ตอนที่ 3
แอลลี่ยืนสงบนิ่งอยู่หน้าแท่นอนุสรณ์ เพื่อรำลึกถึงลูกเรือและกัปตันแห่งยานในซีรี่เบทิวเดียมทั้งหมด ที่ได้พลีชีพไปกับการอัปปางของยานในห้วงอวกาศมืด
เบื้องหน้าเป็นรายชื่อยาน-ลูกเรือและกัปตัน หญิงสาวกวาดตาไล่อ่านมาตั้งแต่ชื่อยานลำแรก ธรรมเนียมการสลักชื่อบนแผ่นป้ายของแท่นอนุสรณ์นี้ จะนำชื่อยานขึ้นก่อน และลำดับชื่อกัปตันไว้หลังรายชื่อลูกเรือทั้งหมด เพื่อแสดงความรับผิดชอบและย้ำถึงหน้าที่ของกัปตันว่า จะต้องดูแลทุกคนก่อนตนเองเสมอ
แอลลี่หยุดสายตาตรงชื่อยานลำสุดท้าย ไล่อ่านรายชื่อลูกเรือบนยานลำนั้นทั้งหมด 17 คน เธอหลับตาพยายามนึกถึงบางอย่างในวัยเด็ก แต่ก็คิดไม่ออก จากนั้นจึงมองชื่อสุดท้ายนาน…ชื่อของกัปตันแห่งยานเบทิวเดียม 77 …กัปตันวาสเซล คุก
หญิงสาวยืนนิ่งอีกราวห้านาที เธอสูดอากาศฟอดใหญ่ แล้วหมุนตัวเดินอย่างมั่งคงขึ้นบันไดหินสีขาวนวล แหงนหน้าขึ้นมองอาคารสถาปัตยกรรมเบื้องหน้า เสากลมใหญ่ทั้งแปดต้น แสดงถึงจำนวนของระบบสุริยะทั้งหมดที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ บันไดยาวออกไปไกล มีผู้คนออกมาชมความงามของอาคารนี้กันแต่เช้า ทหารสองกลุ่มตั้งแถววิ่งออกกำลังกาย แสงแดดทอดผ่านยอดบนของอาคารเป็นแฉก เช้านี้แสงฟุ้งเป็นสีทองสวยงามนัก แอลลี่หยุดยืนชมอยู่ครู่หนึ่ง แล้วมองป้ายใหญ่หน้าอาคารที่มีข้อความว่า …สถานีอวกาศแห่งยานเบทิวเดียม…
ยานเบทิวเดียมถือเป็นความภาคภูมิใจแห่งเผ่าพันธุ์ มันถูกสร้างขึ้นเมื่อห้าร้อยกว่าปีที่ผ่านมา กำเนิดขึ้นพร้อมหลักทฤษฏีสร้างระบบสุริยะจักรวาลขึ้นมาใหม่เอง มนุษย์หมดทั้งเวลาและทรัพยากรสำหรับใช้ตามหาดาวดวงใหม่ที่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ทุกครั้งที่สำรวจเจอดาวดวงหนึ่ง มันก็ช่างเหมือนการพบเนื้อคู่เก๊ๆ เหมือนจะใช่แต่ก็ไม่ใช่ ท้ายที่สุดมนุษย์ก็ค้นพบว่า ดาวเคราะห์ที่เหมาะสมไม่ได้อยู่ตามลำพัง มันต้องการความเกื้อกูล ต้องการความเป็นระบบ ต้องการแหล่งพลังงาน ต้องการเคลื่อนที่ ระบบสุริยะคือคำตอบ หนึ่งระบบสุริยะต่อหนึ่งดาวที่ดำรงชีพอยู่ได้
นักวิทยาศาสตร์และวิศกรสร้างเครื่องมือชิ้นหนึ่งขึ้นมา เป็นแท่นยิงอนุภาคขนาดใหญ่ ใหญ่พอๆ กับภูเขาไฟลูกหนึ่ง มันจะปล่อยพลังเข้าโจมตีกลุ่มฝุ่นและก๊าซ เร่งให้เกิดการหมุนตัว จนแผ่ออกเป็นรูปจานยักษ์ แรงโน้มถ่วงระหว่างมวลสารจะสร้างแรงกดดันมหาศาล ทำให้ก๊าซมีอุณหภูมิสูงพอที่จุดปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชัน และดวงอาทิตย์ก็ถีอกำเนิดขึ้นมา
ด้วยเหตุนี้ยานเบทิวเดียวจึงมีขนาดใหญ่มาก และยังมีสมองกลด้วย เจ้าหน้าที่บนยานสูงสุดแค่ 30 คน กับยานเบทิวเดียม 1 ลำ ก็สามารถสร้างระบบสุริยะจักรวาลใหม่ขึ้นมาได้แล้ว
