17/12/2012
เด็กน้อยมองผ่านกล้องดูดาวของเขาอีกครั้ง จุดสีขาวเล็กๆ ที่ริมขอบฟ้าทางทิศตะวันตกยังคงปรากฏอยู่เช่นเดิม เขาไม่ได้ตาฝาดไป เด็กน้อยหันกลับไปหาหนังสือคู่มือดูดาวฉบับกระเป๋าที่แถมมากับตัวกล้อง ตามข้อมูลที่หนังสือเล่มนี้ระบุเอาไว้ ไม่ควรจะมีสิ่งใดปรากฏอยู่บนฟากฟ้า ณ ตำแหน่งนั้น
พ่อของเขาที่กำลังนอนดูการถ่ายทอดสดอเมริกันฟุตบอลคู่โปรดอย่างสบายอารมณ์ ดูจะไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องการค้นพบครั้งประวัติศาสตร์ที่ลูกชายกำลังเล่าให้ฟังอย่างตื่นเต้น
“หนังสือเล่มเล็กๆ ของลูกนั่นเชื่อไม่ได้หรอก”
สายตาของเขายังคงไม่ละจากหน้าจอโทรทัศน์
“ถ้าลูกสนใจมากขนาดนั้น วันเสาร์หน้าพ่อจะพาลูกไปหาซื้อหนังสือเกี่ยวกับการดูดาวแบบจริงๆ จังๆ เลย”
#####
เจฟ พึ่งได้รับตำแหน่งใหม่ในหอดูดาวแห่งอริโซนาเมื่อไม่นานมานี้ เขามาขึ้นเวรตามปกติเหมือนเช่นเคย งานประจำในช่วงนี้ของเขาคือการตรวจสอบแผนที่ของดวงดาราในขอบฟ้าทางทิศตะวันตก การทำงานคนเดียวในยามค่ำคืนเช่นนี้ เป็นสิ่งที่เขาโปรดปรานเป็นที่สุด
เสียงเพลงบรรเลงดังผ่านลำโพงของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เขากำลังใช้งานอยู่ เครื่องเล่นเพลงขนาดจิ๋วของเขาถูกต่อเข้ากับมัน นี่เป็นการละเมิดกฎของสถานที่ทำงานแห่งนี้ แต่คืนนี้มีเขาอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น
มีข้อความหนึ่งปรากฏขึ้นบนหน้าจอ นี่ก็เป็นการละเมิดกฎอีกข้อหนึ่งเช่นกัน เรย์ เพื่อนของเขาส่งข้อความมาถึง คืนนี้เขาคงขึ้นเวรเช่นกัน พวกเขาเป็นเพื่อนที่ไม่เคยพบหน้ากันจริงๆ มาก่อน แต่พวกเขาต่างกำลังมองไปบนท้องฟ้าเดียวกัน ทำงานเหมือนๆ กัน แต่จากตำแหน่งที่อยู่ห่างไกลกันหลายร้อยไมล์
‘มีอะไรแปลกๆ ข้างบนนั่น’
สองชั่วโมงหลังจากที่ข้อความสั้นๆ นี้ถูกส่งมาถึง พวกเขาต่างกำลังช่วยกันตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดใหม่อีกครั้ง การยืนยันจากตำแหน่งที่แตกต่างกันบนพื้นโลกทำให้ผลการคำนวณมีความถูกต้องแม่นยำมากขึ้น และนั่นยิ่งทำให้พวกเขาไม่เชื่อในสิ่งที่ได้พบ
‘มันเป็นไปไม่ได้’
เรย์ส่งข้อความมาอีกครั้งหลังจากเงียบหายไปพักหนึ่ง
‘เราต้องกดปุ่มนั่น’
เจฟตอบข้อความกลับไป
‘นายจะได้กลายเป็นตัวตลกน่ะสิ’
เมื่อหลายปีก่อนเคยมีนักดาราศาสตร์ชื่อดังคนหนึ่งได้ค้นพบดาวหางดวงใหม่ ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าตื่นเต้นมากมายนัก ยังคงมีการค้นพบดาวหางที่ไม่มีใครรู้จักอยู่ แม้จะไม่บ่อยนัก แต่ชายคนนั้นได้ทำการคำนวณวิถีโคจรของมัน และได้ผลลัพธ์ที่น่าตื่นตะลึงออกมา เขาตัดสินใจกดปุ่มๆ หนึ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอบนเครือข่ายของนักดาราศาสตร์ทันที ปุ่มที่หลายคนคิดว่าเป็นเพียงเรื่องตลกของคนดูแลระบบ
