต่สิ่งฉันพบกลับเป็น…
“เยี่ยม! สำเร็จ ฮ่าๆๆ!”เสียงหัวเราะของศ.จันดาดังลอดห้องทดลองออกมา ภาพที่ฉันเห็นก็คือศ.จันดากำลังจุมพิตหลอดทดลองที่มีของเหลวสีเขียวๆหลอดหนึ่งอย่างมีความสุข
“ดูสิ ทีน่า มันสำเร็จ ผมสร้างคลอโรแบคทีเรียได้แล้ว ฮ่ะๆๆฮ่า”ศ.จันดาที่กำลังตื้นเต้นสุดขีดกำลังแกว่งหลอดทดลองในมือที่มีของเหลวสีเขียวไปมาอย่างบ้าคลั่ง
“แสดงว่าการทดลองของพวกเราสำเร็จแล้ว โอ้ มันยอดมากเลยค่ะ”ฉันพูดอย่างดีใจ ในที่สุดหลังการทุ่มเทกับทดลองนี้มานาน งานนี้ก็ประสบความสำเร็จแม้จะเป็นเพียงก้าวเล็กๆที่พึ่งเริ่มต้นก็ตาม
“ไม่ๆมันยังไม่สำเร็จ ทีน่า นี่เป็นแค่ส่วนเล็กๆ ถ้าเราจะเปลี่ยนแปลงโลกละก็สิ่งที่เราทำก็เป็นแค่ก้าวแรกเท่านั้น”ศ.จันดาพูดอย่างภูมิใจ แล้วตาของเขาก็ส่องประกายผ่านแว่นตาสีเทาของเขา
“มาเถอะทีน่า ตามผมมา แล้วเราจะเปลี่ยนโลกด้วยมือของเราเอง…” ศ.จันดาพูดพร้อมกับยื่นมือที่ดูยิ่งใหญ่แต่อบอุ่นออกมาให้ฉันจับอย่างนุ่มนวล และแน่นอนฉันก็จับมือของเขาอย่างไม่ลังเล
3 เดือนผ่านไป
ผลงานของศ.จันดาถูกเผยแพร่ต่อชาวโลก ทำให้ทั่วโลกตกตะลึง แต่แค่นั้นยังไม่พอ เมื่อศ.จันดาประกาศว่าจะแก้ปัญหาโลกร้อนให้ทันศตวรรษที่ 22 เพื่อเป็นของขวัญให้กับโลก และแน่นอนคำประกาศนั่นทำให้งานของฉันก็มีมากเสียจนฉันแทบจะบ้า
“ศ.จันดาครับ สารเคมีที่ใช้สังเคราะห์ไม่เพียงพอครับ”นี่เป็นเสียงเสียงบ่นเล็กๆของผู้ช่วยทดลองคนใหม่ที่ทั่วโลกส่งมาช่วยการทดลอง เมื่อเทียบกับปัญหาอื่นๆที่ฉันต้องเผชิญ อย่างแบคทีเรียกลายพันธุ์ หรือการแก้สมการประหลาดทางคณิตศาสตร์ของศ.จันดา!!
“ศ.จันดาค่ะ จากที่คำนวณประสิทธิภาพคลอโรแบคทีเรีย ถ้าจะแก้ปัญหาโลกร้อนให้ทันศตวรรษที่ 22 เราต้องหาพื้นที่ที่มันจะสามารถสังเคราะห์แสงได้มากกว่าปกติ 10 เท่า ฉันว่าเราควรจะเลือนการลดปัญหาโลกร้อนไปอีกสักหน่อย…”ฉันถามความเห็นของศ.จันดา หลังจากที่คำนวณสมการแล้วพบปัญหาใหญ่
“พื้นที่ไม่พอ แน่ใจรึทีน่า?”ศ.จันดาที่กำลังทำงานอย่างไม่หยุดมือถาม โดยไม่ละสายตาจากสมการตรงหน้า
“ค่ะ จากที่คำนวณแล้วไม่ผิดแน่”ฉันยืนยัน
“งั้นครั้งนี้เราต้องพัฒนาแบคทีเรียตัวน้อยของเราให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้แล้วล่ะ”ศ.จันดายิ้มพร้อมกับร่างสมการใหม่ๆบนกระดาษอย่างรวดเร็ว
“สภาพแวดล้อมใหม่? ที่ไหนค่ะศาสตราจารย์”ฉันถามอย่างสงสัย
“บนโน้นไงทีน่า”ศ.จันดาชี้นิ้วขึ้นไปบนฟ้า “เราจะสร้างคลอโรแบคทีเรียที่อยู่บนเมฆได้”ศ.จันดายิ้มและยื่นสมการที่เขียนเสร็จอย่างสดๆร้อนๆมาให้ฉัน แล้วฉันก็รู้สึกว่ายังมีงานที่หนักหนาสาหัสกว่าที่ฉันทำอยู่ตอนนี้รอฉันอยู่
