The Maintenance
ชายหนุ่มคนหนึ่งใช้ข้อนิ้วเคาะโลหะหนาพร้อมสีหน้าที่เหม่อลอย โลหะหนาส่งเสียงสะท้อนที่จางหายไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางฝูงชนนับร้อย หน้าหนังสือพิมพ์แผ่นหนึ่งปลิวไปติดขาของชายชราในชุดสูทสีน้ำตาล ซักพักก็ปลิวไปติดขาสาวชาวเอเชีย หลังจากนั้นก็โดนเหยียบย่ำติดพื้นที่ปูด้วยหินสีน้ำตาลออกเหลืองเหมือนประสาทอัศวินในยุคกลาง
แผ่นโลหะที่ชายหนุ่มเคาะ จริงๆแล้วเป็นทรงกลมขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางจัตุรัส ทรงกลมประกอบด้วยแผ่นโลหะสี่เหลี่ยมโค้งยึดต่อกันด้วยบางสิ่งบางอย่างที่เขาไม่อาจรู้ได้ บนแผ่นแต่ละแผ่นมีดวงไฟสีแดงสว่างคล้ายดวงตาที่จับจ้องทุกความเคลื่อนไหวของคนงานทุกคน ลูกบอลยักษ์ลูกนี้ ทุกคนรู้จักในนามว่า “เจ้าเมือง”
ทุกคนได้ถูกสอนมาว่า เจ้าเมืองคือสิ่งที่ควบคุมทุกระบบในเมือง มีหน้าที่จัดสรรอาชีพ สั่งงาน ถ่ายทอดความรู้ แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่า เจ้าเมืองคืออะไร มาจากไหน บางทีอาจเป็นเพราะไม่เคยมีใครตั้งคำถามแบบนี้เลยก็เป็นได้ เขาเลิกเสื้อสูทสีดำมันขึ้น และหยิบสมุดเช็คลิสต์กระชับไว้ในมือ เขาต้องตรวจสอบแผ่นโลหะทุกแผ่น ตั้งแต่ A1 จนถึง Z9 หน้าที่ของเขาก็แค่เคาะแผ่นโลหะของเจ้าเมืองทีละแผ่นและฟังเสียง เสียงโน้ตตัวโดความถี่ 262 เฮิร์ตซ์ วันละหนึ่งครั้ง
ดอกลาเวนเดอร์ก้านยาว ส่งกลิ่นหอมฟุ้ง ถัดไปเป็นพุ่มดอกกุหลาบสีเหลือง และสีชมพู
ลัดดา หญิงสาวในชุดยาวสีขาวก้มลงดมดอกไม้กลิ่นช็อกโกแลตอย่างพึงพอใจ
“ลัดดา ทำไมถึงไม่ไปทำงาน คุณก็รู้ว่าระเบียบเป็นอย่างไร เวลาที่พักผ่อนของคุณก็มีมากจนเหมือนเป็นอนันต์ คุณยังไม่พอใจอีกหรือ” ชายหนุ่มในชุดสีขาวอยู่ด้านหลังของลัดดา
“การันต์ ฉันชอบที่นี่ ที่นี่เป็นที่ของฉัน ฉันจะอยู่ที่นี่ตลอดไป” ลัดดาพูดด้วยเสียงเล็กน่ารักแต่เฉยชา
“คุณก็น่าจะรู้ได้ว่า ความสุขไม่อาจอยู่ไปตลอดกาลถ้าคุณไม่ไปทำงาน เพียงแค่คุณยอมสละเวลาเพียงเสี้ยวเล็กๆเสี้ยวหนึ่ง ความสุขของคุณก็ไม่ลดลงไปหรอก” การันต์สั่งสอนลัดดา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวลชัดเจน
ลัดดาเด็ดดอกแดนดิไลออนและกำไว้ในมือ เธอเหยียดตัวขึ้น เธอต้องแหงนหน้าเล็กน้อยเพื่อให้ระดับสายตาตรงกันกับชายหนุ่ม
