เรื่องสั้น : home sweet home

“สวัสดีครับ ผม วิบูลย์… ขอต้อนรับสู่บ้านของผมครับ สารวัตร เมธี” น้ำเสียงอันอบอุ่น อ่อนโยน ทำให้ เมธี ขนลุกเกลียวอย่างช่วยไม่ได้ … เขาคงไม่รู้สึกเช่นนี้ หากไม่เห็นว่าร่างของคุณวิบูลย์ เจ้าของเสียง… นอนจมกองเลือด เสียชีวิตอยู่เบื้องหน้า

มันคือระบบต้อนรับอัตโนมัติซึ่งเป็นระบบพื้นฐานของบ้านในปัจจุบัน แต่จากการให้เสียงที่ยากแก่การกำหนดแหล่งกำเนิดได้ ซ้ำยังไม่รู้สึกถึงสิ่งมีชีวิตใดๆอยู่ใกล้ๆ สร้างความรู้สึกอึดอัดให้ เมธี อยู่เสมอ … โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีนี้ … เมธีต้องซ่อนท่าทีตกใจเลิกลั่กของเขา โดยการทำเป็นเพ่งพินิจไปยังหลักฐานที่อยู่เบื้องหน้า นั่นคือศพของ วิบูลย์ นั่นเอง

วิบูลย์ครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่บนพื้น บนร่างของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือด อันมาจากบาดแผลบริเวณขมับขวาที่มีลักษณะเหมือนกับถูกยิง ตัดกับพื้นที่รอบข้างที่ขาวสะอาดปราศจากร่องรอยใดๆทั้งสิ้น

หากเป็นการพิสูจน์หลักฐานในอดีตเมื่อหลายสิบปีก่อน ลักษณะที่ได้รับการทำความสะอาดเป็นอย่างดีของพื้นที่นี้ คงถูกมองเป็นการทำลายหลักฐานอย่างแน่นอน … แต่ไม่ใช่ในกรณีนี้ … ไม่ใช่อีกแล้วในปัจจุบัน

นี่เป็นระบบการจัดการความสะอาดของ MAID 0.2 ระบบบ้านอัจฉริยะที่ทรงประสิทธิภาพสูงสุดซึ่งมีอยู่ในทุกๆบ้าน ในปัจจุบันนี้ … ทันทีที่เกิดรอยเปื้อนบนพื้นผิวของอาคารไม่ว่าจะเป็นส่วนใดก็ตาม เหล่านาโนบอทจำนวนนับล้านๆตัว ซึ่งประกอบกันเป็นบ้านทั้งหลัง จะเริ่มกระบวนการทำความสะอาดอย่างต่อเนื่องโดยทันที ทั้งการย่อยสลาย การปรับสภาพทางเคมี รวมถึงการฆ่าเชื้อ เรียกว่าเป็นการทำความสะอาดในระดับ ดีเอนเอ จนไม่หลงเหลือร่องรอยใดๆเลยทีเดียว

ด้วยเหตุนี้ การวิเคราะห์หยดเลือด และการตรวจสอบ ดีเอนเอ จากสถานที่เกิดเหตุ รวมถึงการตรวจสอบรอยนิ้วมือแฝง นอกเหนือจากหลักฐานที่ปรากฏอยู่บนร่างของผู้เสียชีวิต จึงเป็นไปไม่ได้เลยหากไม่สามารถมาถึงที่เกิดเหตุได้ทันเวลา และสั่งปิดระบบได้ทันท่วงที ก่อนที่ระบบจะเริ่มทำความสะอาดตามกรอบเวลาที่ถูกตั้งไว้

ในความเป็นจริงแล้ว ถึงแม้หลักฐานทั้งหมดจะถูกทำความสะอาดไปจนหมดสิ้น แต่ MAID 0.2 จะเก็บข้อมูลทุกอย่างไว้โดยละเอียดไม่ว่าจะเป็น รูปร่าง โครงสร้างทางเคมี อุณหภูมิ หรือแม้แต่ รหัสดีเอนเอ ของสิ่งที่มันทำความสะอาดไป และสามารถจะพิมพ์ออกมาเป็นรายงาน หรือแม้กระทั่งแสดงภาพออกมาบนพื้นผิวเดิมได้อย่างถูกต้องครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งของเครื่องเรือน รอยเท้าบนพื้น หรือแม้แต่รอยเปื้อนเล็กน้อยบนผนัง แน่นอน เครื่องเรือนหรือรอยเท้านั้นสามารถเกิดขึ้นใหม่ โดยการจัดเรียงตัวของเหล่า นาโนบอท เอง ซึ่งเป็นลักษณะการทำงานโดยปกติอยู่แล้ว ลองนึกถึงการอยู่ในอาคารที่สามารถเรียกให้เก้าอี้ผุดขึ้นจากพื้น หรือ ถ้วยกาแฟที่ถูกดึงออกมาจากผนัง สิ่งเหล่านี้เป็นความสามารถ ที่ผสมผสานระหว่างระบบระเบียนของ MAID 0.2 และความสามารถในการเรียงตัวและการทำปฏิกิริยาเคมีของนาโนบอท

เพียงแต่ข้อมูลเหล่านี้ยังไม่เป็นที่ยอมรับในชั้นศาล เนื่องจากภาพที่เกิดขึ้นเป็นภาพที่ถูกจำลองอีกครั้งหนึ่ง เปรียบได้กับการดูภาพบนจอโทรทัศน์ ซึ่งยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ถึงความน่าเชื่อถือของข้อมูล อันเนื่องมาจากการเป็นแหล่งข้อมูลที่สามารถเข้าถึงได้จากคนหมู่มาก นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของบ้าน กรมตำรวจ และแฮกเกอร์ไร้จรรยาบรรณบางคน

….

