E Project : รางวัลชมเชยการประกวดเรื่องสั้นไซ-ไฟ ครั้งที่ 2 หัวข้อ “ยานอวกาศ”

ณ เวลาที่ก่อนจะถึง 1
เสียงหลายเสียงกำลังพูดคุยกัน “เอาละ เราจะสร้างยานอวกาศแบบไหนกันดี?”

ปี ค.ศ. 2211 : สหพันธรัฐ โลก
“นับเวลาถอยหลัง E Project ในอีก 5 วินาที 5… 4… 3… 2… 1… 0…”สิ้นเสียงโอเปอเรเตอร์ ยานอวกาศขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติก็ได้ออกตัว พ่นพลังงานขับเคลื่อนแรงดันมหาศาลมุ่งสู่เป้าหมายใหม่ในอวกาศเบื้องหน้า ทิ้งโลกมาตุภูมิที่ถูกมนุษยชาติสูบกลืนทรัพยากรไปจนเกือบหมดสิ้นให้ลอยเคว้งคว้างอยู่ในระบบสุริยะที่กำลังจะตาย

“ยินดีด้วยครับ ท่านนายพลในที่สุด E Project ที่คุณปู่ของท่านคิดไว้ก็ประสบผลสำเร็จไปได้ด้วยดี พวกเรามนุษยชาติต่างก็ตกเป็นหนี้บุญคุณตระกูลท่านจริงๆ น่าเสียดายที่คุณปู่ของท่านเสียไปก่อนที่จะได้มองเห็นความสำเร็จของคุณในวันนี้”นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งกล่าวชมเชยชายหนุ่มที่กำลังยืนมองโลกสีฟ้าเบื้องหลัง

ชายหนุ่มหันมาตอบรับคำขอบคุณไม่กี่คำ แล้วก็กลับไปมองภาพของโลกอีกครั้ง คร่าวนี้เขามองโลกด้วยความรู้สึกที่ต่างไปจากเดิม เพราะการเดินทางครั้งนี้เขาคงไม่ได้พบกับโลกนี้อีก ดังนั้นเวลานี้เขาจึงขอมองมันให้นานเท่าที่เขาจะทำได้…

ปี ค.ศ. 2134 : ห้องปฏิบัติการทางดาราศาสตร์แห่งสหพันธรัฐ
“ไม่ๆๆ ไม่น่าเป็นไปได้ ต้องรีบทำการตรวจสอบอีกครั้ง พระเจ้าขอให้อย่าให้เป็นอย่างที่ข้าคิดด้วยเถิด” เขาคือนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ที่ไม่เคยเชื่อหรือเคยสวดอ้อนวอนในพระเจ้ามาก่อน ยิ่งในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์ครอบงำโลกนี้ด้วยเหตุผลแล้ว แต่ด้วยเหตุการณ์ที่เขาบังเอิญค้นพบนี้ทำให้เขาต้องหวังพึ่งในศรัทธาที่เขาแทบไม่เคยมีมาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจแห่งเดียว ที่เขาเหลืออยู่ในโลกที่สับสนวุ่นวายนี้

เพราะสิ่งที่เขาค้นพบกำลังจะประกาศต่อชาวโลกว่า ในอีกไม่ถึง 200 ปีระบบสุริยะจักรวาลของเรากำลังจะถูกหลุมดำที่ใหญ่ที่สุดที่มีมาในจักรวาลดูดกลืนหายไป และอาจเป็นเพราะเขาไม่เคยอ้อนวอนหรือแม้แต่จะศรัทธาในพระเจ้าเลย ดังนั้นสิ่งที่เขาขอจึงไม่เกิดผล เพราะไม่ว่าเขาจะคำนวณผลของเหตุการณ์ยังไงผลที่ได้ก็ไม่ได้เปลี่ยนไป หรือมนุษยชาติจะไม่อาจหยุดยั้งภัยจักรวาลนี้ได้

