ฝากเรื่องสั้นด้วยครับ ผมเข้ามาอ่านนานแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้เอาเรื่องมาลง
วรรณกรรมเรื่องแรก ๆ ในชีวิตที่อ่านก็นิยายวิทยาศาสตร์นี่แหละครับ และนั่นเป็นส่วนหนึ่งของการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านเรื่อยมา
……….
ชายชรานั่งอยู่ในเก้าอี้โยกหน้าบ้านหลังเก่า เสียงเก้าอี้กระทบกับพื้นไม้เป็นเหมือนเครื่องมือบอกเวลาอันพิลึกพิลั่นที่ดังเป็นจังหวะไปตามการเคลื่อนไหวของมัน วันเวลาทำหน้าที่กัดกร่อนชีวิตเขาอย่างซื่อสัตย์มานานพอสมควรแล้ว และเขาเองก็รู้ว่ามันจะทำร้ายเขาต่อไปได้อีกไม่นาน แต่เขาไม่คิดจะยอมแพ้ ใครคนหนึ่งที่เขาเฝ้ารอมานานยังไม่กลับมา
รถยนต์คันหนึ่งแล่นมาจอดหน้าบ้าน สัญลักษณ์แปลกตาที่ข้างรถทำให้ดวงตาของชายชราส่องประกายขึ้นมาทันที คนในรถกำลังจะนำข่าวบางอย่างมาบอกเขา ถึงเวลานี้แล้ว ต่อให้เป็นข่าวร้ายที่สุดเขาก็ยอมรับมันได้ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ขอให้เป็นข่าวดีแม้สักนิดมอบให้เป็นรางวัลปลอบใจสำหรับการรอคอยอันยาวนานเถิด
“พบแล้วครับ” คนที่นั่งมาในรถพูด เขาเปิดประตูค้างไว้ ถ้านั่นไม่ใช่ข่าวดีที่สุดก็ต้องเป็นข่าวร้ายที่สุดอย่างที่ชายชราคิดจริง ๆ
เขาสูดลมเข้าปอดลึก ๆ รู้สึกเจ็บแปลบที่ชายโครง ถึงเวลาต้องเผชิญกับความจริงเสียที เขารอมันมานานมากจนวินาทีนี้มันกลับเหมือนความฝันมากกว่าจะเป็นความจริง ท้ายที่สุดเขาพยักหน้าแล้วก้าวขึ้นรถ
“เธออยู่ที่ไหน ?” ชายชราถาม เสียงของเขาสั่น มือของเขาสั่น ใจของเขาเต้นระรัว
“เนปจูน” ใครคนหนึ่งในรถตอบ … ชายชราทวนคำ ‘สี่พันล้านกิโลเมตร’ เขาคิด ประกายตาของเธอต้องใช้เวลาสี่ชั่วโมงเดินทางด้วยความเร็วแสงมายังโลก นั่นหมายถึงว่าถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่นะ
“ยังมีชีวิตอยู่ครับ” ชายคนเดิมพูดเหมือนรู้ใจชายชรา
“เป็นไปไม่ได้” ชายชราเปล่งคำพูดออกมาด้วยความยากลำบาก เขาคิดอยู่เสมอว่าเธอจากเขาไปชั่วนิรันดร์แล้ว สิ่งเดียวที่เขารอคอยคือใครสักคนที่จะเดินมาบอกเขาว่าเธอตายอย่างไร และเขาหวังว่าเธอคงจะไม่ทรมาน
แต่คนพวกนี้กำลังบอกเขาว่าผู้หญิงที่จากเขาไปเมื่อหลายสิบปีก่อนในการเดินทางท่องดวงดาวด้วยวิทยาการที่เหมือนทารกหัดคลานกำลังลงแข่งวิ่งมาราธอนยังมีชีวิตอยู่ภายใต้การปกปักรักษาของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลอย่างนั้นหรือ ปาฏิหาริย์ของปาฏิหาริย์ก็ัคงไม่สามารถอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้
“เป็นไปได้อย่างไร ?” เขาเปลี่ยนคำพูด
……….