การคำนวณของเขาผิดพลาดอย่างไม่น่าเชื่อ คงเป็นเพราะความตื่นเต้น บวกกับความเชื่อส่วนตัวของเขา ผลของการกระทำในครั้งนั้นทำให้เขาต้องกลายเป็นตัวตลกในวงการนักดาราศาสตร์ ไม่กี่สัปดาห์ต่อมาเขาก็หายตัวไป ไม่มีใครได้รับรู้เรื่องราวของเขาอีกเลยนับจากนั้น
แม้ว่าจะมีหลายคนแสดงความเห็นให้นำปุ่มดังกล่าวออกไป แต่มันก็ยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้
‘ไม่มีเวลาแล้ว นายดูวันที่นั่นสิ’
‘พวกเราต้องคิดผิดไปแน่ๆ’
‘ฉันจะรับผิดชอบเอง ฉันจะไม่อ้างถึงนาย’
เจฟพิมพ์ตอบกลับไปพร้อมกับเลื่อนลูกศรบนจอไปที่ปุ่มสีแดงที่อยู่ตรงมุมบนซ้ายของเครือข่ายนักดาราศาสตร์ทั่วโลก ปุ่มที่แม้แต่ตัวเขาเองก็เคยคิดว่ามันเป็นเพียงแค่เรื่องตลก นิ้วชี้ของเขาสั่นเล็กน้อยเมื่อลูกศรทับลงบนปุ่มนั้น
เขากลั้นใจแล้วกดปุ่ม มีหน้าต่างเล็กๆ เปิดขึ้นมา เขาลากแฟ้มข้อมูลที่บรรจุผลการคำนวณทั้งหมดของเขาใส่ลงในนั้น ข้อมูลทั้งหมดจะถูกอัพโหลดเพื่อให้ทุกคนสามารถนำไปตรวจสอบอีกครั้ง
ตอนนี้ข้อความสั้นๆ กำลังถูกส่งไปยังคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายนี้
‘อามาเกดอน’
ตัวอักษรสีแดงนี้กระพริบขึ้นบนหน้าจอของเจฟเช่นกัน เขายกมือขึ้นมากุมประสานกันพร้อมกับมองขึ้นไปบนฟากฟ้า และทำสิ่งที่เขาไม่ค่อยทำบ่อยนัก เขาเริ่มสวดภาวนา
‘…ขอให้ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด ถึงแม้ผมจะต้องกลายเป็นตัวตลกก็ตาม…’
#####
เจฟถูกเจ้าหน้าที่เชิญตัวออกมาจากหอดูดาวแห่งอริโซนา หลังจากที่ข้อมูลเกี่ยวกับอามาเกดอนของเขาถูกอัพโหลดไปยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เขาไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย ที่เขาอยากให้มันเป็นคือทุกอย่างเงียบสงบไปจนถึงตอนเช้า แล้ววันรุ่งขึ้นเขาก็จะกลายเป็นตัวตลก เป็นเรื่องโจ๊กในวงการไปอีกหลายเดือน
เขาเดินคอตกตามเจ้าหน้าที่เหล่านั้นไปอย่างเงียบๆ เขาไม่แน่ใจว่าพวกคนเหล่านี้จะรู้เรื่องนี้แล้วหรือไม่ แต่เขาก็เพียงแค่รำพึงรำพันอยู่ในใจเท่านั้น
‘ดาวหางกำลังจะพุ่งชนโลก พวกเราจะตายกันหมดในอีกสามวันเท่านั้น’
#####
18/12/2012
มาร์ค นั่งลงที่โต๊ะภายในห้องทำงานอันหรูหรา ซึ่งเขายังไม่ค่อยคุ้นเคยกับมันสักเท่าไร ท้องฟ้าข้างนอกยังคงมืดมิด ดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้นสู่ขอบฟ้า เขามักจะตื่นขึ้นทำงานแต่เช้าตรู่แบบนี้เป็นประจำมาหลายสิบปีแล้ว และไม่เคยคิดจะเปลี่ยน
เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้คล้ายกับอยู่ในความฝันที่ยังไม่สิ้นสุด การหาเสียงอย่างดุเดือดที่ผ่านมาสร้างความเหน็ดเหนื่อยให้กับเขาอย่างมากมาย แต่เขาจะฉีกยิ้มกว้างทุกครั้งเมื่อถูกใครๆ เรียกว่า ‘ท่านประธานาธิบดี’