“การันต์ ฉันกับคุณจะอยู่ที่นี่ตลอดไป นี่ ฉันให้คุณ” ลัดดายื่นดอกแดนดิไลออนในมือให้การันต์ ชายหนุ่มปัดทิ้ง
“คุณอยู่ในนี้นานเกินไปแล้ว ผมไม่น่าให้คุณสร้างที่นี่ขึ้นมาเลย” เมื่อสิ้นเสียง ร่างของชายหนุ่มก็ค่อยๆหลุดร่อนไป ถ้ามองดีๆจะเห็นว่าชายหนุ่มกลายร่างเป็นผีเสื้อสีขาวนับล้าน โบกโบยบินบนฟากฟ้า ลัดดายิ้ม ใบหน้าใสซื่อของเธอไม่อาจรับรู้ความเจ็บปวดของชายหนุ่ม
ทำไม
คำถาม คำถามแรกที่ผุดขึ้นในร่างกายของชายชราในสูทสีน้ำตาล หรือบางทีอาจผุดขึ้นในหัวของเขา ชายชรานั่ง อยู่หน้ากองเอกสารเกี่ยวกับปริมาณพลังงานของเมืองทั้งหมด ส่วนหนึ่งมาจากเครื่องแปลงพลังงานจากรังสี ซึ่งมักจะตกลงเล็กน้อยในยามกลางคืน แต่พลังงานส่วนใหญ่ล้วนมาจากเครื่องปฏิกรณ์แอกซีเมียมที่ให้พลังงานสูงถึงร้อยละ 90 ของพลังงานทั้งหมด เขาขีดๆเขียนๆบนกระดาษเนื้อบางด้วยดินสอด้ามกุด
“อืม หรือฉันคำนวณอะไรผิดไป ทำไมเตาแอกซีเมียมถึงให้พลังงานตกลงในวันที่ผ่านมา” เขาบ่นพึมพำ มือหนึ่งกำขมับ อีกมือหนึ่งกำดินสอแน่น โดยปกติซึ่งเป็นความปกติที่เกิดขึ้นอย่างปกติ เครื่องปฏิกรณ์แอกซีเมียมไม่เคยให้พลังงานต่ำกว่า 7.5 เฟินนูน ตอนนี้ตัวเลขบ่งระดับพลังงานกลับอยู่ที่ 7.4 เฟินนูน ถึงแม้ว่าระดับพลังงานยังไม่ต่ำจนส่งผลกระทบต่อเมืองก็เถอะ แต่เขารู้ว่าเหตุการณ์นี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ด้วยตัวระบบเตาแอกซีเมียม ถ้าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นได้ มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น คือ ช่างที่ดูแลระบบเตาปฏิกรณ์
ชายชรากำลังค้นหาหมายเลขโทรศัพท์เพื่อติดต่อห้องช่าง หมายเลขของหน่วยงานต่างๆอยู่ในสมุดปกหนังสีดำ นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เขาจำได้ แต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันถูกเก็บซ่อนไว้ที่ไหน อาจจะเป็นลิ้นชักชั้นล่างสุดใต้กองแผ่นเสียง หรือบางทีอาจถูกโยนทิ้งเพื่อนำไปแปรรูปแล้วก็ได้
ทันใดนั้นชายหนุ่มคนหนึ่งก็พุ่งพรวดเข้ามาในห้อง ชายหน้าตาเกลี้ยงเกลา ผมดำมันผลับ ชุดสูทสีดำมันวาวเหมือนสีผม ในมือของเขาถือเช็คลิสต์ของเจ้าเมือง
ชายชราเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า “มีอะไรหรือ ต้องการพบใคร”