หลังจากทำใจยอมรับและเห็นอันตรายล่วงหน้านักวิทยาศาสตร์หนุ่มก็รีบแจ้งผลการค้นพบที่น่าตื่นตะลึงว่า ในปี ค.ศ.2312 ดาวฤกษ์ Sodom19 ที่จะระเบิดเป็นซูเปอร์โนวาในระยะห่างที่ไม่น่ามีผลกระทบต่อระบบสุริยะจักรวาล กลับส่งผลกระทบต่อดาวฤกษ์ดำที่พึ่งค้นพบใหม่ในระยะใกล้เคียง และส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่กับดาวฤกษ์และดาวฤกษ์ดำโดยรอบ จนเกิดเป็นระเบิดจิกะโนวาและสร้างหลุมดำที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของจักรวาล โดยมีระบบสุริยะจักรวาลเป็นจุดศูนย์กลาง!

ดาวฤกษ์ดำคือ กลุ่มพลังงานของสสารมืดที่มนุษย์พึ่งค้นพบ หลังจากผ่านความสงสัยและค้นคว้ามานาน ด้วยคำถามที่ว่าพลังงานอันมหาศาลที่ลี้ลับและเป็นปริศนาของจักรวาลนั้นคืออะไร? ซ่อนอยู่ที่ไหน?และทำไมมันจึงส่งผลกระทบต่อพลังงานอันแปรปรวนของจักรวาลได้?

ด้วยการค้นคว้าอย่างทุ่มเทมาหลายศตวรรษคำตอบที่พบกลับง่ายจนน่าตกใจ สสารดำที่ค้นหานั้นกลับตั้งอยู่ตรงหน้า ในพื้นที่ว่างอันมากมายมหาศาลของมหาจักรวาล แต่ด้วยมิติและมุมมองของมนุษย์เราจึงมองไม่เห็น แต่ด้วยการคำนวณและเทคโนโลยีที่เพียรสร้างมากว่าหลายศตวรรษ ในที่สุดเราก็ไขปริศนาของจักรวาลมาได้อีกก้าวหนึ่งและด้วยก้าวก้าวนี้มนุษยชาติก็กำลังจะครอบครองพลังงานจากสสารดำอันไร้ขีดจำกัด แต่น่าเสียดายเมื่อมนุษย์ที่กำลังจะใช้ประโยชน์จากสสารดำ กำลังจะถูกสสารทำลายไป หรือพระเจ้ากำลังลงทัณฑ์มนุษย์ที่ คอยแต่จะครอบครองแย่งชิงและทำลายจักรวาลของพระองค์อย่างนั้นหรือ?

ปี ค.ศ. 2136 : 2 ปีหลังการค้นพบมหัตภัย ณ สภาสหพันธรัฐ
เสียงทะเลาะถกเถียงกันในสภาที่กำลังเดือดถูกถ่ายทอดออกไปท่ามกลางความคลั่งของผู้คนที่กำลังสิ้นหวังกับโลก ส่งผลให้ทุกที่ทั้งในโลกและอาณานิคมต่างๆตกอยู่ในความอลหม่าน ทุกตารางนิ้วที่มีมนุษย์กำลังจะระเบิดสงครามได้ทุกเมื่อ เมื่อมนุษย์ตกอยู่ในสภาวะรุมเร้าด้วยความเครียดและความกลัว สัณชาตญาณในการเอาตัวรอดของมนุษย์ก็ถูกรีดออกมาจนถึงที่สุด

ด้วยการดิ้นรนของมนุษย์ที่ไม่เคยยอมแพ้ต่อธรรมชาติ ในที่สุดพวกเราก็ก้าวเดินต่อด้วย E Project ที่ถูกคิดขึ้นมาเพื่อรับมือกับความต้องการของมนุษย์และความอันตรายจากการสิ้นเผ่าพันธุ์

E Project คือขบวนยานอวกาศที่ขนาดมหึมา มีการสร้างระบบนิเวศในยานอวกาศและระบบการหมุนเวียนสารที่สมบูรณ์ พร้อมทั้งมีระบบขับเคลื่อนจากสสารมืด ในที่สุดเมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกันมนุษยชาติก็ยังพอมีความหวังในการดิ้นรนเอาชีวิตรอดอีกครั้ง