เธอจะฝันถึงเขาหรือเปล่านะ ? ชายชราคิด เขานึกย้อนกลับไปถึงวันที่เธอบอกว่าจะต้องออกไปเดินทางบุกเบิกเส้นทางไกลเช่นเดียวกับนักเดินเรือผู้ออกแสวงหาดินแดนใหม่ เธอจะเป็นหนึ่งในมนุษย์กลุ่มแรกที่ได้เข้าเฝ้าคารวะเทพเจ้าจูปิเตอร์ด้วยงานสำรวจดวงจันทร์บริวารของดาวพฤหัส
‘ตอนที่ฉันกลับมา เธอจะยังรักฉันอยู่หรือเปล่า ?’
‘ผมจะรอ คุณกลับมาฟังคำตอบจากผมได้ตลอดเวลา’
การออกไปในอวกาศก็เหมือนกับการหาญท้าเทพเจ้า ข้างนอกนั่นไม่ใช่สิ่งแวดล้อมที่มนุษย์จะใช้อยู่อาศัย ทุกวินาทีและทุกหน่วยวัดระยะทางต้องแลกมาด้วยเงินทุนและความเสี่ยง เธอรักเขา และเขาก็รู้ว่าเธอยังรักการผจญภัยในอวกาศในขณะที่เขามีความสุขกับการเฝ้ามองดวงดาวในยามค่ำคืน และเขาก็รักเธมากพอที่จะนั่งมองดาวบนท้องฟ้าทุกคืนเพื่อรอการกลับมาของเธอ
…จนกระทั่งสัญญาณวิทยุจากยานของเธอเงียบหายไปก่อนเข้าวงโคจรของดาวพฤหัส เขาก็ยังคงนั่งมองดาวบนฟ้าเหมือนเดิม แม้ว่าทุกคืนที่ผ่านไปจะหมายความว่าความหวังของเขาที่จะได้พบเธอลดน้อยลงเรื่อย ๆ
หรือนี่คือการลงฑัณฑ์ด้วยสายฟ้าจากเทพจูปิเตอร์สำหรับผู้หาญกล้าไปเทียบกับเทพเจ้า ?
……….
“คุณพบเธอได้อย่างไร ?” ชายชราถาม
“ยานสำรวจดาวเนปจูนพบสัญญาณ และเข้าไปตรวจสอบ ยานของเธอลอยอยู่ในวงโคจรรอบเนปจูน พวกเขาพบเธอรอดอยู่คนเดียวในแคปซูลครับ”
“แล้วคนอื่น ๆ ละ ?”
“ยานถูกอุกาบาตลูกใหญ่วิ่งทะลุตามยาวอย่างแรงจนแทบจะแตกเป็นสองเสี่ยง มันสูญเสียแรงดันอากาศ พลังงานส่วนใหญ่ และคอมพิวเตอร์หลักในวินาทีที่ถูกชน เราไม่รู้ว่าเธอเข้าไปอยู่ในแคปซูลได้อย่างไร คงเพราะเธออยู่ใกล้ ๆ และมีใครที่ยังรอดในไม่กี่วินาทีคอยช่วยตั้งโปรแกรมถ่ายพลังงานจากแบตเตอรี่สำรองไปเข้าแคปซูลช่วยชีวิต เธอทำมันจากในแคปซูลไม่ได้ …ถ้าไม่ทำอย่างนั้นเธอไม่มีทางรอดมาได้ถึงตอนนี้แน่”
“คุณกำลังพาผมไปพบเธอ” เสียงของชายชราสั่นอีกครั้ง และครั้งนี้มันเบาจนเหมือนเสียงกระซิบ
……….