เมธี พยายามซ่อนความรู้สึกอึดอัดจากเสียงของผู้ตายเอาไว้ โดยการแสร้งเป็นมองไปรอบๆสถานที่เกิดเหตุ ขณะที่ เหล่านักนิติวิทยาศาสตร์อีกสองสามคน กำลังขะมักเขม้นบันทึกรูปของผู้ตาย และ ยังคงต้องบันทึกรูปของสถานที่เกิดเหตุโดยรอบ แม้ว่าเป็นการยากที่จะหาประโยชน์อันใดได้
“ต้องการเครื่องดื่มอะไรหรือไม่ครับ สารวัตร เมธี” ระบบยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อสัตย์ แต่สร้างความรู้สึกย่ำแย่ให้กับ เมธี เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะครั้งนี้เขาถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย
“วิทยา” เมธี ร้องเรียกออกมาเกือบจะเป็นเสียงหลง
วิทยา นายตำรวจหนุ่มผละจากการลงบันทึกสภาพสถานที่เกิดเหตุผ่านจอ OLED แผ่นเล็กบางใสในมือตนในบริเวณด้านขวาของศพ และ เข้าประชิดตัวเมธีอย่างรวดเร็ว ด้วยท่าทางกระตือรือร้นจนเกือบจะเป็นร่าเริงเสียด้วยซ้ำ
“ยังไม่มีใครสั่งปิดระบบตอบรับนี่อีกหรือ” เมธี ถามเชิงสั่ง
“เผื่อว่ามีใครกระหายน้ำจะได้สั่งได้อย่างไรครับ” วิทยา ตอบกลับอย่างรวดเร็ว ทำให้ เมธี ต้องถลึงตาใส่
เขาเกือบจะตะคอกกลับไปแล้วว่า นั่นเป็นการทำลายสถานที่เกิดเหตุ หากไม่ได้สังเกตุเห็นสายตายียวน และรอยยิ้มกวนบาทาที่มุมปากของวิทยา นั่นทำให้เขารู้ว่า นี่เป็นเพียงลีลาการเรียกร้องความสนใจ จากนายตำรวจรุ่นน้องเท่านั้นเอง

วิทยา เป็นนายตำรวจใหม่ที่เข้ามาทำงานได้ไม่ถึงปี … เห็นท่าทางล้อเล่นเช่นนี้แต่จากการสังเกตของ เมธี เขาเห็นความทุ่มเท และ เอาจริงเอาจังกับงานของนายตำรวจผู้นี้เป็นอย่างมาก… วิทยา มักกลับบ้านดึกดื่น จนหลายๆครั้งเขาเป็นคนที่เดินออกจากสำนักงานเป็นคนสุดท้าย … เรียกได้ว่าบ้างานจนเข้ากระดูกก็ว่าได้
ไม่ต่างอะไรกับ เมธี … ด้วยเหตุนี้ เมธี มักเรียกใช้ วิทยา เป็นผู้ติดตามบันทึกคดีอยู่เสมอ
“สักครู่นะครับ” วิทยารีบตอบ หลังจากได้รับการแผ่รังสีอำมหิตเป็นเวลานานเพียงพอแล้ว
เขารีบพรมนิ้วลงบนจอ OLED อย่างนุ่มนวลคล่องแคล่ว ก่อนรายงานอย่างภาคภูมิ “ปิดระบบต้อนรับเรียบร้อยแล้วครับ” ไม่วายแก้คำผิดให้ เมธี … ไม่วายยียวนตามนิสัย และได้รับสายตาสังหารสมใจ
“รายงานสภาพที่เกิด” เมธี สั่งเสียงแข็ง พลางออกเดินดูรอบๆพื้นที่
เมธี พยายามเดินให้ใกล้ผนังให้มากที่สุด ตามความเคยชิน เพื่อป้องกันการทำลายหลักฐานในที่เกิดเหตุ ตามที่ได้รับการสอนมาในอดีต แต่ในปัจจุบัน ด้วยระบบ MAID 0.2 และระบบการทำความสะอาด วิธีการเช่นนี้กลายเป็นระเบียบปฏิบัติที่ล้าสมัยไปเสียแล้ว เมื่อ เมธี นึกขึ้นได้ เขาก็รีบกลับมาเดินอยู่กลางทางเดิน ด้วยท่าทีเขอะเขิน โดยมี วิทยา ก้าวตามอยู่ติดๆ