งานฉลองของปีนี้จะต้องไม่เหมือนกับปีไหนๆ ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา ความฝันของเด็กชายตัวน้อยจากครอบครัวชนชั้นกลางได้กลายมาเป็นความจริงในที่สุด นี่คือจุดสุดยอดของความฝันแบบอเมริกัน แต่ยังก่อนเพราะนั่นยังไม่ใช่ความฝันทั้งหมดของเขา
‘ฉันจะต้องกลายเป็นที่จดจำ จะต้องเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของอเมริกาอันยิ่งใหญ่’
เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้นภายในห้อง ปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์ เขาหันมองไปยังที่มาของเสียง โทรศัพท์รูปทรงโบราณที่เข้ากันกับห้องหรูห้องนี้ แต่สีแดงของตัวเครื่องเป็นสิ่งที่ทำให้มันดูผิดที่ผิดทางอยู่บ้าง
มาร์คทบทวนความทรงจำของเขา เจ้าหน้าที่ที่นำเขามายัง ‘ห้องทำงานรูปไข่’ แห่งนี้เป็นครั้งแรก ได้แนะนำอะไรหลายๆ อย่างให้กับเขา และหนึ่งในนั้นก็เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์สีแดงเครื่องนี้
เขานึกออกอย่างรวดเร็วพร้อมกับรีบก้าวไปหามัน แต่ก่อนที่เขาจะยกหู ‘โทรศัพท์ฉุกเฉิน’ ขึ้นมา เขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งครั้ง และพยายามทำเสียงของเขาให้ฟังดูเยือกเย็นอย่างที่เคยถูกแนะนำให้ทำในตอนที่ต้องโต้วาทีถ่ายทอดสดกับคู่แข่งคนสำคัญของเขา
“ผมมาร์คพูดสายอยู่ครับ”
“สวัสดีตอนเช้าครับ ท่านประธานาธิบดี…ขออภัยที่ต้องรบกวนท่านแต่เช้า ผมรีรอยผู้อำนวยการองค์การนาซ่าครับ”
เสียงจากปลายสายนั้นฟังดูเยือกเย็นเหมือนกับถูกฝึกมาดีเช่นกัน
“เราเจอปัญหาอะไรหรือ”
เขาถามพร้อมกับพยายามคิดถึงความเป็นไปได้ของเรื่องร้ายๆ ที่เกี่ยวข้องกับองค์การนาซ่า สิ่งเดียวที่เขาคิดออกคือโครงการสถานีอวกาศ แต่ถ้ามีปัญหาอะไรบนนั้น นั่นก็ยังไม่ใช่เหตุผลที่เพียงพอต่อการใช้สายฉุกเฉินนี้
“เราได้รับข้อมูลที่สำคัญมา เจ้าหน้าที่ของเราได้ทำการตรวจสอบยืนยันแล้ว ข้อมูลดังกล่าวมีความถูกต้อง ผมได้สั่งให้ระงับการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวไปแล้ว แต่มันคงขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น…ในยุคนี้ข้อมูลทุกอย่างกระจายไปอย่างรวดเร็วเสมอ”
“…เรื่องอะไรล่ะ”
หรือว่าจะเป็นเรื่องของการไปเหยียบดวงจันทร์ เรื่องการผ่าศพมนุษย์ต่างดาว หรือจะเป็นเรื่องแอเรีย51 ตั้งแต่เขาได้เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ เขาก็ได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับความลับทั้งหลายที่ผู้คนและเขาเองสงสัย ความจริงเหล่านี้บางเรื่องทำให้เขาต้องประหลาดใจ และความจริงในหลายเรื่องก็แปลกประหลาดยิ่งกว่าเรื่องราวที่เล่าลือกันเสียอีก
“มีดาวหางดวงหนึ่งกำลังจะพุ่งชนโลกครับท่าน”