เธอนอนอยู่ในแคปซูลช่วยชีวิตทรงกระบอก มันยังอยู่ในภาวะแช่แข็งเพื่อหยุดการทำงานทุกอย่างของร่างกาย กระจกโค้งที่ด้านบนเผยให้เห็นใบหน้าที่เขาไม่เห็นมาหลายสิบปี เธอลอยอยู่ในโฟมใส เขารู้สึกเหมือนกับว่าเธอเพิ่งจะออกเดินทางไปเมื่อวานนี้เอง รูปหน้า ลักยิ้ม และทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเธอยังคงอยู่ตรงนั้น ในขณะที่ร่างกายของเขาผุกร่อนและแก่ชราจนแทบใช้การไม่ได้
“แบตเตอรี่เกือบหมดตอนที่เราไปพบเธอ ไม่มีใครเชื่อว่าเธอจะอยู่รอดได้นานขนาดนั้น เราไม่แน่ใจว่าจะปลุกเธอขึ้นมาได้อีกครั้งหรือเปล่า” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งบอกกับชายชรา ‘คงเป็นความกรุณาของเนปจูนที่ช่วยเธอเอาไว้’ เขาคิด ไม่อย่างนั้นเธอคงล่องลอยไปสู่นิรันดร์กาลแล้ว
ชายชราคุกเข่าลงข้างหนึ่งอย่างเชื่องช้า ข้อต่อหัวเข่าที่เสื่อมมาหลายปีทำให้เข่าทั้งสองข้างส่งเสียงร้องระงม เขาจุมพิตลงไปบนกระจกอย่างช้า ๆ และทะนุถนอม คาดหวังให้ความปรารถนาทั้งหมดที่มีผ่านไปยังเธอที่หลับอยู่ข้างใน
กระบวนการปลุกใช้เวลาไม่นาน แต่กับชายชราแล้วมันเหมือนกับเวลาช่วงสุดท้ายของชีวิตตนเองถูกใช้เพื่อแลกกับการรอคอย พลังชีวิตของเขาเหมือนค่อย ๆ ดับลง เขาสูดหายใจลึก ๆ อีกครั้ง อาการเจ็บชายโครงยังเป็นอยู่เหมือนเดิม แต่เขาไม่สนใจมัน เธอเป็นสิ่งที่เขาเฝ้ารอ และเขาจะรอ ไม่ว่ามันจะใช้เวลานานเพียงใด
……….
ในที่สุด ฝาครอบแคปซูลเปิดออกช้า ๆ ชายชราได้รับโอกาสให้เป็นคนยืนข้างแคปซูลตอนที่มันเปิดออก เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาเหมือนจะหยุดเต้น แต่ถ้ามันจะหยุดเต้นเพื่อให้เธอฟื้นขึ้นมาเขาก็จะยอมสละมัน
“เธอยังรักฉันอยู่ใช่ไหม ?” เธอลืมตาขึ้น และถามเขาด้วยเสียงแหบพร่าหลังจากหลับไปนานสี่สิบกว่าปีโดยไม่กังขาว่าชายชราคนนี้เป็นใคร
“ผมรักคุณ ถ้าคุณไม่รังเกียจ คนแก่คนนี้อยากจะขอคุณแต่งงาน … แต่งงานกับผมนะครับ”
“ฉันรักเธอ … ฉันจะแต่งงานกับเธอ” เธอตอบ
ยินดี ครับ
ชอบมาก : ) !
ขอบคุณครับ
อยากได้คำวิจารณ์จากทุกท่านด้วย
ขอรบกวนด้วยครับ
เป็นโรแมนติกไซ-ไฟ อ่อนหวานน่ารักครับ สำนวนดีมากครับ พล็อตเรื่องง่ายๆไม่ซับซ้อนแต่ประทับใจ อ่านแล้วคิดถึงวัยหนุ่มที่ล่วงเลยมาอย่างน่าเสียดาย ทำไมไม่เจอบรรยากาศโรแมนติกแบบนี้บ้างนะ เขียนเรื่องต่อไปนะครับ เขียนเยอะๆ และขอต้อนรับสู่วงการนักเขียนไซ-ไฟครับ
วรากิจ
ขอบคุณพี่วรากิจครับ ยินดีอย่างยิ่งสำหรับคำแนะนำจากพี่วรากิจและทุก ๆ ท่านครับ