สภาพผู้เสียชีวิต

“ผู้ตายชื่อ นาย วิบูลย์ เพศชาย อายุประมาณ แปดสิบปี เสียชีวิตในบ้านของตนเอง บริเวณห้องพักผ่อน พบบาดแผลฉกรรจ์ที่บริเวณขมับขวา เกิดจากวัตถุไม่มีคมกระแทกเข้าสู่ศีรษะด้วยความเร็วสูง ความแรงของวัตถุก่อให้เกิดปากแผลกว้างประมาณ หนึ่งเซนติเมตร ลึกสิบเซนติเมตร ไม่พบร่องรอยการทะลุผ่าน มุมกระทบกดลงประมาณ สามองศา เอียงไปด้านหลังศีรษะประมาณ เจ็ดองศา … เป็นบาดแผลเพียงแห่งเดียวที่พบบนร่างของผู้ตาย จึงสันนิษฐานได้ว่าเป็นบาดแผลที่ทำให้เสียชีวิต … สภาพศพเริ่มแข็งตัวคาดว่าเสียชีวิตมากว่า หกชั่วโมงแล้ว … ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ … ไม่พบเศษของอาวุธสังหารในร่างของผู้เสียชีวิต … ไม่พบ รหัสพันธุกรรมแฝงใดๆในที่เกิดเหตุ” วิทยา บรรยาย ยาวพรืดแทบไม่หยุดหายใจ
“ฟังดูเหมือนถูกยิงตาย” เมธี ขมวดคิ้ว …
“เป็นไปไม่ได้ครับ” วิทยาโผล่งออกมาแทบจะทันที ซึ่ง เมธี เห็นด้วย … ทำไมอย่างนั้นหรือ … ก็เพราะอาวุธปืนกลายเป็นของผิดกฎหมายในสังคมโลกไปแล้ว ไม่มีโรงผลิตอีกต่อไป ปืนที่เหลืออยู่กลายเป็นของล้ำค่าที่จะหาพบได้ในพิพิธภัณฑ์เท่านั้น มีเหลืออยู่ไม่ถึงสามกระบอกทั่วโลก ดินปืนกลายเป็นของต้องห้ามและถูกตรวจสอบสารตั้งต้นอย่างเคร่งครัด … อาวุธที่ตำรวจและทหารใช้อยู่ในปัจจุบัน มีแต่ปืนอัดอากาศที่ใช้มวลอากาศกระแทกใส่คนร้าย และ กระสุนช๊อตไฟฟ้าที่ถูกยิงด้วยสปริง … ไม่มีใครเอาปืนมูลค่าหลายพันล้านไปเที่ยวไล่ยิงชาวบ้านอีกแล้ว … อย่าว่าแต่ หากเป็นปืนจริง กระสุนจริง การที่ไม่พบการทะลุของบาดแผลแสดงว่าต้องพบหัวกระสุนตกค้างอยู่ภายใน แต่นี่กลับไม่พบอะไรเลย …
และที่จะลืมไม่ได้เลยคือความสามารถของ MAID 0.2 …
ความสามารถในการตรวจสอบทางเคมีของเหล่านาโนบอท สามารถตรวจพบ สารประกอบดินปืนที่ฟุ้งกระจายอยู่ภายในอากาศ รวมถึงการแผ่รังสีที่เป็นลักษณะเฉพาะได้ภายในระยะห่างถึงหกเมตร ซ้ำยังสามารถ แจ้งข้อความเข้าสู่ศูนย์รักษาความปลอดถัยแห่งชาติ โดยอัตโนมัติในทันที นั่นหมายความว่า หากมีใครนำอาวุธปืนเดินเข้ามาในบริเวณบ้าน จะถูกจับก่อนเดินถึงประตูบ้านเสียด้วยซ้ำ
“ว่าต่อไปสิ” เมธี เอ่ยขณะใช้สติครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียด


ที่เกิดเหตุและบันทึก

“บริเวณอาคารโดยรอบไม่พบร่องรอยการบุกรุก” วิทยา เริ่มรายงานต่อ
นั่นก็เป็นสิ่งที่แน่นอนอีกอย่างหนึ่ง … MAID 0.2 สามารถตรวจสอบบุคคลโดยอ่านจากคลื่นความร้อนที่ นาโนบอท บันทึกได้ รวมถึง ชิปวงจรที่ฝังอยู่ในร่างของบุคคลทั่วไปซึ่งถือเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ไม่ว่าจะเพื่อความสะดวกในการระบุบุคคล การรายงานสุขภาพ รวมถึงการเพิ่มความสามารถให้แก่ร่างกายเป็นการเฉพาะด้านเช่นความจำ, การมองเห็น, การติดต่อกับบุคคลภายนอก, การติดตามการรักษาทางการแพทย์บางอย่าง และอื่นๆ … ด้วยแผงวงจรขนาดเล็กจิ๋วนี้ ทำให้เจ้าของบ้าน สามารถสั่งการทำงานของนาโนบอทโดยอาศัยเพียงแค่ความคิดเท่านั้น

สิ่งนี้ทำให้การบุกรุก และ การโจรกรรมในเคหะสถานเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เอาเสียเลย ที่บอกว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เพราะ หากเป็นนักเจาะระบบตัวฉกาจก็ย่อมจะสามารถกระทำได้โดยการ เจาะเข้าสู่ระบบของบ้าน และบิดเบือนข้อมูลทั้งหมด ที่สัมพันธ์กัน จนสามารถกลบเกลื่อนร่องรอยตนเองได้ครบถ้วน ทั้งข้อมูลการบันทึกคลื่นรังสีความร้อนจากร่างกาย ข้อมูลภาพถ่ายดิจิตอลภายในอาคาร ข้อมูลแรงกดบนพื้นห้อง ข้อมูลเศษฝุ่นผงในอากาศ ฯลฯ ซึ่งคงใช้เวลาเป็นปีต่อบ้านหนึ่งหลัง ซ้ำด้วยความสามารถระดับนั้น เขาคงมีรายได้มหาศาลจากการเป็นที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยเสียเอง

จากรายการที่ถูกบันทึกไว้โดยละเอียดเช่นนี้ สำหรับบางคนถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล แต่กับอีกบางส่วนอ้างว่าเป็นความเจริญทางเทคโนโลยี … ซึ่งสามารถมองได้หลากหลายรูปแบบ แต่สำหรับ เมธี ผู้ไม่ค่อยพิสมัยความเจริญทางวัตถุในลักษณะนี้สักเท่าไหร่ ยังยอมรับผลที่ตามมาด้วยสายตาชื่นชม … อัตราอาชญากรรม และ ภัยในเคหะลดลงจนกลายเป็น 0 เปอเซนต์ (หากไม่รวมคดีนี้) อัตราอุบัติเหตุภายในเคหะสถานก็ลดลงอย่างมาก เนื่องจากความสามารถในการตรวจสอบสุขภาพของผู้อยู่อาศัย ลองนึกถึงการตรวจจับความร้อนของร่างกายและพบว่า การเอียงตัวของร่างกายอย่างผิดปกติ รวมถึงการทรุดตัวลงอย่างรวดเร็วจนผิดสังเกต พร้อมทั้งการวินิจฉัยอัตราเต้นของหัวใจและสภาพคลื่นสมองโดยทันที พร้อมทั้งส่งข้อมูลไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องรอให้มีผู้มาประสบเหตุโทรศัพท์แจ้งแต่ประการใด … ด้วยระบบงานลักษณะนี้สามารถช่วยชีวิตคนมาแล้วหลายร้อยคน … อีกครั้งที่ต้องยกความดีให้ MAID 0.2
“ไม่มีรายงานบุคคลที่สามในที่เกิดเหตุ … ภรรยาของผู้ตายออกไปทำงานตั้งแต่เช้า ผู้ตายอยู่ภายในอาคารเพียงลำพังตั้งแต่นั้น”
“ไปสอบถามภรรยาเขากัน” เมธี เสริม ทั้งคู่เดินไปยังห้องด้านหลังซึ่งนายตำรวจสองนายกำลังอารักขา นางสุภาสินี อยู่


