องก์ที่ ๑ แผนเปลี่ยนโลก [ ตอนที่ ๖ : ดร.วิชาเยนร์ ]

วิทยายังคงพูดคุยสอบถาม ดร.วิชาเยนร์ ภายในห้อง ประชุมย่อย ของอาคาร ที่ว่าการ แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมาพักใหญ่แล้ว โดยมี นางสาวมายา นั่งฟังอย่างสงบเงียบอยู่ข้างๆ
ส่วน เมธา และ ผู้ว่าการ นั้นขอตัวกลับไปก่อนหน้านั้นนับหลายชั่วโมงแล้ว เนื่องด้วยความเกรงกลัวต่อ สภาพการจราจร ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ในชั้นนี้ ยังคงเป็นเพียงการสอบถามข้อมูลเบื้องต้น ในแง่ของการทำงาน ของเครื่องปริวรรตมวลสารเท่านั้น ยังไม่ใช่ การสอบสวนเพื่อเอาผิดแต่ประการใด

วิทยา ถามยืนยันถึงความต้องการในการที่จะมี ทนายอยู่ร่วมฟังด้วย แต่ ดร.วิชาเยนร์ ก็ตอบปฎิเสธอย่าง อารมณ์ ดี
และถึงแม้ คำถามหลายๆคำถามจะในไปสู่ความลับทางการค้าของเครื่องปริวรรตมวลสาร ดร.วิชาเยนร์ ก็ยินดีที่จะตอบ โดยปราศจากการปิดบังใดๆ ถึงแม้ นางสาวมายา จะท้วงติงอยู่บ่อยครั้งถึงความเสี่ยงที่จะถูกฟ้องร้องโดย บริษัทผู้ผลิต และ บริษัทที่ได้รับสัมปทานในการวางเครือข่ายเส้นทาง ดร.วิชาเยนร์ ก็ดูจะไม่ใส่ใจใยดีเท่าไรนัก

“ก่อนอื่นผมอยากทราบวิธีการทำงาน คร่าวๆ ก่อนครับ”
“หลักการนั้นง่ายมาก … คือ การเก็บข้อมูลของร่างกายในทุกๆจุด ก่อนการเดินทาง เพื่อ นำกลับไปประกอบในตำแหน่งเดินที่จุดหมายปลายทาง นั่นเอง”
ฟังดูง่ายจนเหลือเชื่อ
“ใช่ แต่ ในระดับที่ความผิดพลาดเพียงระดับ มิลลินาโน จะมีผลต่อความเสียหายถึงชีวิต
ความแม่นยำจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
เราจึงจำเป็นต้องใช้ความเย็นในช่วงเวลาสั้นๆ … ความเย็นในระดับการแช่แข็ง เพื่อลดการสั่น ภายใน นิวเคลียส” ดร.วิชาเยนร์ กล่าวต่อ อย่างตื่นเต้น