แล้วลางสังหรณ์ของฉันก็เป็นจริง เมื่อฉันต้องผจญความทรมานของการอดนอนมาตลอดสามเดือน เพื่อตามความอัจฉริยะของศ.จันดาให้ทัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากโดยเฉพาะเวลาที่เขาเพิ่มความมุ่งมั่นของตัวเองที่ปกติก็เยอะเกินไปอยู่แล้วให้มากขึ้นไปอีก
แต่ในที่สุดมันก็สำเร็จได้อย่างน่าอัศจรรย์ และศ.จันดาก็ดูจะพอใจมากเมื่อเขาเห็นก้อนเมฆสีเขียวก้อนแรกของโลกลอยอยู่ในท้องฟ้าสีครามของฤดูหนาว
ศตวรรษที่ 22
หลังจากการทุ่มเทอย่างหนักของศ.จันดา การทดลองที่ทั่วโลกต่างเฝ้ารอก็สำเร็จก่อนศตวรรษที่ 22 ตามที่เขาได้สัญญาไว้ ด้วยการสร้างเมฆแบคทีเรียคลอโรคลาวด์บวกกับการค้นพบเอนไซม์ที่เพิ่มความสามารถในการจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตัวใหม่ ทำให้ในระยะเวลาเพียงหนึ่งปีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงอย่างรวดเร็วราวกับปาฏิหาริย์ จนเข้าสู่ระดับปลอดภัย เหมือนเมื่อหลายพันปีก่อน
ในตอนนี้ปัญหาโลกร้อนก็ถูกทำให้กลายเป็นเพียงประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ที่ถูกพวกเราก้าวข้ามมาได้อีกครั้งด้วยวิทยาศาสตร์ และตอนนี้ทั่วโลกก็ไม่มีใครที่ไม่รู้จักศ.จันดา ผู้ช่วยโลกด้วยรงควัตถุสีเขียวอย่างคลอโรฟิลด์ แต่ด้วยความที่เขาไม่เคยหยุดนิ่ง ศ.จันดาก็ยังคงทำงานวิจัยพัฒนาการทดลองของเขาต่อไป และแน่นอนฉันก็ยังเป็นผู้ช่วยมือหนึ่งของเขาอยู่
“ศ.จันดาค่ะ ลิขสิทธิ์สีทาบ้านคลอโรฟิลด์ของคุณถูกลอกเลียนแบบคะ”ฉันรายงานเรื่องทำนองนี้ให้กับศ.จันดาฟังไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ เพราะหลังจากที่เขาเป็นคนดัง ใครต่อใครต่างก็มาสนใจในผลงานของเขาและก็มีหลายคนที่ทำการทดลองเลียนแบบ เพื่อสร้างชื่อเสียงหรือหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง
“ลอกเลียนแบบ?”เขาพูดไปเขียนสมการไป และก็เหมือนเดิมสายตาของเขาไม่เคยละจากงานที่อยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
“ค่ะ เขาเปลี่ยนจากคลอโรฟิลด์เป็นรงควัตถุอื่นอย่าง แคโรทีนอยด์หรือแซนโทรฟิลด์เพื่อให้สีต่างจากสีเขียว เพื่อประโยชน์ทางทัศนียภาพ แต่มีผลเหมือนกับสีคลอโรฟิลด์ของคุณทุกอย่าง”
“ฮะๆงั้นหรอ ก็ดีแล้วนี่ ผมเห็นแต่สีเขียว จนผมเบื่อจะแย่อยู่แล้ว มีสีอื่นมาให้ดูบ้างก็จะได้เจริญตากันบ้าง”ศ.จันดาตอบอย่างอารมณ์ดี
“คุณไม่ห่วงลิขสิทธิ์ของตัวเองหน่อยรึค่ะ”ฉันถามอย่างสงสัย เพราะถ้าเขาฟ้องการทดลองและลิขสิทธิ์เหล่านั้นบ้าง แม้เพียงแค่เรื่องเดียวเขาก็สามารถเรียกร้องค่าลิขสิทธิ์ได้เพียงพอที่จะเป็นเศรษฐีของโลกได้ในเพียงชั่วข้ามคืน