สอบสวน

“เขาลางานเนื่องจากกำลังป่วยเป็นไข้หวัด” สุภาสินี พูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “MAID พยายามเตือนเขาให้กินยาอยู่หลายครั้ง แต่เขาก็ไม่ฟัง … ดิฉัน ออกไปตั้งแต่เช้า กลับมาตอนบ่ายสองก็เห็นเขาในสภาพ …” เสียงของหล่อนขาดหายไป ตามด้วยน้ำตาโฮใหญ่
“รายงานแจ้งเข้ามาตอน บ่ายสองห้านาที” วิทยา รายงานให้ เมธี ทราบ เขาพยักหน้ารับ แน่นอนเป็นการสั่งงานของสมองผ่านชิปส่วนบุคคล ไปยังศูนย์รักษาความปลอดภัย … ทันทีที่หล่อนเห็นภาพ … ทันทีที่หล่อนนึกถึงตำรวจ
“ผู้ตาย มีศัตรูบ้างหรือเปล่าครับ” สุวัตร ถามขึ้นหลังจาก สุภาสินี เริ่มคุมสติได้มากขึ้นแล้ว
“ไม่มีนี่คะ … เขาอาจจะเป็นเจ้าของ บริษัท ขนาดใหญ่ แต่ ทุกธุรกรรมก็ทำอย่างโปร่งใสชัดเจน … เท่าที่ผ่านมา ไม่น่าจะมีเรื่องอะไรร้ายแรงถึงขั้นต้องฆ่ากันตาย”
“ชีวิตคู่ของคุณเป็นอย่างไรบ้างครับ”
สุภาสินี ถึงกับสะดุดกึกและมองกลับมาด้วยสายตาที่ไม่พอใจอย่างรุนแรง
วิทยา รู้สึกตกใจมากกับคำถามนี้ ถึงแม้พอจะเป็นที่เข้าใจได้ว่า เจ้าของบ้านเป็นผู้มีสิทธิเข้าปรับปรุงข้อมูลของ MAID0.2 ซึ่งทำให้ สุภาสินี กลายเป็นผู้ต้องหาอันดับหนึ่งไปโดยปริยาย แต่วิทยาไม่คิดว่า เมธี จะยิงคำถามออกไปตรงๆแบบนี้
“มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันบ้างหรือเปล่าครับ” เมธีถามย้ำด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างจนเกือบจะเป็นการคาดคั้น
“เราอยู่กินกันมา สามสิบปี” หล่อนตอบด้วยน้ำเสียงกร้าวพอๆกัน พลางวางมือข้างซ้ายลงบนโต๊ะกระจกใสทางขวามือ แก้วน้ำค่อยๆผุดขึ้นมาจากผิวของกระจกใสนั้น … เป็นการเรียงตัวของ นาโนบอท … เป็นการทำงานของ MAID 0.2 สุภาสินีคงสั่งน้ำผ่านทางชิปส่วนบุคคล … น้ำถูกสร้างขึ้นในทันทีที่แก้วปรากฏรูปร่างครบถ้วนสมบูรณ์ โดยการผสม ออกซิเจน และ ไฮโดรเจน จากอากาศ โดยกลุ่ม นาโนบอท สังเคราะห์

นาโนบอท แยกการทำงานออกเป็นสี่ส่วน คือ
พวกรับข้อมูล เช่น การรับคลื่อนความร้อน การรับภาพ การรับส่วนประกอบเคมี,
พวกแสดงผล คือพวกที่สามารถแสดงสีต่างๆได้ โดยทั้งหมดจะจัดเรียงตัวเป็นจอภาพขนาดใหญ่ และ พวกจัดเรียงองค์ประกอบ พวกมันสามารถจัดเรียงตัวเป็น เก้าอี้ แก้วน้ำ หรือแม้แต่ไม้จิ้มฟัน,
ส่วนสังเคราะห์ คือส่วนที่จัดการกับเคมีโดยเฉพาะ พวกมันสามารถสร้างองค์ประกอบทางเคมีง่ายๆได้ กระบวนการนี้ถูกจำกัดด้วยกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ นาโนบอทไม่สามารถผลิตดินปืนหรือสารเคมีที่เป็นอันตรายได้ ปัจจุบันสิ่งที่ถูกยอมรับให้สามารถผลิตได้มีเพียง น้ำ เท่านั้น … แต่ด้วยความสามารถนี้ อาคารไม่จำเป็นต้องมีท่อน้ำอีกต่อไป น้ำถูกสร้างขึ้นจากอากาศรอบๆตัว รวมทั้งเป็นสร้างความสมดุลทางเคมีตามที่ถูกโปรแกรมมา พวกมันคือหน่วยทำงานสะอาดขนาดจิ๋ว ระบบบำบัดน้ำเสีย หรือระบบกำจัดขยะถูกตัดทิ้งไปเพราะส่วนนี้
ส่วนสุดท้ายคือ ระบบพลังงาน นาโนบอทที่ทำหน้าที่สร้างพลังงานจากแหล่งพลังงานผสมขั้นพื้นฐาน เช่น พลังงานความร้อน พลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงการทำตัวเป็นหน่วยส่งพลังงาน เทียบได้กับว่า มันสามารถเป็น แหล่งกำเนิดพลังงานขนาดย่อยและสายไฟในเวลาเดียวกัน … เส้นเลือดฝอยที่หล่อเลี้ยงชีวิตใต้ผิวหนัง

