ความรู้สึกหนักอึ้งกดทับศีรษะผมยังคงหลับตาอยู่ชั่วครู่ก่อนสลัดหัวไปมาหวังจะไล่ความมึนงงออกไป คงเป็นเวลากว่าสามปีมาแล้วที่ผมได้รับมอบหมายจากหน่วยปฏิบัติการ Space Border Finder เพื่อสืบเสาะค้นหาขอบจักรวาร พวกเราทั้งหมดต้องแยกย้ายเดินทางตามลำพังเพื่อค้นหาขอบของจักรวาล ผมรับผิดชอบเส้นทาง ye 4171 ซึ่งจะต้องผ่านเลย กาแล็คซี JKCS041 ไปอีก หลังจากที่ผมขับยานสำรวจลำดังกล่าวด้วยตนเองมาระยะหนึ่งจนสามารถตั้งพิกัดได้แน่นอนแล้ว ผมจึงได้สั่งยานเข้าสู่ระบบวาร์ปจากนั้นจึงปล่อยให้ยานอวกาศทำหน้าที่โดยอัตโนมัติ ผมจึงก็เข้าสู่ระบบนิทราซึ่งจะตื่นอีกเมื่อยานใกล้ถึงที่หมาย หากไม่มีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นมาเสียก่อน
เหตุฉุกเฉิน !! ผมนึกขึ้นได้หรือว่าผมยังไม่ถึงที่หมาย ผมรีบสลัดความมึนงงออกจากศีรษะอย่างฉับพลัน ลืมตาหาสัญญาณฉุกเฉินแต่ไม่พบ นั่นทำให้ผมโล่งใจไปเปราะหนึ่ง ผมรีบมองหาสัญญาณสีเขียวซึ่งบ่งบอกว่ายานได้ใกล้จุดหมายแล้ว ในที่สุดผมก็พบมันแสงสีเขียวมรกตเจิดจ้าเหนือขึ้นไปทางซ้ายมือ ความกดดันเมื่อครู่เริ่มจางลง ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก ยานอวกาศยังคงล่องลอยไปในความมืดเวิ้งว้าง นี่ซินะขอบจักรวาล ที่ว่างที่ไม่มีสสารใดๆ ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังกึ้ง และเกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วยาน ไฟฉุกเฉินสีแดงสว่างวาบๆ ปะปนกับเสียงหวอดังลั่น
ผมกระเสือกกระสนออกจากยานพร้อมชุดอวกาศ ภายนอกเย็นยะเยือก มีเพียงเสียงลมหายใจและไอน้ำเกาะจับหน้ากากของหมวกอวกาศในความมืดมิด ผมโยกคันบังคับที่ข้อมือเล็กน้อยจรวดขับดันพ่นไอออกจากปลายท่อพาชุดนักบินอวกาศของผมไปบริเวณหัวของยาน พลันเกิดเสียงดังผลักตัวผมก็กระแทกเข้ากับอะไรบางอย่งที่อยู่ข้างหน้า
‘ อะไรกันนี่ ‘ ผมนึกตกใจกางฝ่ามือออกนาบไปบนสิ่งที่มีพื้นผิวดาษเรียบ ‘นี่มันกำแพง กำแพงที่มองไม่เห็น’ สุดขอบจักรวาลคือกำแพง กำแพงยักษ์ ผมบังคับชุดอวกาศลอยขึ้นไปขนานกำแพงนั้นมือยังคงลูบไล้กำแพงไปด้วย ‘โอ้ พระเจ้า เล่นตลกกับผมหรือนี่’ ผมมองไปทางยานอวกาศที่ค่อยๆเล็กลงๆ ขณะที่มือก็ลูบไล้ไปตามกำแพงราบเรียบที่มองไม่เห็น พลันมือผมก็ไปสะดุดอะไรบางอย่าง ผมลองคลำมันอีกครั้ง คราวนี้พบว่ามันคล้ายปุ่มยื่นนูนออกมาจากผนัง ผมลองจับดูอีกครั้ง มันคล้ายกระดุม ไม่ใช่ซิมันคล้ายลูกบิด ยังไม่ทันจะคิดอะไรต่อมือผมก็บิดลูกบิดนั้นเสียแล้ว