“ถ้ามันเป็นความก้าวหน้าของมนุษยชาติแล้วเราจะปิดกั้นมันทำไมละทีน่า อีกอย่างลิขสิทธ์เล็กๆอย่างนี้ มันเทียบอะไรไม่ได้กับสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่หรอก”เขาตอบอย่างถ่อมตน ก่อนจะวางมือจากสมการตรงหน้าแล้วมองตาฉันขณะพูดเป็นครั้งแรก
“สิ่งที่คุณกำลังทำ รึค่ะ?”ฉันถามอย่างสงสัยกับท่าที ที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยของศ.จันดา
”ใช่แล้วทีน่า สิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ มันยิ่งใหญ่พอที่จะเปลี่ยนโลกได้เลยทีเดียวล่ะ เชื่อผมสิ”ศ.จันดาพูดอย่างยิ้มๆ พร้อมกับพิงพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย อย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน และเมื่อฉันมองไปที่กระดาษที่เขาเขียน ถึงแม้จะอ่านกลับหัวแต่ดูจากการที่เขาขีดเส้นใต้สมการแล้วฉันก็รู้ว่าเขาคิดสมการการทดลองที่ยิ่งใหญ่มากสำเร็จแล้ว
ถึงแม้มันจะดูน่าสงสัย แต่ฉันก็เชื่อมั่นในความอัจฉริยะของเขาว่า สิ่งที่เขากำลังทำอยู่มันยิ่งใหญ่พอที่จะเปลี่ยนโลกได้อย่างที่เขาพูดจริงๆ
และแล้ววันนั้นก็มาถึง เมื่อข่าวความหายนะทางชีวภาพจู่โจมประเทศมหาอำนาจในเวลาพร้อมๆกัน หลังจากมีการทดลองใหม่ของศ.จันดาไม่นาน เพียงในระยะเวลา 3 เดือนระบบนิเวศน์ก็ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง พืชและผู้ผลิตขั้นต้นตายอย่างไร้สาเหตุ ส่งผลให้ผู้บริโภคถูกทำลายตามไปด้วย และในตอนนี้นักนิเวศวิทยาก็ยังสืบหาสาเหตุของความหายนะนี้ไม่ได้
เมื่อฉันทราบข่าว สมองของฉันก็ได้ข้อสรุปที่น่ากลัวบางอย่างที่ทำให้ฉันต้องรีบไปถามบุคคลเดียวที่น่าจะรู้เรื่องนี้ ศ.จันดา!!
“ศ.จันดาค่ะ แย่แล้วคะ ฉันคิดว่าปัญหาชีวภาพนั่นเกี่ยวกับ…”เมื่อฉันเปิดประตูห้องทำงานของศ.จันดาเข้าไป ก็เห็นศ.จันดากำลังดูภาพการขยายวงของความหายนะทางชีวภาพอย่างเงียบๆ และที่น่าตกใจเขากำลังยิ้มน้อยๆ เหมือนกับที่เขาชื่นชมผลงานของตัวเองที่ผ่านๆมา
“คลอโรแบคทีเรียกลายพันธุ์จนสร้างความเสียหายทางชีวภาพรึ? ทีน่า”ศ.จันดาถามกลับเรียบๆ แต่สายตาก็ไม่ได้ละจากภาพความหายนะทางชีวภาพตรงหน้า
“ค่ะ เอ๊ะ!! คุณทราบอยู่แล้ว?”ฉันถามอย่างสงสัย
“จะว่าอย่างนั้นก็ไม่เชิง ความจริงแล้วผมเป็นคนดัดแปลงพันธุกรรมของคลอโรแบคทีเรียนั่นให้มีประสิทธิภาพมากกว่าปกตินิดหน่อย ก็เท่านั้นเองล่ะ”ศ.จันดาพูด ก่อนจะละสายตาจากภาพข่าวตรงหน้ามามองฉัน
“เพิ่มประสิทธิภาพ?”