“โอ… ดิฉัน นี่ช่างเสีย มารยาทจริงๆ” สุภาสินี อุทาน ออกมาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อหล่อนยกแก้วน้ำในมือขึ้นดื่ม
แก้วน้ำ สองแก้วค่อยๆผุดขึ้นจากผิวโต๊ะ เบื้องหน้า เมธี
เขา รีบเอื้อมมือไปบังแก้วน้ำไว้ด้านบนก่อนที่มันจะปรากฏร่างโดยสมบูรณ์ แก้วน้ำหยุดการทำงานโดยทันที มันแสดงตัวครึ่งๆกลางๆอยู่อย่างนั้น
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ พวกเราไม่กระหาย … และคุณกำลังทำลายหลักฐานทางกายภาพของสถานที่เกิดเหตุ” เมธี รุกต่อด้วยท่าทีแข็งกร้าว … วิทยา รู้ว่า ข้อหาทำลายหลักฐานนั้นไม่เป็นความจริงอีกแล้ว … ใช่แล้ว เพราะ MAID 0.2
แก้วน้ำค่อยๆยุบตัวลงกลับไปเป็นผิวโต๊ะเช่นเดิม
“พวกเราก็เหมือนคู่สามีภรรยาทั่วๆไป … มีขัดแย้งกันบ้าง แต่ไม่มีอะไรใหญ่โต” สุภาสินี ตอบด้วยท่าทีอึดอัด
“ผมเห็นว่า ระบบการบันทึกภาพภายในอาคารไม่ได้ทำงานอยู่ … เราจึงไม่มีภาพในช่วงเวลาเกิดเหตุ … ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรหรือครับ” วิทยา เอ่ยถาม
“ดิฉัน และ สามี ไม่ค่อยชอบคะ … มันเหมือนถูกจับตามองตลอดเวลา … ซ้ำเรายังได้ข่าวว่ามีพวกแฮกเกอร์เจาะเข้าระบบ และเผยแพร่ภาพของบ้านต่างๆออกไปทางอินเตอร์เนท ราวกับ รายการโชว์ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้”
วิทยา พยักหน้า ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นแค่ข่าวลือ และ ยังไม่มีการตรวจพบบนอินเตอร์เนทแต่ประการใด แต่ความรู้สึกเช่นนี้ก็เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ … อย่างไรก็ตาม พวกเขายังมีภาพคลื่นความร้อนที่เป็นระบบพื้นฐานของ MAID 0.2 ที่ไม่สามารถปิดได้
เมธี หันมองหน้า วิทยา … ทั้งคู่มาถึงทางตัน


ทบทวนข้อมูล

ถึงจุดนี้ เมธี มีผู้ต้องสงสัยเพียงคนเดียวคือ สุภาสินี เพราะเป็นเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดได้ เขาทิ้งให้ วิทยา ติดตามร่องรอยการเปลี่ยนแปลงข้อมูลอยู่แต่สิ่งที่ขาดหายไปคือ อาวุธสังหาร และ มูลเหตุจูงใจ

ณ ห้องพักผ่อนอันเป็นที่เกิดเหตุ ระบบทำความสะอาดถูกสั่งระงับ ศพของวิบูลย์ถูกขนย้ายไปยังสถานที่เก็บศพเรียบร้อยแล้ว ทิ้งไว้เพียงรอยระบุตำแหน่งสีขาว … สุภาสินี ไปพักยังโรงแรมใกล้เคียง พนักงานนิติวิทยาศาสตร์กลับไปจนหมด หลังการกรำงานบันทึกข้อมูลนานกว่าหกชั่วโมง เหลืออยู่ก็เพียง เมธี กับ วิทยา ที่ยืนจ้องตำแหน่งที่พบศพอันว่างเปล่าอย่างไม่วางตา

“รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆไหมครับ” วิทยา บ่นเบาๆ
“การรายงานการเสียชีวิต” เมธี ตอบ
นั่นเองที่กวนใจ วิทยา มาตลอดช่วงเย็น ระบบการตรวจสุขภาพของ MAID 0.2 จะต้องรายงานทันทีที่มีการล้มลงของสิ่งมีชีวิต ไม่ต้องพูดถึงสัญญาณชีพจรที่ขาดหายไป หรือ คลื่นสมองที่หยุดนิ่ง
“วิบูลย์ เสียชีวิต ตอนประมาณสิบนาฬิกา โดยการประเมินจากสภาพของศพ แต่กลับไม่มีรายงานการเสียชีวิตใน MAID 0.2 … ภรรยา พบศพตอนบ่ายสอง รายงานของศูนย์เริ่มขึ้นตอนนั้น” วิทยาทวนความคิด
“เกิดอะไรขึ้นตอนหกนาฬิกาถึงสิบนาฬิกา” เมธี รำพึง
“ภรรยาผู้ตาย ออกจากอาคาร ตอนหกนาฬิกา ตามคำให้การและบันทึกของระบบซึ่งตรงกัน”
“หล่อนมีสิทธิที่จะแก้ไขบันทึกของระบบได้ในฐานนะของเจ้าของบ้าน” เมธี เสริม ซึ่ง วิทยายอมรับโดยการ ผยักหน้า … หล่อนอาจจะกลับเข้ามา ทำการฆาตกรรม และลบ บันทึกเสีย … แต่ไหนละเหตุจูงใจ
“ต่อไปสิ” เมธี ถามต่อ สายตายังไม่ละจากจุดพบศพ
“นี่สิครับที่น่าสนใจ รายงานหลังสุดระบุว่า ผู้ตาย อยู่ที่ห้องทานข้าว ตามมาด้วย รายงานการสั่งปิดระบบการเตือนให้ทานยา ครับ … และผู้ตายอยู่ในห้องทานอาหารตลอดเวลา จนกระทั่งพบศพ” วิทยา รายงานด้วยน้ำเสียงแปร่ง
“ในห้องพักผ่อน” เมธี ยกมือขึ้นกอดอก เท้าคาง
“ครับ ห่างจากห้องทานอาหาร สาม เมตร”
“โดยไม่มีรายงานออกจากห้อง ?”
“ครับ มีแต่ รายงาน error code 752 ตอน เก้านาฬิกา ห้าสิบ”
“แล้วไอ้ code นี้มันหมายความว่าอะไร”
“A syntax error was encountered while processing a script. … ไม่บอกอะไรเลยครับ”
เมธี อึ้งไปชั่วครู่ก่อนถามต่อ “แล้วผู้ตายมาอยู่ที่ห้องพักผ่อนได้อย่างไรโดยไม่มีรายงาน” เขาเสริมด้วยท่าทีมั่นใจ “ข้อมูลถูกลบแน่ๆ” น้ำเสียงของเขาดูกระตือรือร้นจนออกนอกหน้า
“ดูจากตำแหน่งของผิวแม่เหล็กในหน่วยบันทึกความจำ ไม่พบการลบหรือเคลื่อนย้ายข้อมูลเลยนะครับ” วิทยา ยืนยันเสียงแข็ง “และผมก็ยังไม่พบหลักฐานใดๆว่ามีการเจาะระบบ”
“แล้วผู้ตายมาอยู่ในห้องพักผ่อนได้อย่างไร … ต่อให้หายตัวมาก็ต้องปรากฏในบันทึกอยู่ดี”
“ครับ … นั่นละครับที่ผมจนปัญญา” วิทยา ถอนหายใจอย่างหดหู่ “ระเบียนมีรายละเอียดที่สมบูรณ์ครบถ้วน ผมสามารถบอกได้ว่า ผู้ตายชอบทานอะไร ออกกำลังกายตอนไหน ดูภาพยนตร์แนวใด … แต่ผมบอกไม่ได้ว่า เขาออกจากห้องทานอาหารตอนไหน” วิทยา หยุดเล็กน้อย มีท่าทีแปลกใจ “ผมพบบันทึกของระเบียนสิ่งของที่แปลกๆบางอย่างครับ”