เหมือนกำแพงที่มองไม่เห็นนั้นถูกกรีดออกด้วยแสงจ้า จากเส้นตรงยาวก็ขยายเป็นแถบกว้าง และกลายเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าในที่สุด ‘ ประตู ’ ผมเผลอรำพึงกับตัวเอง สุดเขตจักรวาลคือกำแพง สุดกำแพงคือประตู ผ่านประตูไปก็คือ …. โอ้…ผมคิด ผมกำลังเข้าสู่เขตแดนของพระเจ้า ผมกำลังก้าวข้ามเส้นบางๆที่ใหญ่โต ใจผมเต้นถี่แรง เลือดสูบฉีดจนใบหน้าร้อนผ่าว
เมื่อพ้นขอบประตูร่างที่กำลังลอยอยู่ก็ตกลงสู่พื้นเบื้องล่างในทันทีเสียงดังผลัก ผมรู้สึกเจ็บชาที่หลังจนต้องนอนหงายนิ่งชั่วครู่ เหม่อมองเขตแดนของพระเจ้า ในเขตแดนของพระเจ้าล้วนมีสีขาวเป็นส่วนใหญ่ มีทางเดินคล้ายกับว่าจะวนรอบกำแพง ผมมองขึ้นไป มีฝ้าและท่อต่างๆทั้งแดง น้ำเงิน เขียวระเกะระกะมากมายเกาะไปตามฝ้าทางเดินนั้น ทำไมมันช่างเหมือนกับบนโลกที่เขาจากมาเสียเหลือเกิน ผมกวาดสายตาไปรอบๆ เห็นอะไรตะคุ่มๆ ไหวๆ หรือว่าพระเจ้า ใช่แน่ๆพระเจ้า แต่พระองค์ทรงหลบผมไปทางไหนแล้ว สายตาผมเหลือบมองตามเผื่อจะได้เห็นพระเจ้า สายตาที่กวาดกำลังกวาดก็สบเข้ากับป้ายสีแดง ผมดึงสายตากลับมาอ่าน ป้ายนั้นอีกครั้ง ที่ป้ายมีข้อความเขียนว่า EXIT
เหมือนโลกกำลังหมุนกลับ ความคลื่นเหียนถาโถมเข้าใส่ หัวใจผมเต้นแรงรับรู้ถึงอันตรายที่กำลังเยือน จิตคิดสับสน ผมรีบถอดชุดนักบินอวกาศออกในทันที
‘หรือสุดขอบจักรวาลคืออุโมงวกกลับสู่โลกเรา หรือว่าแท้จริงเราไม่ได้ไปไหนเลย เรากำลังถูกหลอก ใช่เรากำลังโดนหลอก เขาใช้เราเป็นเครื่องมือ เขาล้างสมองของเรา ทฤษฎีสมคบคิด พวกนั้นสมคบคิด’ ผมก็วิ่งหลบไปตามแนวผนัง พอวิ่งถึงทางออกผมกระโจนออกจากอาคาร ตาก็เหลือบไปเห็นข้อความ ‘ศูนย์ฝึกนักบินอวกาศ’ พร้อมกับมีเสียงตะโกนดังไล่หลัง
“จับมันไว้ เร็วเข้าจับมันให้ได้” ชายฉกรรจ์ 5-6คนวิ่งไล่กวดผมเป็นพรวนอย่างกระชั้นชิด
“นั่นมันไอ้ปีเตอร์ หลานยายหมอน คนทำความสะอาดตึก 4 ไอ้นี่มันบ้า จับมันให้ได้” สิ้นเสียงสั่งชายฉกรรจ์คนหนึ่งก็รวบขาผมไว้ได้สำเสร็จ เสร็จมันผมล้มลงกระแทรกพื้นซีเมนต์ในทันที คนที่เหลือรีบกระโดดขึ้นมาทับบนตัวผม มันทั้งหนักทั้งแน่นจนผมหายใจแทบไม่ออก ไอ้คนที่ออกคำสั่งวิ่งกระหืดกระหอบตามมา ร่างของมันตุ้ยนุ้ยอุดมไปด้วยไขมัน ยามมันหอบหายใจเห็นไขมันกระเพื่อมขึ้นลง มันยืนคร่อมศีรษะแล้วถุยน้ำลายใส่