“ใช่ แค่ผมเพิ่มความสามารถในการจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อีกไม่กี่เท่า คลอโรแบคทีเรียที่น่ารักของผมก็แย่งวัตถุดิบในการสังเคราะห์แสงของพืชมาได้หมดแล้ว และในไม่ช้าพืชก็จะตายเพราะไม่มีวัตถุดิบในการสังเคราะห์แสง แล้วระบบนิเวศก็ล่มสลาย วิธีหยุดยั้งก็ยากลำบากเมื่อต้องเผชิญกับแบคทีเรียที่มีวัตถุดิบในการแพร่พันธุ์อย่างล้นหลาม มันเรียบง่ายและก็แทบจะป้องกันไม่ได้เลย”ศ.จันดาอธิบายการทำงานของสิ่งที่เขาสร้างอย่างช้าๆ
“ไม่จริง คุณทำเรื่องน่ากลัวอย่างนี้ทำไม?”ฉันถาม อย่างไม่เชื่อว่าคนที่ฉันนับถือและคิดว่าเป็นคนดีแม้ว่าจะไม่ค่อยชอบพูดอย่างศ.จันดา จะกล้าทำสิ่งที่เลวร้ายอย่างนี้ขึ้นมาได้
“คุณคงไม่รู้สินะว่าคนที่ประเทศมาตุภูมิถูกทำลายโดยอาวุธนิวเคลียร์น่ะรู้สึกอย่างไร?”ศ.จันดาหลบตาฉันแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“นิวเคลียร์? คุณเคยบอกว่าประเทศคุณประสบปัญหาสภาวะโลกร้อน…”ฉันหยุดพูดแล้วก็นึกถึงสภาพของประเทศที่เคยถูกกล่าวว่าถูกปัญหาสภาวะโลกร้อนทำลายลง และพบปัญหากับเหตุผลที่ไม่สอดคล้องกับสภาพจริงได้บางอย่าง “ไม่นะ รึว่า…”
“ถูกต้องแล้ว สิ่งที่คนรุ่นใหม่ถูกปลูกฝังมานั่น เป็นเรื่องที่กุขึ้นของประเทศมหาอำนาจที่ถล่มเราด้วยนิวเคลียร์สะอาดแบบใหม่ที่ไม่ส่งผลเสียต่อสิ่งมีชีวิตในระยะยาว เพื่อสร้างพื้นที่รองรับประชากรของพวกมันที่เอาแต่ถลุงทรัพยากรอย่างบ้าคลั่งและบีบบังคับให้ประเทศจนๆอย่างเราเสียสละ”ศ.จันดาพูดอย่างเคียดแค้น
“แต่ว่า…”เมื่อฉันได้รู้ความจริงฉันก็เริ่มเห็นใจชายวัยกลางคนที่ผ่านชีวิตอันน่าสะเทือนใจขึ้นมา
“มันน่าตลกนะทีน่า ที่ประเทศของผมถูกทำลายลงด้วยอาวุธอันน่าสะพรึงกลัว แต่ผมกลับสร้างอาวุธที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเพื่อล้างแค้น ขอโทษนะทีน่า ที่ผมต้องทำให้คุณต้องผิดหวัง และก็เรื่องที่หลอกคุณให้มาเป็นแพะรับบาปครั้งนี้ด้วย”ศ.จันดาพูดอย่างเบาๆพร้อมกับยิ้มให้ฉัน
“แพะรับบาป? คุณหมายความว่ายังไงค่ะ”ฉันถามอย่างสงสัย ขณะนั้นเองเสียงไซเรนของตำรวจก็ดังขึ้นรอบห้องทดลอง แล้วจากนั้นศ.จันดาก็หยิบปืนพกที่ซ่อนอยู่มายิงขาตัวเอง แล้วตำรวจก็บุกเข้ามาจับกุมฉัน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนฉันตั้งตัวไม่ทัน
“เราขอจับคุณ ดร.ทีน่า!! ข้อหาก่อการร้ายในระดับชีวภาพ เรามีหลักฐานการลักลอบการดัดแปลงพันธุกรรมแบคทีเรียของคุณ และการทำร้ายศ.จันดาที่พยายามขัดขวางคุณด้วยอาวุธปืน”นายตำรวจที่พุ่งเข้ามาจับฉันประกาศหมายจับอย่างรวดเร็วราวกับท่องบทมาแล้ว