“ผมไม่รู้ครับ ผมไม่เคยเจอเหตุการณ์นี้มาก่อนตั้งแต่เริ่มทำงานมา ผมเลยไม่รู้ว่าผมต้องรายงานใคร” ชายหนุ่มพูดเลิกลัก
วันนี้ชายชราเองก็เพิ่งเจอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เขาไม่อยากให้ชายหนุ่มคนนี้รู้ ว่าเขาก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดี “เกิดอะไรขึ้นล่ะ บอกฉันก็ได้ จะมีอะไรวุ่นไปกว่า ระดับพลังงานเตาแอกซีเมียมตกอีก” ชายชราพยายามให้ความสำคัญกับเรื่องของตัวเองที่ยังแก้ไม่ตก
ชายหนุ่มหยิบแผ่นกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาอ่าน “แผ่นโลหะ เค เจ็ด ส่งเสียงโดชาร์ปครับ”
ชายชราเงียบไปซักวินาทีกว่าๆ แล้วจึงหัวเราะคำใหญ่พร้อมตบโต๊ะเสียงดัง เหมือนที่เขาคาดไว้ไม่มีผิด ไม่มีอะไรที่สำคัญไปกว่าระดับพลังงานเตาแอกซีเมียมตกอีกแล้ว อย่างน้อยๆเขาก็ยังทำให้ชายหนุ่มเห็นว่าเรื่องนี้มันจิ๊บจ๊อยเพียงใด ถึงตอนนี้การที่เขาไม่รู้ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป
“เธอลุกลี้ลุกลนเพื่อมาบอกฉันว่าเจ้าเมืองส่งเสียงโดชาร์ปเนี่ยนะ เธอเป็นนักดนตรีหรือเปล่า” ชายชราชี้นิ้วไปทางชายหนุ่ม ใบหน้าของชายหนุ่มร้อนผ่าว เขาทำตัวไม่ถูก หลังจากถูกชายชราหัวล้านสบประมาทอย่างแรง แต่เขาก็สงบปากสงบคำไว้ เพราะเรื่องนี้มีความสำคัญสูงสุด เขารู้ดี
“เปล่าครับ ผมไม่ใช่นักดนตรี ผมเป็นช่างเช็คสภาพ ผมว่าเรื่องนี้…” ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มพูดจบ ชายชราก็พูดแทรก
“ถึงเธอจะไม่ใช่นักดนตรี แต่เธอก็สนใจโน้ตดนตรี ฉันว่าเธอคงจะต้องชื่นชมในรสนิยมของฉันแน่ๆ หายากนักคนในเมืองนี้ที่จะชอบดนตรีและฟังดนตรีเป็นเหมือนเธอ” ชายชราในชุดสูทสีน้ำตาลใช้หวีกวาดผมขาวที่เหลืออยู่หย่อมเดียว เขาผละเก้าอี้หนังสีน้ำตาลเหมือนสีเสื้อไปพ้นทาง ด้านหลังของเขามีเครื่องเล่นแผ่นเสียง และจานเสียงแผ่นใหญ่
“เดี๋ยวก่อนครับ ผมต้องรายงานเรื่องนี้ก่อน” ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มพูดจบ เสียงเพลงแจ๊สช้าๆก็ดังขึ้นกลบ เสียงมีชาร์ป เสียงซอล เสียงเร และเสียงโน้ตต่างๆอีกมากมายนับไม่ถ้วนผ่านหูของเขาไป เขารู้สึกว่าเสียงเหล่านั้นเหมือนกับปีศาจที่ส่งเสียงคำราม
ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว “ผมต้องการเสียงโด!”