ระเบียนสิ่งของ คือระบบฐานข้อมูลที่ระบุ รูปพรรณสัณฐาน และ คุณสมบัติ ของสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆที่ถูกกำหนดขึ้นเพื่อใช้งานภายในบ้าน เช่น เก้าอี้, แก้วน้ำ เป็นต้น ทุกอย่างจะต้องถูกระบุสี ขนาดและมิติต่างๆอย่างละเอียด เพื่อให้นาโนบอทจำลองรูปร่างและคุณสมบัติได้อย่างถูกต้อง ซึ่งทั้งหมดจะต้องถูกลงระเบียนไว้ในฐานข้อมูลของ MAID 0.2 ถึงแม้ว่าข้อมูลพื้นฐานส่วนใหญ่ จะถูกเตรียมไว้แล้วสำหรับบ้านแต่ละหลัง แต่ก็มีข้อมูลที่ทางเจ้าของบ้านสามารถเพิ่มเติมเองได้ เช่น แก้วคริสตอล รูปแบบต่างๆ ซึ่งต้องระบุถึงความใส และองค์ประกอบทางเคมีอย่างละเอียด เพื่อการทำจำลองที่ใกล้เคียงที่สุด ให้เหมาะกับรูปแบบการใช้ชีวิตของแต่ละคน ซึ่งอาจรวมถึงการสั่งทำ นาโนบอท แบบพิเศษ ซึ่งก็ส่งผลทางด้านราคาด้วยเช่นกัน

“ระเบียน อะไรหรือ” เมธี ถามย้ำ
“ผมกำลังถอดรหัสข้อมูลอยู่ครับ ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจน” วิทยา รายงาน
“เรียกขึ้นมาดูเลย … ใช้สิทธิ การสืบสวนของศูนย์รักษาความปลอดภัย”
ระเบียนส่วนใหญ่สามารถเรียกได้โดยผ่านชิปของเจ้าของบ้านเท่านั้น … นอกจากจะระบุสิทธิที่สูงกว่า … ในกรณีนี้ก็คือ สิทธิ ของนายตำรวจ
“ครับผม” วิทยา รับคำ พลาง พิมพ์ข้อความสั่งงานลงบนจอโปร่งใสในมือ
แล้วสิ่งหนึ่งก็ค่อยๆปรากฏร่างขึ้นบนโต๊ะเคาเตอร์ข้างๆ … มันคือปืน S&W model 1889 รุ่นที่ผลิตขึ้นในปี 1941


สรุปปิดคดี

วิทยาเริ่มเข้าใจความ “บ้า” ปืนของ ผู้ตาย เขาพึ่งจะสังเกตเห็นว่า มีเอกสารข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดของอาวุธปืนเป็นจำนวนมาก อยู่ในคลังข้อมูลของ ผู้ตาย … ไม่แพ้ความบ้า ภาพยนตร์ โบราณ ทั้งหนังของ โรเบิร์ต เดอนีโร, คริสโตเฟอร์ วอลเก้น, ฯลฯ

ความรู้สึกโหยหาอดีต แต่ใครบ้างละที่ไม่เป็น…

“ของเลียนแบบ” เมธี จับปืนขึ้นพินิจพิเคราะห์หลังจากสวมถุงมือยางเรียบร้อยแล้ว เขาขยับอาวุธโบราณในมือไปตามเหลี่ยมมุมของของมันด้วยความระมัดระวัง พลางพยายามมองหาร่องรอยของรอยนิ้วมือผ่านแว่นพิเศษตามความเคยชิน …

แน่นอน หากเป็นการเลียนแบบโดยการเรียงตัวของนาโนบอท ย่อมไม่มีร่องรอยของรอยนิ้วมือใดไห้หลงเหลืออยู่เป็นแน่ … อย่าเข้าใจว่ามันคือปืนที่เคลื่อนที่ไปตามที่ต่างๆ … มันคือนาโนบอทตามที่ต่างๆที่สร้างรูปร่างขึ้นมา … เหมือนทรายบนชายหาด ที่สามารถก่อรูปขึ้นเป็นปราสาททรายที่รูปร่างเหมือนกันทุกประการ ณ บริเวณไหนก็ได้บนชายหาดนั้น