แอลลี่ออกเดินต่อ เสียงเครื่องมือสื่อสารดังขึ้น เธอหยิบมันออกมาจากซองที่คาดไว้ตรงต้นแขนซ้าย พอเห็นชื่อคนติดต่อมา หญิงสาวก็เดินหลบไปหลังเสากลม เพราะมั่นใจว่าต้องคุยยาวแน่
“ค่ะแม่” แอลลี่เอ่ยขึ้น แม้ในใจจะรู้สึกหวั่นๆ แต่ก็แสร้งทำน้ำเสียงให้สดใส
“จะไปแล้วเหรอแอล” อีกฝ่ายน้ำเสียงไม่ค่อยดี
“ลูกไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้นะ แม่เป็นห่วงจริงๆ”
“หนูไปไม่นานจริงๆ ค่ะ เดี๋ยวก็กลับแล้ว…” ปลายเสียงของแอลสั่นๆ นึกถึงใบหน้าแม่แล้วอยากจะร้องไห้ออกมา
“พ่อของลูกก็เคยพูดแบบนี้นะ และเขาก็ไม่เคยกลับมา”
ได้ฟังแล้วแอลลี่ก็น้ำตาไหล เธอเอามือบังเสียงจากเครื่องมือสื่อสาร สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วรีบพูดตัดบทสนทนา
“แม่คะ มีประกาศเรียกชื่อหนูแล้ว เดี๋ยวหนูโทรไปใหม่นะ …รักแม่นะคะ” แอลลี่ปิดเครื่องมือสื่อสารทันที เธอหันหน้าหาเสากลม แล้วร้องไห้ออกมา เธอเป็นคนเข้มแข็งก็จริง แต่น้ำตาหนนี้มันสุดจะทน นึกถึงยานเบทิวเดียวลำใหญ่ นึกถึงแม่ นึกถึงตัวเอง นึกถึงพ่อ…เธอเคยถามตัวเองว่าทำเพื่ออะไร อดีตมันแก้ไขไม่ได้แล้ว ไม่มีใครฟื้นคืนกลับมาได้แม้ว่างานของเธอจะสำเร็จก็ตาม
แอลลี่สูดหายใจอีกครั้งยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา แล้วหมุนตัวออกจากเสา เป็นจังหวะเดียวกันกับชายหนุ่มท่าทางทะมัดทะแมงเดินตรงเข้ามา ทั้งสองปะทะกันอย่างจัง แอลลี่ตัวเล็กและบางกว่ามาก แรงชนทำให้เธอถึงกับเซจนจวนล้มอยู่รอมร่อ
ปฏิกิริยาตอบสนองแบบฉับพลันของชายหนุ่ม ทำให้แขนเหยียดออกไปทันที เขาดึงรั้งเธอเข้ามากอดไว้ แต่กระเป๋าสัมพาระของแอลลี่ก็ตกกระจัดกระจายเกลื่อนไปทั่ว แอลลี่อยู่ในอ้อมกอดของชายแปลกหน้า เธอประหม่าจนเขารู้สึกได้ จึงคลายกอดแล้วจับไหล่เธอเบาๆ แอลลี่เงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาประสานกัน
“ผมทำให้คุณร้องไห้เหรอนี่” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ
“เปล่าค่ะ” แอลลี่เลี่ยงสายตาชายหนุ่ม เธอเบี่ยงไหล่ออกจากมืออันแข็งแกร่งของเขา ใช้หลังมือเช็ดน้ำตาตัวเอง
“ผมขอโทษนะครับ ไม่คิดว่าจะมีใครมาแอบอยู่หลังเสาแบบนี้”
แอลลี่ไม่ว่าอะไร รีบเก็บข้าวของที่กระจายเกลื่อน ชายหนุ่มตามเข้ามาช่วย เขาเก็บเศษเงินและเครื่องมือสื่อสารที่กระเด็นไปไกลเกือบ 3 เมตร แล้วมายืนอยู่หน้าเธอเหมือนอยากแสดงความเสียใจ
“ไม่เป็นอะไรแน่นะครับ” เขาถามอย่างเป็นห่วง
“คุณคงไม่ชอบแอบอยู่หลังเสาแบบนี้บ่อยๆ ใช่ไหม” เขายิ้มแล้วเลิกคิ้วถาม
“ค่ะ” แอลลี่ตอบแล้วยิ้มตาม รู้สึกดีขึ้น เธอรับของที่เขาเก็บให้ไว้ ตามองหน้าเขาอีกครั้ง จมูกเป็นสัน คางบุ๋ม ตาสวย โดยรวมเขาดูดีมาก หล่อเหลาคมเข้ม ร่างกายแข็งแรง ก็แน่ล่ะชนเธอซะเกือบปลิว ที่สำคัญอัธยาศัยดี สมัยนี้หาคนแบบเขาได้ยากแล้ว