“การันต์ คุณอยู่ที่ไหน” ลัดดาเดินท่ามกลางทุ่งหญ้าสูง ฝูงกวางวิ่งผ่านหน้าเธอไปอย่างไม่หวั่นเกรง เธอร้องเรียกหาการันต์ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่า เขาจะไม่มีทางกลับมาอีกจนกว่าเขาจะได้ตามที่เขาต้องการ แต่เขาต้องการอะไรล่ะ เธออยากรู้จริงๆว่าเขาต้องการอะไร คำพูดสุดท้ายที่เขาบอกกับเธอคืออะไร
นกเค้าแมวตากลมโตหันมามองเธอ ลัดดาทิ้งตัวลงบนหญ้านุ่มๆพิงต้นไม้ ท้องฟ้าจากที่เคยมีสีขาว ตอนนี้เจือสีเทาเล็กน้อย กระต่ายสีขาวกระโดดออกจากพุ่มหญ้า มันกระโดดแล้วหยุดเป็นพักๆจนเข้ามาแนบกายเธอ ตัวของมันสั่นเทาเหมือนหม้อต้มน้ำ เธอรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกอุ่นดี
“การันต์ คุณต้องการอะไรนะ ถ้าฉันรู้ ฉันทำ คุณจะกลับมาใช่ไหม” เธอพึมพำอยู่คนเดียว ลัดดาใช้นิ้วเรียวเล็กไซร้ขนกระต่าย มันหลับตาพริ้ม
“นายช่างคะ นายช่างคะ” หญิงสาวเชื้อสายเอเชียในชุดสีกากีหลวมโคร่งเดินไปหานายช่างที่กำลังกดปุ่มบนแผงวงจรวุ่นวาย
“อะไร เห็นไหมว่าฉันกำลังยุ่งกับเตาแอกซีเมียม” นายช่างหนวดดกดำดัดโง้ง ผมของเขาดำยุ่งเหยิงต่างจากหนวดที่ไร้ที่ติ
“นายช่างคะ ฉันว่านายช่างอาจทำอะไรบางอย่างผิดไป จนทำให้ระดับพลังงานตกลงค่ะ”
“อะไรนะ” เขาหันขวับมาทางเธอ สายตาเกรี้ยวกราด
“ไม่มีทางหรอก ฉันทำมานานนม ไม่เคยเกิดเหตุการณ์อะไรแบบนี้” นายช่างยังง่วนอยู่กับการกดปุ่มนี้ โยกคันบังคับคันนั้น หมุนปุ่มนู้น
“ไม่เป็นไรค่ะ นายช่าง” หญิงสาวไม่อาจทนกับความเฉยเมยของนายช่างได้ เธอต้องทำอะไรบางอย่างด้วยตัวเอง เธอหยิบเช็คลิสต์ของนายช่างมาดูอีกครั้งเพื่อหาข้อผิดพลาด ตั้งแต่ความร้อนของแกน เฟสการดูดและคายพลังงานของแอกซีเมียม การลดพลังงานของแอกซีเมียม ระดับอนุภาคนีโวตรอนที่ผ่านออกมา แต่ก็ไม่พบสิ่งใดที่ดูผิดปกติ นอกเสียจากมีบางอย่างที่สะดุดตาเธอ
เวลา
เวลาที่นายช่างเช็คสภาพคือ 10.00 น. แต่ที่บันทึกกลับเกิดช้าไปห้านาที
ถึงห้านาทีอาจจะไม่ใช่เวลาที่มากเท่าไรนัก แต่ก็ถือเป็นข้อผิดพลาดที่ส่งผลถึงเวลาที่ดูดและคายพลังงาน และการบันทึกค่าพลังงานที่เกิดขึ้นก็จะน้อยลงไปห้านาที ค่าระดับพลังงานเลยลดเหลือ 7.4 เฟินนูน เธอรู้สึกภูมิใจที่หาคำตอบได้แล้ว แต่เธอก็ยังสงสัยว่านายช่างบันทึกเวลาผิดไปได้อย่างไร
…
“ผมมีคำอธิบายที่ดี” ช่างเช็คสภาพพูดขึ้นในห้องของชายชรา หญิงสาวเชื้อสายเอเชียยืนอยู่ข้างๆ