“ของแบบนี้น่าจะถูกรายงานไม่ใช่หรือ” เมธี ท้วงอย่างหัวเสีย
“ครับ นอกจากจะถูกเข้ารหัสไว้ และบิดเบือนข้อความบางอย่าง … อย่างกรณีนี้ เจ้าของบ้านเรียกมันว่า G.N. ครับ … ส่วนคุณสมบัติ และ ขนาดมิติ ก็บิดเบือนเล็กน้อยจนข้อมูลไม่สามารถเปรียบเทียบได้ … ไม่มีการใช้สารประกอบทางเคมีแต่ประการใด”
“ใครเป็นเจ้าของระเบียน”
“วิบูลย์ … ผู้ตายครับ”
“ขอดูภาพถ่ายความร้อนในสถานที่และเวลาที่เกิดเหตุสิ”

ผนังพื้นและเพดานกลายเป็นสีดำเข้มในพริบตา ภาพสีแดงสด,สีส้ม และ สีขาวที่ประกอบเป็นร่างคน อยู่ในท่านั่งบริเวณที่พบศพ วิบูลย์ … ทั้งหมดเป็นการสร้างภาพจำลองโดย นาโนบอทส่วนแสดงผล … มือข้างขวาของเขายกขึ้น ก่อนล้มลงกับพื้น … ล้มลงในตำแหน่งที่พบศพ … ห้องทั้งหมดกลับมาเป็นสีขาวสว่างอีกครั้ง

“ไม่มีบุคคลอื่น” เมธี ร้องถาม
“ไม่มีครับ … นอกจากบุคคลนั้นจะอยู่ในชุดกันความร้อน” วิทยา ยืนยัน “แต่ก็ไม่มีทางที่จะปิดบังได้แนบเนียนขนาดนี้” เพราะอุณหภูมิ ที่มักจะแตกต่างกันเล็กน้อยกับพื้นและผนัง
“ข้อมูลอาจจะถูกลบออก” เมธียังคงยืนยัน
“โธ่ … สารวัตร … การสั่งลบข้อมูลบางส่วนโดยไม่ลบทั้งหมดไม่สามารถเป็นไปได้ครับ … โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นข้อมูลดิบและข้อมูลพื้นฐานแบบนี้ … แล้วผมก็บอกแล้วว่า ไม่พบร่องรอยการลบข้อมูล หรือ หลักฐานการแก้ไขข้อมูลแต่ประการใด” วิทยา ยืนยันกลับ
“ขอรูปอีกทีสิ”
และอีกครั้งที่ห้องกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มแสดงความเย็นของผนัง … ร่างของชายซึ่งเข้าใจว่าเป็นวิบูลย์นั่งอยู่ตรงนั้น … ยกมือขวาขึ้น
“หยุดอยู่ตรงนี้ก่อน” เมธี ร้อง ภาพแสดงผลหยุดกึก …
เมธี เดินเข้าไปจนติดภาพจำลองนั้น และชี้ไปที่มือขวาของภาพความร้อน “เขายกมือขึ้นทำไม”
“อาจจะพยายามป้องกันตัวนะครับ … มือขวาของผู้ตาย เป็นส่วนที่พบการกระเซ็นของเลือดมากที่สุด” วิทยา รายงาน
“หรือถืออะไรบางอย่างอยู่” เมธี พูดด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด
ห้องทั้งห้องสว่างพรึบ … ณ ตำแหน่งของ วิบูลย์ … เมธียืนยกแขนข้างขวาขึ้น ปืนS&W M1889 อยู่ในมือ
เขาจ่อเข้าหาขมับตัวเอง …
“อย่าทำอะไรบ้าๆนะหัวหน้า” วิทยา พูดเสียงดังด้วยความตื่นกลัว แต่ร่างกายของเขากลับแข็งนิ่ง
ภาพ ของภาพยนตร์ชื่อดังในอดีต ผุดขึ้นมาในมโนภาพ … ภาพของ คริสโตเฟอร์ วอลเก้น ถือปืนลักษณะคล้ายกันนี้อยู่ในมือ และ จ่อขมับตนเอง … ภาพยนตร์ เรื่อง the deer hunter
เสียงคลิก เบาๆ เมื่อ เมธี เหนี่ยวไก…
วิทยา กรีด ร้องเสียงหลง
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น …
“นี่หัวหน้าจะบ้าเหรอ … หัวหน้าทำอะไรไปรู้ตัวหรือเปล่า” วิทยา ตะโกนราวคนเสียสติ ก่อนดึงปืนออกจากมือ เมธี มาถือไว้เอง
“ไม่มีอะไรเสียหน่อย … มันก็เป็นแค่ของจำลอง” เมธี ยิ้มรู้สึกสะใจที่ได้แกล้ง วิทยากลับบ้าง
โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง วิทยา ยกปืนขึ้นเล็งไปยังผนังข้างๆ ก่อนลั่นไก
ผนังแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จากแรงปะทะของสิ่งจำลองกระสุนที่พุ่งออกไปด้วยความเร็วเทียบเท่ากระสุนจริง
เมธี หน้าถอดสีจนซีดเผือก ถึงแม้ผนังที่ถูกยิงจะจัดเรียงตัวกลับสู่สภาพเดิมไปเนิ่นนานแล้ว “นั่นมันบ้าอะไรวะ” เมธี หลุดปากเสียงสั่นเครือ
“ระเบียน ถูกลงคุณสมบัติไว้ ให้สามารถ ทำเสมือน ปืนที่ยิงกระสุนได้จริง … นาโนบอท จัดเรียงตัวเป็น กระสุน และเดินทางออกไปตามตำแหน่งและความเร็วที่ถูกกำหนดไว้ … ในกรณีนี้ อาจจะไม่รุนแรงเท่ากระสุนจริง เนื่องจากข้อมูลในระเบียน ถูกบินเบือนไปพอสมควรเพื่อป้องกันการถูกตรวจจับ ครับ”
“แต่ เมื่อครู่นี้ …” เมธี ละล่ำละลัก เสียงสั่นเครือ … นั่นเป็นครั้งหนึ่งที่เขารู้สึกเข้าใกล้ความตายมากที่สุด
“ระบบ MAID ตรวจพบสิ่งมีชีวิต ครับ … มันจะตัดระบบการเคลื่อนไหวทั้งหมด ที่ถูกคำนวณได้ว่าจะกระทบกับสิ่งมีชีวิตนั้น” วิทยาชี้แจง “เหมือนแก้วน้ำที่สารวัตรเอามือไปบังไว้นั่นละครับ”