ด้วยความรวมมือร่วมใจกันของคนทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา โดยไม่มีข้อแม้ อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน E Project ก็สร้างเสร็จสมบูรณ์ด้วยเวลาเพียง 50 ปี พวกเราสามารถรอดพ้นไปจากระเบิดจิกะโนวาที่ระบบสุริยะจักรวาลก่อนกำหนดหลายสิบปี ซึ่งก็เพียงพอที่จะมีเวลาอพยพคนทั้งหมดไปได้ แต่ถึงกระนั้นก็มีผู้คนเลือกที่จะอยู่กับโลกต่อไปจนนาทีสุดท้าย

ปี ค.ศ. 2211 : สหพันธรัฐ โลก ก่อนการอพยพครั้งสุดท้าย 1 วัน
“คุณไปกับผมเถอะ คุณก็รู้ว่าอยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีความหวังอะไร พรุ่งนี้เป็นวันเดดไลน์ ของการหนีออกจากระยะผลกระทบของหลุมดำแล้วนะ”ชายหนุ่มคนหนึ่งกุมมือหญิงสาวไว้แล้วอ้อนวอน

“ขอโทษ คุณตัดใจเสียเถอะ ฉันเลือกในสิ่งที่ฉันเชื่อไปแล้ว ส่วนคุณก็เลือกในสิ่งที่คุณเชื่อไปแล้วเช่นกัน ดังนั้นเราจึงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก”หญิงสาวตอบพร้อมกับสะบัดมือของเขาออกแล้วเดินจากไป

“คุณเลือกจะเชื่อสัญญาณจากคลื่นพลังงานจากอดีตที่ไม่มีที่มา ไม่มีข้อมูลหลักฐานอะไรยืนยันเป็นวิทยาศาสตร์อะไรเลยงั้นหรอ?”ชายหนุ่มตะโกนถาม เขากำลังหัวเสียจากการทะเลาะกับแฟนสาว หลังจากที่มีคนบางกลุ่มได้รับสัณญาณประหลาดแล้วแปลความได้ว่าพวกเขาจะปลอดภัยถ้าอยู่บนโลกต่อ

“ใช่ ฉันเลือกที่จะเชื่อในดาวเคราะห์ดวงนี้ ที่มีแต่ให้กับมนุษย์ ไม่เคยทรยศมนุษย์และสัญญาณประหลาดนั้น ก็ย้ำให้เรามั่นใจว่าเราเชื่อไม่ผิด ฉันเลือกที่จะเชื่ออย่างนี้เหมือนคนอีกหลายพันที่เลือกที่จะเชื่อเหมือนกัน”เธอหันกลับมาตอบ

“อย่างที่ฉันบอกคุณไปแล้วฉันเลือกที่จะไว้ใจโลกนี้มากกว่ายานอวกาศที่คุณคิดว่าปลอดภัย ส่วนที่ว่าทำไมนั้น… ฉันว่าบางทีสัญชาตญาณในการเอาชีวิตของคนก็อยู่เหนือตรรกะเหตุผลได้เหมือนกัน”หญิงสาวพูดจบก็เดินจากไปและไม่หันกลับมามองชายหนุ่มที่สิ้นหวัง

ปี ค.ศ. 2212 : บนยานลำหนึ่ง 1 ปีหลังการอพยพครั้งสุดท้าย
“ท่านนายพลครับ เราตรวจพบคลื่นสัญญาณประหลาดที่เคยตรวจพบได้เมื่อ 1 ปีก่อนได้ครับ”เสียงรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาดังขึ้นในช่องฉุกเฉินปลุกให้ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายซ้ำๆที่รบกวนเขามาตลอด 1 ปี

“สัญญาณ? สัญญาณอะไร? ….! อย่าบอกนะว่าเป็นสัญญาณบ้าๆที่ทำให้หลายคนคิดที่จะอยู่บนโลกต่อ เมื่อ 1 ปีก่อนนั่น !!“นายพลหนุ่มโพล่งถามอย่างตกใจ

“ครับ ยืนยันว่าเป็นสัญญาณเดียวกันแต่ครั้งเรารับได้ชัดเจนกว่าเดิมมากครับ ผมว่าท่านควรจะดูมันโดยด่วนครับ”ผู้ใต้บังคับบัญชาเอ่ยอย่างหวั่นๆก่อนจะรอการตัดสินใจของเขา