“ฉันขอตัวก่อนนะคะ” แอลลี่เอ่ยคำลาแล้วเดินจากมา เธอดูเวลาที่แผงตรงข้อมือ ใกล้เวลานัดแล้ว แอลลี่เดินเร็วขึ้น…
**********************************************************
แอลลี่นั่งรออยู่หน้าห้องทำงานขนาดใหญ่ เธอมองผ่านผนังกระจกใสเข้าไป เห็นโต๊ะทำงานใหญ่ทำด้วยไม้เนื้อดี ด้านหลังห้องเป็นกระจกเช่นกัน มีภูเขาใหญ่อยู่ด้านหลัง ดวงอาทิตย์ขึ้นทางนั้น แสงสีทองยามเช้าฉาบไปทั่วห้อง ฝาผนังด้านข้างมีภาพเขียนแขวนไว้ สะท้อนว่าเจ้าของห้องคงเป็นคนชอบงานศิลปะอยู่บ้าง โดยรวมจัดห้องไม่ซ้ำซากจำเจ เขาต้องเป็นคนที่มีระเบียบแต่ยืดหยุ่นได้ แอลลี่เหลือบมามองที่ป้ายตรงประตูกระจกบ้าง เธออ่านออกเสียงในใจ
…กัปตันแมกซ์ แมคกราธ แห่งยานเบทิวเดียม 113…
“โตเป็นสาวแล้วนะแอลลี่” หญิงสาวหันกลับไปมองต้นเสียง แล้วรีบลุกขึ้นแสดงความเคารพ
“สวัสดีค่ะกัปตัน”
อีกฝ่ายโบกมือ “ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกแอลลี่” เขายิ้มออกมาหลังประโยค อายุคราวพ่อของแอลลี่ ใส่ชุดทหารแล้วรูปร่างยังดูดีสมส่วน ต้องเป็นคนที่ดูแลตัวเองดีมาก แต่ผมเป็นสีเงินเกือบหมด
“แม่สบายดีใช่ไหม”
“สบายดีค่ะท่าน” แอลลี่ตอบ กัปตันจ้องตานาน
“หนูดูเหมือนพ่อหนูมาก” เขาแหงนหน้ามองขึ้นแล้วถอนหายใจ “เขาต้องภูมิใจในตัวหนูที่สุด ลุงเคยเห็นเขาอุ้มหนูด้วยนะ เสียดายที่เวลามันมีน้อยเกินไป”
แอลลี่ยืนนิ่งก้มมองพื้น เธอได้ยินเสียงคนเดินมาด้านหลัง จึงหันกลับไปมองแล้วเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย
“เจอกันอีกแล้ว” เขาทักเธอ แอลลี่ยังไม่ทันลืมเขาด้วยซ้ำ เพิ่งจะเดินชนกันหยกๆ ไม่ถึงชั่วโมง กัปตันเอ่ยถามว่ารู้จักกันมาก่อนเหรอ แอลลี่พยักหน้าแล้วยื่นมือไปให้เขาจับ
“ผม…เอ็มครับ” เขาบอกชื่อตัวเอง มือเขาหนาและแข็งแรง แอลลี่ยิ้มให้แล้วบอกชื่อตัวเองออกไปบ้าง
“ฉัน แอลลี่ค่ะ แอลลี่ คุก…”
นางเอกออกมาแล้ว แถมเป็นลูกสาวของผู้เคราะร้ายเสียด้วย พล็อตมาแบบนี้ท่าทางความสัมพันธ์ของคู่พระนางจะราบรื่นนะครับนี่ เว้นแต่พระเอกของเราจะไปรู้ความลับอะไรแปลกๆ เท่านั้น
การจบเรื่องของตอนนี้ไม่ประหลาดใจเท่าที่ควรครับ แต่ก็เหมาะสม เพราะผมเองก็เดาออกแต่แรกแล้วว่าเป็นลูกสาวของกัปตันที่ยานระเบิดไป แต่การบอกแบบอ้อมๆ มาตลอดทั้งตอน แล้วมาเฉลยในตอนท้ายนั้นสมเหตุสมผลดีอยู่แล้วครับ เพียงแต่มันเพิ่งผ่านตอนแรกที่กัปตันเล่าเรื่องลูกสาวไม่นานเลยไม่ประหลาดในเท่าไีร ซึ่งในจุดนี้อาจแก้ไขโดยการทิ้งช่วงสักนิด หรือพยายามอ้อมกว่านี้จะประทับใจกว่าครับ ไว้โอกาสหน้านะครับ
แล้วจะรอติดตามตอนใหม่นะครับ ^^
ยอดเยี่ยมมาตลอดทั้งสามตอนครับ