ผ่านไปหลายชั่วโมงกว่า เมธี จะกลับมาตั้งสติได้อีกครั้ง …
มีความเป็นไปได้ว่า ปืน S&W ที่พบคืออาวุธสังหาร ซึ่งก็ดูสมเหตุสมผลดี เพราะหลังจากใช้งานเสร็จแล้วเหล่า นาโนบอท ก็สลายตัว กลับเป็นส่วนหนึ่งของอาคาร ทั้งปืนและกระสุนปืน ไม่ทิ้งหลักฐานใดๆไว้ทั้งสิ้น ทั้งรอยเลือด หรือสารเคมี …แต่… มันเกิดขึ้นได้อย่างไร …

นาโนบอทถูกโปรแกรมให้ ไม่เคลื่อนที่เข้าใส่สิ่งมีชีวิต อย่าว่าแต่เคลื่อนที่เข้าสู่ร่างกาย อันเป็นการสร้างความเสียหายหรือเจ็บปวด แต่นี่ถึงขั้นเสียชีวิต…
เวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว … ทั้งคู่ยังคงปักหลักไม่ยอมไปไหน

แล้ว เมธี ก็โพล่งขึ้นมา “วิทยา … คุณลองตรวจสอบระบบการตรวจสุขภาพดูสิ ว่าสามารถสั่งปิดได้ในกรณีใดบ้าง”
วิทยา ตรวจสอบข้อมูลอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนเขาจะกลับมาสดชื่นอีกครั้งถึงแม้ว่าจะทำงานมากว่า สิบสองชั่วโมงแล้ว
“ระบบตรวจสุขภาพไม่สามารถสั่งปิดได้ เนื่องจากเป็นระบบพื้นฐานของโปรแกรม ครับ” วิทยารายงาน
“ซึ่งเชื่อมต่อกับระบบเตือนการรับประทานยา … ” เมธี เสริม วิทยา พยักหน้า พลางตรวจสอบข้อมูลผ่านจอแสดงผลในอุ้งมือ เขาพรมนิ้วในมืออย่างรวดเร็ว ทุกอย่างค่อยๆกระจ่างชัดขึ้น
“การสั่งปิดระบบทำให้เกิด error ในโปรแกรม error 752 นี่เอง … ผลก็คือการบิดเบือนระบบ โดยการปิดสัญญาณชิปของ วิบูลย์ แทน … สิ่งที่ตามมาคือ ระบบ หยุดการเตือนเพราะตรวจไม่พบสิ่งมีชีวิต … และนั่นทำให้กระสุนวิ่งผ่านสมองของเขา” วิทยา อธิบายต่อ ตามข้อมูลที่เขาตรวจสอบได้
“วิบูลย์ คงยิงปืนเล่นในบ้านบ่อยๆกระมังครับ” วิทยา อธิบายความคิดของตนเองเพิ่มเติม “ตกลงนี่เป็นคดี ฆ่าตัวตาย หรือ คดี ฆาตกรรม กันแน่ครับ”
“มองตามรูปคดี น่าจะเป็นการฆ่าคนตายโดยประมาท … เจ้าของโปรแกรม MAID น่าจะเป็นผู้รับผิดชอบในกรณีนี้” เมธี ชี้แจง
วิทยาทรุดนั่งลงอย่างหมดแรง พลังความกระตือรือร้นเมื่อครู่จางหายไปสิ้น
“ถ้าเช่นนั้นก็คงไม่มีผลอะไรแล้วครับ” วิทยา บ่นออกมาเบาๆ
“หมายความว่าอย่างไร”
“สารวัตรเคยอ่าน license agreement ของโปรแกรมพวกนี้บ้างหรือเปล่าเล่าครับ … ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตายหรอกครับ” วิทยาปิดท้ายอย่างอ่อนแรง


จบ

4 ความเห็นบน “เรื่องสั้น : home sweet home”

  1. ออกจะยาวสักนิดหนึ่ง
    เรื่องนี้ผมเขียนส่ง nation book award ครั้งที่ 2 ครับ
    (ไม่ผ่านจ้า)
    มีการปรับปรุง ตอนท้าย และ สำนวน เล็กน้อย
    คงจะเข้ามาแก้ไขเป็นระยะ เพราะเป็นเรื่องที่ชอบ
    และจะมีตอนต่อของ สารวัตร เมธา อีกด้วย
    เกริ่นว่าจะมีตอนเชื่อม กับ เครื่องสร้างฝัน(หลอนมรณะ) ด้วยครับ 🙂

  2. เสริมอีกนิดครับ
    license agreement ของ โปรแกรม ส่วนใหญ่ ยอมรับความเสียหายเท่ากับมูลค่าของโปรแกรมเท่านั้น
    นั่นหมายความว่า หากคุณซื้อ(สิทธิ์การใช้)โปรแกรม มา
    ความเสียหายที่เจ้าของโปรแกรมจะยอมชดใช้ มักจะไม่เกิน ราคาที่คุณซื้อมา

    บาง license agreement ถึงขนาดปฎิเสธ ความรับผิดชอบด้วยซ้ำ
    (อย่าง windows นี่หากเกินความเสียหายใดๆกับ hard ware เขาไม่รับผิดชอบนะครับ)

    ซึ่งทุกคนที่ลงโปรแกรม ได้ตอบยอมรับ license agreement นั้นไปแล้วทั้งสิ้น

  3. เนื้อเรื่องได้บรรยากาศของเรื่องสืบสวนแนวไซ-ไฟได้อย่างเต็มอิ่ม และมีความทซับซ้อนในระดับมาตรฐานของเรื่องจากต่างประเทศ และมีแนวคิดที่ก้าวหน้ามากครับ น่าจะเขียนเป็นชุดไซ-ไฟแนวสืบสวนสัก 10 เรื่องแล้วพิมพ์รวมเล่มนะครับ

ใส่ความเห็น