“ส่งภาพสัญญามา”สิ้นเสียง ภาพสัญญาณที่ขาดๆหายๆก็เผยให้เห็นแสงสว่างดวงๆเล็กๆหลายดวงกำลังส่องสว่างวูบวาบเหมือนแสงดาว และชายหนุ่มก็สะดุ้งเล็กๆเมื่อแสงนั่นเอ่ยเสียงออกมา

“สวัสดีผู้สืบทอดภูมิของเรา เราคือจิตดารา สิ่งมีชีวิตที่เป็นวิวัฒนาการขั้นสุดท้ายของจักรวาลที่แล้ว เมื่อคุณได้รับข้อความนี้ของเราแล้วแสดงว่า คุณกำลังเตรียมตัวเข้าสู่จักรวาลที่แท้จริงของคุณ โดยผ่านประตูดำที่พวกเราตั้งพิกัดเวลาเอาไว้ ไม่ต้องกลัวคุณจะปลอดภัยเพราะคุณอยู่ในยานพาหนะอวกาศที่ดีที่สุดที่เราได้เตรียมไว้ให้คุณแล้ว

ก่อนที่พวกคุณจะเดินทาง เรามีหน้าที่บอกหน้าที่และความรับผิดชอบของเราและคุณให้ทราบ ในจักรวาลที่คุณอยู่นี้เป็นเพียงจักรวาลอนุบาลที่เราสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้สืบทอดภูมิของเรานั่นก็คือพวกคุณ มีวิวัฒนาการจนมีภูมิปัญญาที่จะสามารถอยู่รอดได้ในจักรวาลที่แท้จริงที่คุณกำลังจะเผชิญ

ด้วยยานพาหนะอวกาศที่พวกเราสร้าง คุณกำลังอาศัยอยู่ในระบบสุริยะจักรวาลระบบหนึ่ง ที่เราสร้างเป็นพาหนะของคุณในการเดินทาง ในพาหนะนี้พวกคุณได้วิวัฒนาการผ่านขั้นขั้นอนุบาลของจักรวาล ด้วยเวลาที่เหมาะสม ทั้งยังมีเสบียงอาหารที่เหลือเฝือและยังผลิตได้ไม่จำกัด เรามีพลังงานให้คุณใช้ได้มากมายมหาศาล ตามแต่กำลังและภูมิของคุณที่จะนำมาใช้ได้ ซึ่งนั่นถือเป็นบททดสอบอย่างหนึ่ง

ด้านความปลอดภัยคุณจะพบว่าพวกคุณไม่เคยได้รับรับอันตรายใดๆในจักรวาลนี้เลยจากการวางระบบเกราะป้องกันแรงโน้มถ่วงของดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ต่างๆในระบบสุริยะจักรวาล และด้วยพลังงานขับเคลื่อนจากการสร้างจุดกำเนิดแรงต่างๆในจักรวาลนี้ เราก็พาระบบสุริยะที่เป็นยานอวกาศของคุณไปสู่ประตูดำในเวลาที่เรากำหนดไว้ได้โดยปลอดภัย

สำหรับหน้าที่ของเรานอกจากที่กล่าวมา คือการส่งต่อหน้าที่ในการดูแลและฟูมฟักภูมิของชีวิตวิวัฒนาการรุ่นถัดไปให้คุณดูแล เหมือนที่เราได้รับหน้าที่นี้สืบมา เพื่อสืบภูมิชีวิตนี้ต่อๆไปในจักรวาล

ในระยะเวลาที่เหลือก่อนการเดินทางสู่ประตูดำ คุณควรที่จะพัฒนาภูมิของคุณต่อไปเพื่อเตรียมรับมือกับจักรวาลที่แท้จริงซึ่งจะมีอันตรายมากกว่าจักรวาลนี้มาก และเพราะคุณมีภูมิพอที่จะรับการพัฒนาแล้วเราจึงจะส่งบทเรียนและเทคโนโลยีที่คุณควรจะรู้เพื่อพัฒนาตัวเองก่อนจะเดินทาง