“แล้วความทรงจำละครับ ความเป็นตัวตนของคนคนนั้น”
ดร.วิชาเยนร์ หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“คุณรู้ไหมว่านั่นคือคำถามแรกที่เกิดขึ้นเมื่อ ร้อยปีก่อน ตอนที่เครื่องปริวรรตมวลสาร ปรากฏตัวครั้งแรกในโลก … ฉันรู้สึกเหมือน ย้อนเวลากลับไป ร้อยปี ไม่มีผิด”
วิทยา รู้สึกว่าตนเองหน้าแดง
“ไม่เป็นไรหรอกพ่อหนุ่ม … ฉันเข้าใจว่ามันเป็นคำถามพื้นฐานที่สุด คำถามที่มนุษย์ ทุกคนบนโลก หวาดกลัว … การสูญเสียตนเอง … ถึงแม้ศาสนาจะสอนว่า เราไม่มีตัวตนมาตั้งแต่แรกแล้วก็ตาม”
ดร.วิชาเยนร์ เอนหลังอย่างยิ้มแย้ม
“เริ่มที่ว่า นักวิทยาศาสตร์ รู้อะไรบ้างเกี่ยวกับ สมอง … ความจำ และ ความคิด
ส่วนใหญ่คือ ประสบการณ์ใช่ไหม … จากนั้นเราเก็บมันในรูปของอะไรเล่า สารเคมี และ ประจุไฟฟ้า
ใช่ … และต่อให้นักวิทยาศาสตร์จะพยายามตีค่าทางสมการ ของการทำงานของสมองอย่างไรก็ตาม
เราก็ยังไม่สามารถ หาสูตรสำเร็จออกมาได้ …”
ตอนนี้เองที่ นางสาวมายา พยายามส่งสัญญาณ บางอย่างแก่ ดร.วิชาเยนร์ แต่ ดร. เองก็ทำเป็นไม่สนใจ
วิทยา มองดูด้วยความฉงน แต่เก็บคำถามเอาไว้กับตนเอง
“มันไม่มีสูตรสำเร็จของความคิด เนื่องจาก แต่ละคนมีประสบการณ์ ที่แตกต่างกัน มีการตีความที่ต่างกัน และเลือกจะเก็บสิ่งเหล่านั้นลงในพื้นที่สมองที่ต่างกัน พูดง่ายๆ ก็คือ เรายังคงไม่รู้ว่าสมองทำงานอย่างไรอยู่นั่นเอง”
ดร.วิชาเยนร์ หยุดพักเล็กน้อย
“ฉะนั้น เราเลยเลือกวิธีที่ง่ายที่สุด และ ล้าสมัยที่สุด … คือเก็บมันเสียทุกอย่าง
เราบันทึก ข้อมูลของสมองของแต่ละคนอย่างละเอียด บันทึกปฏิกริยาเคมีในช่วงเวลานั้น แต่แหน่งของเซล หรือ แม้กระทั่งตำแหน่งของประจุไฟฟ้าในละดับ มิลลินาโนแอมป์ ในช่วงเวลานั้น ว่ามันกำลังกระโดดจากเซลไหนไปเซลไหน”

“นั่นคือวิธีที่เราทำล่ะ … พ่อหนุ่ม ไม่เพียงแค่นั้น ทุกคนที่เดินทางจะได้รับการฝัง หน่วยความจำ ระดับกิกะเทอราไบท์ ขนาดเท่าหัวเข็มหมุด ลงในสมองเพื่อ เก็บข้อมูล ปฎิกริยาของสมองทั้งหมด ในเวลานั้น … และข้อมูลเหล่านี้ของแต่ละคน จะถูกเก็บไว้อย่างถาวรในธนาคารข้อมูลของเรา”

“เก็บไว้ตลอดไปเลยหรือครับ”
“ถูกต้อง … มันเป็นมาตรการป้องกันความผิดพลาดของระบบ” ดร.วิชาเยนร์ ผ่อนหายใจยาว “แต่อย่างที่บอกนะ เราหวังเพียงแต่ว่า ถ้าเราประกอบทุกอย่างกลับเข้าที่ อย่างถูกต้อง มันจะยังคงทำงานได้เหมือนเดิม”

ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องสำคัญขนาดนี้ กลับถูกปล่อยผ่านมาได้ และได้รับการรับรองความปลอดภัยจนถึงปัจจุบัน

“แต่กระบวนการนี้ได้ผ่านการทดลองมาหลายสิบปีแล้วนะ ก่อนที่จะมีการรับรองความปลอดภัยนะพ่อหนุ่ม เราทดลองกับกลุ่มอาสาสมัครจำนวนมาก โดยการเปรียบเทียบพฤติกรรม และเราก็ไม่พบความเปลี่ยนแปลงใดๆ” ดร.วิชาเยนร์ ตอบเหมือนอ่านความคิดของ วิทยาได้
หรือว่าความคิดของเขาตอนนี้ ยังคงถูกตรวจจับและติดตามโดย ชิปภายใน ศรีษะของเขา
วิทยาพึ่งจะนึกขึ้นได้ว่า เขาก็เคยใช้ บริการ เครื่องปริวรรตมวลสาร ด้วยเช่นกัน และไม่ใช่เพียงแค่ครั้งเดียวเสียด้วย

“โอ้ ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกพ่อหนุ่ม กฏหมายคุ้มครอง สิทธิส่วนบุคคล ทำให้การติดตามใดๆทางความคิด เป็นสิ่งที่ผิดกฏหมาย ข้อมูลทางความคิดเหล่านี้ ถือว่าได้รับการคุ้มครองและจะถูกใช้ภายในระบบการทำงานของเครื่อง ปริวรรตมวลสารเท่านั้น”
โอ้ย ตอบออกมาอย่างนี้ใครจะไปเชื่อ