“ไอ้บ้าปีเตอร์ ถ้าแกยังไม่อยากตายอย่าเข้าไปเล่นในห้องฝึกนั้นอีก”
“ผมไม่ได้บ้า ผมไม่ได้บ้า พวกแกสมคบคิดกัน ไม่ได้บ้า………..พวก Conspiracy theory” ผมกรีดร้องสุดเสียง ก่อนจะมีเสียงดังปั้ง
จบ
หักมุมได้ “หลังหัก” ดีครับ
มีบทบรรยายที่อ่านแล้วสับสนเล็กน้อยครับ ตรงที่ “ทำไมมันช่างเหมือนกับบนโลกที่เขาจากมาเสียเหลือเกิน” ตรงนี้น่าจะเป็นการบรรยายโดยใช้สรรพนามบุรุษที่หนึ่ง เป็น “ผม” มากกว่าจะเป็น “เขา” นะครับ
อีกที่หนึ่งที่ชวนสงสัยคือจะสร้างสภาวะไร้น้ำหนัำกในห้องฝึกได้อย่างไร ? คือถ้าจะหลอกคนอ่าน ตรงนี้น่าจะ clear กว่านี้ครับ
อ่านแล้วให้ความรู้สึกเหมือนได้อ่าน “เอกภพปิด” ฉบับ parody ซึ่งทำออกมาได้ดีครับ
“ทำไมมันช่างเหมือนกับบนโลกที่เขาจากมาเสียเหลือเกิน” <—– พลาดจริงๆครับ
สร้างสภาวะไร้น้ำหนัำกในห้องฝึกได้อย่างไร <——— ถ้าเชื่อว่า มิสเตอร์ปีเตอร์เป็นคนบ้า ก็ไม่ผิดครับ แต่ถ้าเชื่อว่าเป็น conspirasy จริงๆ ตรงนี้ผมก็พลาดอีกแล้วครับ ตอนแรกที่เขียนก็กะว่าถ้าจะลงใน blog นี้ไม่ธรรมดา หักแค่มุมเดียวไม่พอ ต้องจัดหนักๆหน่อยเอาไปเลย เขบ็ต 3 ชั้น ไม่งั้นหลอกไม่สำเร็จ ฮา แต่ทีนี้พอพิมพ์ใกล้จะจบ ผมเกิดคิดว่าน่าจะให้คนอ่านตัดสินใจเองว่าจะเลือกเชื่่ออะไร จนท.คนอ้วน หรือ มร.ปีเตอร์หลานยายหมอนดี น่าจะทิ้งไว้ให้คิดเอง เลยลืมบรรยายไปว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ในสมัยนั้นมีเครื่องแบบนี้แล้วนะ น้อมรับผิดครับ และต้องขอบคุณท่าน Zhivago ที่เป็น บก.จำเป็นให้ผมด้วยครับ เดี๋ยวผมจะแก้แล้วลงใหม่ครับผม
อ่านได้เพลินๆดีครับถึงแม้ว่าบางประโยคจะดูทะแม่งๆไปหน่อย
ชอบแนวคิดขอบจักรวาลเป็นกำแพงครับ แนวคิดนี้สามารถนำไปผลิตดอกออกผลเป็นไอเดียได้อีกเยอะเลยครับ
หักมุมได้เจ็บแสบสันต์ฺดี
เรื่องประโยค พยายามอย่าเขียนคำซ้ำติดๆกันครับ ยกตัวอย่างเช่นในย่อหน้าแรกมีคำว่า ค้นหาขอบจักรวาล ซ้ำติดๆกันครับ ตรงนี้เป็นหลักการเขียนอย่างหนึ่ง
อ่านซ้ำแล้วก็ไม่ดีจริงๆด้วย ขอน้อมรับคำติครับ ผม เดี๋ยวแก้รวดเดียวเลยครับ ท่าน ยูยังไม่ได้คอมเมนท์งานประกวดผมเลยอะ
คุณHooNo
งานประกวดของคุณ HooNo ความจริงผมอ่านไปแล้วนะครับ แต่ยังไม่มีเวลามาcomment เลย เดี๋ยวจะหาเวลา comments ให้นะครับ