“ถึงแม้เราจะรู้ว่าระดับพลังงานของเตาแอกซีเมียมจะตกลงเพราะนายช่างบันทึกเวลาผิด แต่เราก็ยังไม่รู้ว่าเพราะอะไรนายช่างถึงบันทึกเวลาผิด ผมคิดว่าเหตุการณ์นี้ต้องเกี่ยวข้องกับเสียงของแผ่นโลหะ เค-เจ็ด ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง” ชายหนุ่มพูดอย่างภูมิใจ หญิงสาวและชายชราส่งเสียงหัวเราะคิกคัก
“คุณดูหมกมุ่นเรื่องเสียงโดนะ คุณช่างเช็คสภาพ” หญิงสาวเหน็บชายหนุ่ม
“ก็เหมือนที่คุณหมกมุ่นเรื่องเตาแอกซีเมียมนั่นแหละ” ชายหนุ่มสวนทันควัน
“ใจเย็นๆก่อน คุณทั้งสองคน ผมต้องยอมรับแล้วว่า วันนี้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิดสองเหตุการณ์พร้อมกัน บางทีเสียงของแผ่นโลหะ เค-เจ็ด อาจมีความหมายอะไรอยู่ก็เป็นได้” ชายชราพูดอย่างวางท่า
“ถ้าอย่างนั้น เราจะทำอย่างไรกันดี” หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น
“ผมเสนอให้เปิดแผ่นโลหะ เค- เจ็ด ออก เพื่อหาข้อบกพร่องของเจ้าเมือง” ชายหนุ่มเสนอ ในใจของเขาลังเลอย่างมากที่จะเสนอแนวคิดนี้ไป แต่เขาก็ได้เสนอไปแล้ว และจะไม่เปลี่ยนความคิดด้วย
“ถ้าคุณคิดว่าดี ก็ลองดู” ชายชราเอ่ย
จากท้องฟ้าสีเทาแปรเปลี่ยนเป็นท้องฟ้าสีดำทะมึน ส่งเสียงกระหน่ำ จนลัดดารู้สึกใจคอไม่ดี นานแค่ไหนแล้วที่เธอนั่งอยู่บนชิงช้าตัวนี้ ในสนามเด็กเล่นแห่งนี้ที่ไร้วี่แววของเด็กๆ บางทีเด็กเหล่านั้นอาจจะกลับบ้านหลบฝนกันหมดแล้วก็ได้ แล้วเธอมาทำอะไรตรงนี้ล่ะ ทำไมเธอถึงไม่ไปหลบฝนอย่างคนอื่นๆ
เสียงของชายที่คุ้นเคยดังขึ้น “ลัดดา เธอไปทำงานได้แล้ว”
เธอหันขวับ ซ้ายขวาไม่มีใครอยู่ มีเพียงม้ากระดกที่โยกคลอนตามแรงลม และสไลเดอร์สังกะสีที่ส่งเสียงดัง พื้นทรายพัดพาอนุภาคทรายพัดปลิวเป็นลมหมุนขนาดย่อม
“ลัดดา คุณรู้ว่าผมหมายความว่าอะไร” เสียงของเขาเจือไปด้วยความเศร้าหมอง
“การันต์ การันต์ นี่คุณใช่ไหม ฉันกำลังรอคุณอยู่ คุณอยู่ที่ไหน” ลัดดายิ้ม หวังว่าการันต์จะปรากฏตัว แต่ก็ไม่มีวี่แวว
“ลัดดา โถ่ ผมไม่น่าให้คุณสร้างโลกนี้ขึ้นมาเลย คุณลองนึกดูสิ ลองนึกว่าคุณสัญญาอะไรไว้กับผม”
“สัญญา สัญญาอะไรคะ การันต์ ฉันจะอยู่กับคุณที่นี่ โลกของเรา สวรรค์ของเรา” ลัดดาเดินไปรอบๆ สนามเด็กเล่น บ้านเรือนและซอยต่างๆแปรเปลี่ยนไปเป็นเนินเขาที่ปูด้วยหญ้าสั้นๆ ต้นไม้สูงใหญ่ยืนตระหง่านบนยอดของเนินเขา แสงวาบพาดผ่านท้องฟ้าสีดำไป เบื้องบนส่งเสียงคำราม
“เราสัญญาว่าจะรักกันและกันไปตราบจนวันสุดท้ายของจักรวาลอย่างไรล่ะ ลัดดา” การันต์พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ อาจซ่อนความผิดหวัง หรือความทุกข์ระทม
“เราจะรักกันจนวันสุดท้ายของจักรวาล…” ลัดดาพึมพำ นัยน์ตาเหม่อลอย