“ฉันถูกใส่ความ คุณศ.จันดา!!”ฉันมองชายตรงหน้าที่เคยคุ้นเคย แต่ตอนนี้ฉันมองเขาแปลกไปราวกับคนไม่รู้จัก
“ขอโทษทีทีน่า จะบอกอะไรให้คุณรู้หน่อยก็ได้ ตอนนี้ผมทำงานให้ผู้ก่อการร้าย และตำรวจพวกนี้รวมทั้งทนายในคดีที่กำลังจะมาพบคุณ ก็ถูกผมซื้อตัวไว้หมดเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นก็ขอให้คุณโชคดีกับการรับผิดแทนผมก็แล้วกันนะ”ศ.จันดากระซิบข้างหูฉัน
“เออ แล้วก็ยินดีต้อนรับสู่ยุคสงครามอาวุธชีวภาพ”
เฃาวงกต
นี่เป็นเรื่องสั้นเรื่องแรกของผมครับ ดี-ไม่ดี ตรงไหนช่วยติชมด้วยนะครับ
สวัสดีครับคุณเขาวงกต
ชอบไอเดียครับ ถึงแม้ว่าจะเป็นไอเีดียที่ไม่แปลกใหม่ แต่การพัฒนาการของไอเดียในเรื่องเจ๋งดีครับ เริ่มจากเอาคลอโรพาตส์มารวมกับแบคทีเรีย จนท้านสุดก็กลายเป็นอาวุธชีวะภาพ
อ่านสนุกครับ จบแบบหักมุมดี
ยังขาดแต่กลวิธีทางการเขียนเรื่องสั้นหรือนิยายครับ ซึ่งจากที่อ่านดูมันเหมือนกับเรากำลังอ่านบทสนทนาระหว่างตัวละครอย่างเดียว
ยังขาดสิ่งที่เรียกว่า การบรรยาย ฉาก action และจังหวะในการใส่สิ่งเหล่าลงไปในเรื่องเพื่อให้เรื่องออกมาเป็น เรื่องสั้น มากกว่าเรื่องบทสนทนาครับ^^
ในแง่ของกลวิธีการเขียน ขอ comment นิดนึงครับ
ประโยคที่อ่านแล้วทะแม่งๆคือ ““เพล้ง!!”เสียงแก้วแตกดังขึ้นมาจากห้องทดลอง หลังจากฉันออกมาพักได้ไม่นาน ด้วยความตกใจฉันก็รีบวิ่งกลับไปดู แต่สิ่งฉันพบกลับเป็น…”
ทำไมแก้วแตกครับ แล้วในแง่ตัวละครเป็น “ฉัน” มุมมองบุคคลที่หนึ่ง ฉัน ในเรื่องรู้ได้ไงว่าแก้วแตก(เพราะตอนนั้น ฉันออกมาแล้ว) เสียงที่ดังอาจเป็นอย่างอื่นก็ได้ แต่พอฉันวิ่งกลับไปดู ข้อความที่บรรยายไม่ได้กล่าวถึงว่าอะไรแตกแล้วทำไมแตก
เรื่องนี้ถ้าปรับแก้เรื่องการนำเสนอให้เป็นดูเป็น”รูปแบบ”ของเรื่องสั้นมากขึ้น ส่งไปนิตยสารโอกาสได้ตีพิมพ์มีเยอะครับ
ถึงพี่ Uranus
ขอบคุณมากครับสำหรับคำแนะนำ พอดีงานเขียนนี้ผมต้องกระชับเนื้อหาให้ย่อลงที่สุดเท่าที่ทำได้งานเลยขาดๆวิ่นๆอย่างที่เห็น ตอนเเรกก็ขัดใจกับงานขาดๆนี้เหมือนกัน แต่ตอนนี้กำลังแก้ไขเพิ่มเติมครับ พอแก้ไขเสร็จจะรีบนำมาขอ comment เพิ่มเติมครับ
คุณเขาวงกต … รออ่านครับ
ลองรวบรัดตัดความตอนเริ่มต้นเลยมะ จะได้เข้าเรื่องเลยได้เต็มๆ
หลังจาก 30 ปีที่ ศ.จันดา อัฉริยะด้านคลอโรพาตส์มา และ ฉันทีน่าในฐานะผู้ช่วย ได้ปรับปรุงพันธุกรรมของแบคทีเรียจนสามารถสังเคราะห์แสงได้อย่างเสถียร และได้ดำเนินการเพื่อทำให้โลกที่กำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤติโลกร้อน ได้ผ่อนคลายลง โครงการแรกสำเร็จเกิดความคาดหมาย
“ทีน่า” เสียงนุ่มนวลอ่อนโยนของ ศาสดาจารย์จันดา ทำให้ฉัน….