ส่วนในจักรวาลนี้ถึงแม้จะไม่ถูกทำลาย แต่ก็จะจำกัดการวิวัฒนาการและทรัพยากรของพวกคุณและมีอายุในการใช้งาน มันจึงมีความแปรปรวนของระบบจักรวาลได้ เราจึงแนะนำให้คุณเดินทางต่อ และเปลี่ยนยานอวกาศของคุณใหม่ที่จักรวาลหน้า ขออภัยที่ไม่ได้ติดต่อพวกคุณมาก่อนหน้านี้ เนื่องจากเป็นหน้าที่ของผู้ดูแลเราจึงไม่สามารถก้าวก่ายการวิวัฒนาการของคุณได้ ลาก่อนผู้สืบทอดภูมิของเรา ยินดีต้อนรับสู่จักรวาลที่แท้จริง”สิ้นเสียงข้อความชายหนุ่มแทบจะหยุดลืมหายใจกับข้อมูลที่พึ่งได้รับ จนผู้ใต้บังคับบัญชาต้องขอทวนคำสั่งต่อไปย้ำ เขาจึงตั้งสติได้ และเมื่อลองตรวจสอบดู เขาก็พบว่าตัวเองอยู่นอกระยะการกลับไปยังโลกได้ทันการเดินทางตามที่จิตดารากล่าว นั่นหมายถึงคนกลุ่มที่เดินทางมาก่อนหน้าทั้งหมดที่ถือเป็นประชากรกว่า 99.99% ด้วย

“ท่านนายพลครับ ขอคำสั่งด้วยครับ”ผู้ใต้บังคบบัญชาถามนายพลหนุ่ม เขายืนนิ่งเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆเผยรอยยิ้มและพูดว่า “เดินหน้าต่อไป นี่คือสิ่งที่เราเลือกที่จะเชื่อแล้วเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเรา ถึงเราจะไม่ได้ไปต่อในจักรวาลข้างหน้าในเวลานี้ แต่ฉันเชื่อว่าเราต้องตามพวกนั้นไปได้แน่ แม้ว่าจะต้องรออีกหน่อยก็เถอะ คนที่ไปก่อนก็แค่ไปรอเราล่วงหน้าเท่านั้น และเราอาจจะได้เวลาที่จะเตรียมตัวเพิ่มอีกก็ได้ เอาล่ะดาวน์โหลดเทคโนโลยีที่ได้และส่งต่อไปให้เร็วที่สุด เราต้องรีบประชุมด่วนกันแล้ว… รอฉันหน่อยนะ…”

…………………………………………………………………………………………

เวลาผ่านไปนานหลายล้านปี จนมนุษย์พึ่งจะสำนึกว่าเวลาที่ตนวิวัฒนาการมานั้นสุดแสนจะสั้น และเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวหนึ่งของเวลาอันยาวนานราวกับไร้จุดสิ้นสุดของจักรวาลเท่านั้น

ในจักรวาลข้างหน้า หลังจากผ่านการวิวัฒนาการมาจนถึงจุดอิ่มตัว สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ก็เปลี่ยนแปลงไปจนแทบจำไม่ได้ ด้วยระยะเวลาและประสบการณ์ที่พบมาความต้องการของมนุษย์ที่เคยไม่มีขีดจำกัด ก็ถูกเติมเต็มจนล้นและแล้วก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะส่งต่อภูมิที่พวกเขามีต่อไป

ณ เวลาที่ก่อนจะถึง 1
เสียงหลายเสียงกำลังพูดคุยกัน “เอาละ เราจะสร้างยานอวกาศแบบไหนกันดี?”