“ฉันจำได้ การันต์” เธอตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ทำไมฉันถึงลืมไปได้นะ”
ภาพเนินเขาและต้นไม้แปรเปลี่ยนเป็นสิ่งก่อสร้างคล้ายประสาทหินยุคกลาง เธอออกวิ่งตรงไปยังประตูทางเข้าปราสาท
“ฉันต้องทำงาน ฉันต้องทำงาน ฉันจึงอยู่ต่อไปได้” ลัดดาคิดในห้วงความคิด เธอส่งให้ร่างของเธอพาดผ่านอากาศตรงไปยังปราสาท
“ลัดดา ผมรักคุณ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ผมเชื่อว่าคุณยังมีอยู่” การันต์พูดในห้วงความคิดของลัดดา
“ฉันจะต้องอยู่ตราบจนวันสุดท้ายให้ได้” เธอตะโกนสุดเสียง ทั้งๆที่รู้อยู่ในใจว่าไม่อาจไปถึงปราสาทได้ทันเวลา ปราสาทอัศวินลอยออกไปไกลเรื่อยๆ บางทีสิ่งสุดท้ายที่เธอทำได้คือการส่งความรู้สึกนึกคิดบางส่วนไปให้การันต์
ชแลงเหล็กขนาดใหญ่ถูกแซะไปที่ซอกระหว่างแผ่นโลหะ K-7 กับ K-8 ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำมันออกแรงเต็มตัว ชายชรา หญิงชาวเอเชีย และผู้คนอีกนับร้อยต่างมุงดูความลับที่จะถูกเปิดเผยตรงหน้า ชายหนุ่มกระแทกชะแลงเข้าอย่างจัง จนแผ่นโลหะแผ่นนั้นหลุดออก เบื้องหน้าคือแผ่นกระจกบรรจุของเหลวสีน้ำนม
“อะไรน่ะ คุณนายช่างเช็คสภาพ” หญิงสาวชาวเอเชีย เดินเข้ามาด้านหลังชายหนุ่ม
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมจะลองเคาะมันดู คุณถอยไปก่อน” ชายหนุ่มพูด
ชายหนุ่มวาดชแลงไปในอากาศ และเหวี่ยงมันกระทบกับกระจกแก้ว กระจกแก้วแตกทันทีทันใด ของเหลวขาวขุ่นไหลทะลักปะทะผู้คนที่ยืนมุงดูจนหกล้มคลุกคลาน
ซักพักหนึ่ง ชายหนุ่มช่างเช็คสภาพรั้งตัวเองขึ้นจากพื้นได้ เบื้องหน้าของเขาเป็นสิ่งที่ทำให้เขาผงะถอยออกมา ภาพที่เขาเห็นคือหญิงสาวในสภาพเปลือยกายถูกเชื่อมโยงด้วยสายระโยงระยางอยู่ภายในเจ้าเมือง
ลัดดา
คนงานทั้งหมดในเมืองพูดชื่อนี้ขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน
ทันใดนั้นเสียงจุดระเบิดของเครื่องเตาแอกซีเมียมก็ถูกจุดขึ้นจากใครหรืออะไรบางอย่าง ความร้อนจากไฟบรรลัยกัลป์ตรงเข้าเผาผลาญเมืองทั้งเมือง ชายหนุ่ม ชายชรา และหญิงเอเชีย ระเหิดกลายเป็นไอฉับพลัน สมองที่ประกอบด้วยวงจรนับล้านกลายเป็นควันภายในเสี้ยววินาที
ที่เหลือก็คงเป็นเพียงความรู้สึก อารมณ์ และภาพความทรงจำบางอย่างที่การันต์ได้รับ และจะจดจำไปจนถึงวันสุดท้ายของจักรวาล
ลูกบอลทรงกลมนามว่าเจ้าเมืองถูกเคาะซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สนุกดีครับ บรรยายได้เห็นภาพเลย แต่ไม่เข้าใจเรื่องและประเด็นที่ต้องการสื่อครับ