จากนั้นก็เริ่มต่อที่
”ใช่แล้วทีน่า สิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ มันยิ่งใหญ่พอที่จะถล่มโลกได้เลยทีเดียวล่ะ เชื่อผมสิ”ศ.จันดาพูดอย่างยิ้มๆ พร้อมกับพิงพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย อย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน และเมื่อฉันมองไปที่กระดาษที่เขาเขียน ถึงแม้จะอ่านกลับหัวแต่ดูจากการที่เขาขีดเส้นใต้สมการแล้วฉันก็รู้ว่าเขาคิด สมการการทดลองที่ยิ่งใหญ่มากสำเร็จแล้ว
เรื่องจะกระชับขึ้นอย่างรวดเร็วเลยทีเดียว
เฮีย uranus นะบรรยายสุดยอดเลย สำนวนลื่นไหล ถามถูกคนแล้วครับ
เรื่องนี้สนุกดีครับ พล็อต มนุษย์สังเคราะห์แสงเคยได้อ่านกันบ้าง อ่่านไปกลางเรื่องก็พอเดาได้ว่า ตายห่ากันทั้งโลกแน่ ต่อไปเมฆมันคงจะเอาคาร์บอนมาจากคนเป็นๆซะละมั้ง บรื๋อ
ของผมบ้างนะครับ
อันดับแรกสุด ผมชอบแนวคิดครับ ช่วงแรกของเรื่องดึงอารมณ์ให้เอาใจช่วยงานวิจัยชิ้นนี้ได้เป็นอย่างดี
ผลลัพธ์ของงานวิจัย(เมฆสีเขียว)ก็ทำให้จินตนาการตามไปได้และเห็นภาพชัดเจน
อันดับที่สอง ชอบหักมุมครับ ทำออกมาได้ดี แต่ติดขัดเรื่องวิธีดำเนินเรื่องและการบรรยาย ทำให้ดูไม่ลุ้นมากเท่าที่ควร บวกกับหักมุมซ้อนหักมุมที่บอกว่าซื้อตำรวจไว้เรียบร้อย ถ้าทำให้มีกลวิธีที่ลึกซึ้งขึ้น เช่นสร้างหลักฐานมาใส่ร้าย จะทำให้อารมณ์คนอ่านมันหดหู่มากขึ้นไปอีก (ผมชอบ…)
ข้อด้อยที่มีอยู่ก็คือ ศ.จันดา เก่งหลายเรื่องไปนิด ถ้าจะให้เก่งหลายเรื่องก็ต้องทำให้แก่ตัวสักนิดหรือมีเหตุผลมาสนับสนุนครับ อีกเรื่องก็คือการทำให้ side effect เกิดกับประเทศ “มหาอำนาจ” แต่ฝ่ายเดียว ในเรื่องนั้นอธิบายเรื่องที่มีการกลายพันธุ์ไว้แล้ว แต่ไม่มีเหตุผลกำกับว่าทำไมถึงเกิดกับประเทศมหาอำนาจเท่านั้น ? ถ้าอธิบา่ยเรื่องนี้เพิ่มเข้าไปด้วยก็จะทำให้มีน้ำหนักมากขึ้นครับ
ยินดีกับการเริ่มต้นนะครับ เขียนมาเรื่อย ๆ จะได้มาพูดคุยกันครับ
ขอบคุณครับพี่ๆทุกท่าน ตอนนี้ลองปรับแก้มาแล้วครับ
ถึงพี่ Uranus ตอนนี้ปรับแก้มาแล้วครับ
ถึงพี่ Hoono เรื่องความไม่กระชับตอนต้น ผมอยากให้มีการหน่วงเรื่อง และการสื่อถึงการทดลองของเรื่อง ก็เลยมีความไม่กระชับอย่างที่เห็นครับ
ถึงพี่ Zhivao ตอนแรกผมก็อยากให้ศ.จันดา เป็นคนแก่หน่อย แต่พอจะเอาไปลงนิตยสารมหาลัย ก็คิดได้ว่าคนหนุ่มน่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอ่านมากกว่า ศ.จันดาก็เลยเป็นคนหนุ่ม แต่ตอนนี้ปรับแก้ให้ศ.จันดาเป็นคนวัยกลางคนและมีบุคลิกที่มีอาวุโสขึ้นแล้วครับ
ยังไงก็ขอขอบคุณทุก comment นะครับ ทุกความคิดเห็นทำให้ผมมีประสบการณ์มากขึ้นจริงๆ
คำแนะนำก็เป็นเพียงคำแนะนำไม่จำเป็นต้องปฏิบัติก็ได้ครับ น้อง meze ทำถูกต้องแล้วที่นำไปปรับใช้ให้เหมาะกับเรื่องของตนเองครับ แล้วจะรออ่านครับ
ขออนุญาตไส่ tag more นะครับ