เฃาวงกต

5 ความเห็นบน “E Project : รางวัลชมเชยการประกวดเรื่องสั้นไซ-ไฟ ครั้งที่ 2 หัวข้อ “ยานอวกาศ””

  1. อันดับแรก ผมชอบชื่อดาว “Sodom” เหมือนเมืองคนบาปในใบเบิ้ล เหมือนจะแสดงถึงระบบวิธีคิดของมนุษย์ ดาวอะไรที่มันจะระเบิดแล้วมีผลร้ายต่อโลกก็ตั้งชื่อให้ฟังดูเลวร้ายเข้าไว้ ทั้งที่จริงแล้วเกิดจากสิ่งที่เหนือความรู้และความเข้าใจของมนุษย์ (ท้าทายแนวคิดเรื่องผู้สร้าง-พระเจ้าอยู่ในทีเช่นกัน)

    อันดับสอง ผมชอบแนวคิด “ยานอวกาศระบบสุริยะจักรวาล” โลกของเราจริง ๆ ก็เป็นเหมือนยานอวกาศลำหนึ่งที่กักอากาศไว้ มีแหล่งพลังงาน มีระบบนิเวศ มีสิ่งมีชีวิตเดินทางไปกับดาวดวงนี้ ผจญภัยไปในเอกภพ ได้แง่คิดและมุมมองใหม่ ๆ จากแนวคิดนี้พอสมควรเลยครับ

    ข้อด้อยคือการอธิบายเรื่อง supernova ที่อ่านแล้วเหมือนจะขัดกับหลักพื้นฐานของการเกิด supernova ไปนิดหน่อย แต่ก็ถือว่ายอมรับได้ในระดับหนึ่ง น่าตื่นตาตื่นใจตรงที่หลุมดำที่ว่ามันใหญ่พอที่จะใส่โลกเข้าไปทั้งดวง (ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปกับทางช้างเผือกที่เหลืออยู่หลัง supernova อันนี้)

    อีกเรื่องคือการอธิบายเรื่อง “จักรวาลที่แท้จริง” ซึ่งอ่านแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่บ้างครับ

  2. อ่านจบแล้วครับ
    ไอเดียดีครับ ทำให้หวลนึกไปถึงนิยายที่เพิ่งอ่านจบเมื่อวานเรื่องนึงซึ่งเป็นงานของปู่คล๊าก
    เรื่องนี้สามารถขยายเป็น นิยาย ได้สบายเลยครับ ชอบ”กลวิธี” ในการนำเสนอที่เอาช่วงเวลาแต่ละปีมาเป็น guide นำทางให้ผู้อ่านติดตาม

    มี comment นิดนึงครับ ส่วนของ จังหวะ(pace)ของการเล่า ยังไม่ถึงเท่าไหร่ บางช่วงดูเหมือนบทความทางวิชาการไปนิด ซึ่งตรงนี้สามารถเล่าผ่านaction หรือบทสนทนาของตัวละครได้ 🙂

  3. สำหรับผม จุดที่น่าสนใจในเรื่องคือการสัดสินใจที่จะ “อยู่” หรือ “อพยพ”
    ซึ่งน่าจะอยู่ที่การถกเถียงกันระหว่าง “เชื่อ” หรือ “ไม่เชื่อ”
    และ “เหตุใดจึงเชื่อ” ซึ่งคงต้องกินพื้นที่มากมายพอดู(หินมาก)
    ผมค่อนข้างเสียดาย ที่จุดนี้ กลับถูกนำเสนอเพียงคำพูดไม่กี่ประโยค
    (ความเห็นส่วนตัวครับ)

    ภาษาดีครับ
    การเล่าเรื่องดี
    จังหวะดี
    จุดที่ผมติด อาจจะเป็น แก่น หรือ ประเด็นของเรื่อง ที่อาจจะยังไม่ชัดเจนนัก ครับ

    ที่น่าสนใจคือ การมอง “ดวงดาว” เป็น “ยานพาหนะ” ในการประกวดครั้งนี้ มีมากกว่าหนึ่งเรื่อง
    ซึ่งน่าจะเป็นข้อเตือนใจที่ดี คือ
    คิดอะไรออกให้รีบเขียน ครับ
    เพราะแนวคิดเหล่านี้ สุดท้ายก็จะโดนคิด และจะถูกเขียน ไปเรื่อยๆ
    นึกดูสิ
    แนวคิด เจ๋งๆ ก็จะน้อยลงทุกที นะ

    ปลุกเร้ากันเกินไปหรือเปล่าเนี่ย 😀

ใส่ความเห็น