“แล้วการขนส่งเล่าครับ ถึงแม้เราจะแตกมวลออกมาได้ และประกอบมันกลับเข้าที่ได้ การเดินทางด้วยความเร็วแสง ยังคงขัดแย้งกับทฤษฎีในปัจจุบันไม่ใช่หรือครับ”
ตอนนี้เองที่ นางสาวมายา กระสับกระส่าย จนนั่งไม่ติด
“ถูกต้อง … ” ดร.วิชาเยนร์ ยังคงอธิบายต่ออย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“หลักการณ์ คือการเร่งอนุภาคด้วยสนามแม่เหล็ก ” ดร.วิชาเยนร์ หยุดเล็กน้อย
“แต่อันนี้เป็นความลับทางการค้า นะพ่อหนุ่ม” ดร.วิชาเยนร์ ตอบยิ้มๆ วิทยาอดไม่ได้ที่จะสังเกตุว่า นางสาวมายา ระบายลมออกจากปากเบาๆ
“และฉันก็ไม่เห็นว่า เทคโนโลยี่ในการเคลื่อนย้ายจะมีผลอย่างไรต่อคดีนี้ … ของส่งไปถึงที่แล้ว ปัญหาน่าจะอยู่ที่การประกอบกลับ ที่ผิดพลาด … ไม่ก็การระบุตำแหน่งในร่างกายที่ผิดพลาดตั้งแต่เบื้องต้นมากกว่า”

จริงสิ! วิทยา พึ่งเข้าใจในประเด็นนี้

“ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกพ่อหนุ่ม ข้อมูลการบันทึกจากต้นทาง และปลายทางถูกเก็บไว้อย่างละเอียด ซึ่งสามารถเข้าถึงและตรวจสอบได้ จาก เครื่องลูกข่ายซึ่งอยู่ติดตัว เลขาของฉันเอง … เอ๊ะ นี่ฉันแนะนำเลขาส่วนตัวของฉัน นางสาวมายาไปแล้วหรือยังนะ … นี่ไงล่ะ นางสาวมายา เลขาของฉัน จากนี้ไปไม่ว่า คุณจะต้องการข้อมูลหรือมีคำถามอะไร คุณสามารถขอและสอบถามได้จาก มายา ได้เลยนะ … ส่วนตัวฉันคงต้องขอตัวแล้วละ อายุมากๆ ก็อย่างนี้แหล่ะ … จะให้ไปทำงานแข่งกับคนหนุ่มคนสาวได้อย่างไรกัน”

โดยไม่รอการตอบรับหรือปฏิเสธ ดร.วิชาเยนร์ กลับลุกขึ้นและ็เดินช้าๆออกจากห้องประชุมไป
ทิ้งให้ วิทยา มองหน้าูนางสาวมายา อย่าง งงๆ

ถึงตอนนี้ วิทยาปักใจเชื่อไปแล้วว่า ชิปของเขา ถูกติดตาม และ ถูกใช้โดย ดร.วิชาเยนร์ เอง
ไม่เช่นนั้น ดร.วิชาเยนร์ ก็ต้องเป็นหมอดู นั่งทางใน ไม่ก็พวกทรงเจ้าเข้าผีอะไรเทือกนั้น

“ตอนนี้ คุณต้องการรู้อะไรเพิ่มเติมบ้างเล่าค่ะ” นางสาวมายา เอ่ยปากถามและยิ้มให้อย่างงดงาม

ขณะนี้เป็นเวลา 18:00 นาฬิกา
12 ชั่วโมงนับตั้งแต่เริ่มคดี

หนึ่งความเห็นบน “องก์ที่ ๑ แผนเปลี่ยนโลก [ ตอนที่ ๖ : ดร.วิชาเยนร์ ]”

  1. ยังน่าติดตามอยู่ครับ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องปริวรรตมวลสาร บางทีเราอาจจะให้เครื่องปริวรรตมวลสารสร้างรหัสขึ้นสำหรับเซลล์ร่างกายทุกเซลล์ก่อนที่จะสลายร่างให้กลายเป็นพลังงาน เพื่อที่จะได้ประกอบเซลล์เข้าด้วยกันใหม่ให้เป็นร่างกายที่ถูกต้องเหมือนเวลาที่เขารื้อชิ้นส่วนโบราณสถาน เขาก็ต้องใส่รหัสก้อนหินทุกก้อน

ใส่ความเห็น