เสียงของรีรอยราบเรียบราวกับเขากำลังบอกว่าเช้านี้เขาพึ่งดื่มกาแฟไปแก้วหนึ่ง
“อะไรนะ”
“มีดาวหางขนาดใหญ่ดวงหนึ่งกำลังพุ่งตรงมายังโลก จากการคำนวณมันจะพุ่งชนเราในวันที่…ยี่สิบ ธันวาคม สองพันสิบสอง หรือในอีกสองวันนับจากนี้ ตำแหน่งของการตกกระทบคาดว่าน่าจะเป็นในแปซิฟิกครับ”
เขาหยุดคิดเพียงครู่หนึ่งก่อนที่จะถามต่อไป
“…ความเสียหายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นล่ะ”
“…เราคาดคะเนจากสีของมันว่าน่าจะมีแกนเป็นโลหะ…และมีขนาดใหญ่พอๆ กับเกาะฮาวาย ความเสียหาย…ก็คงพอๆ กับที่พวกไดโนเสาร์เคยเจอมาก่อนครับท่าน”
เขาเผลอส่งเสียงตวาดออกมาอย่างลืมตัว
“ทำไมเราไม่เจอมันก่อนหน้านี้ มันหลุดรอดสายตาพวกคุณไปได้ยังไง”
“ท่านครับ…ข้างบนนั่นมันกว้างใหญ่มากนะครับ และมันไม่ได้เพียงแต่หลุดรอดสายตาของพวกเราเท่านั้น แต่มันหลุดรอดสายตาของทั่วทั้งโลกเลยครับ”
เขารีบสงบจิตใจลง นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาเอะอะโวยวายอะไรแบบนี้ ตอนนี้เขาคือประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา เขามีหน้าที่ที่ต้องทำ
“เรามีแผนอะไรบ้าง”
รีรอยรีบเล่าแผนการคร่าวๆ ที่ได้จากการประชุมมันสมองของนาซ่าให้มาร์คฟังอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งขอความเห็นจากเขาด้วย
แผนการนั้นเรียบง่ายไม่มีอะไรซับซ้อน และมาร์คชอบที่มันเป็นแบบนั้น เขาคิดเสมอว่าแผนที่ดีไม่ควรจะซับซ้อน เพราะยิ่งมันมีความซับซ้อนมากเท่าใดนั่นก็หมายถึงมันจะต้องมีตัวแปรต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น และยิ่งมีตัวแปรมากเท่าไร โอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดก็จะยิ่งมากขึ้นด้วยเช่นกัน
เขาอนุมัติแผนการนั้น พร้อมกับออกคำสั่งฉุกเฉินเพื่อเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีทันที เขาจะต้องทำการขออำนาจจากที่ประชุม ให้มีอำนาจอย่างเด็ดขาดในการบัญชาการภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินนี้แต่เพียงผู้เดียว
มาร์คหวนนึกถึงเรื่องที่เขาพึ่งคิดเมื่อครู่ก่อนที่โทรศัพท์จะดังขึ้น แล้วรำพึงอยู่ในใจ
‘ฉันไม่อยากเป็นส่วนนี้ในประวัติศาสตร์เลย…ถ้ามันจะยังมีประวัติศาสตร์หลงเหลืออยู่ต่อไปนะ’
#####
“เอาล่ะ ตอนนี้เรามีอะไรบ้าง”
รีรอยถามพร้อมกับมองไปรอบๆ ห้อง กี่ปีมาแล้วนะที่มันสมองทั้งหมดของนาซ่าได้มารวมกันอยู่ในที่เดียวกันแบบนี้ แม้ว่าเรื่องราวในครั้งนี้มันจะไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ายินดีสักเท่าไร แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยเหล่านี้แล้ว ความมั่นใจของเขาก็กลับคืนมาอีกครั้ง
“เรามีกระสวยพร้อมใช้งานหนึ่งลำ”
“เรามีนักบินมือดีอีกสี่คน”
“เรามีระเบิดนิวเคลียร์สองลูก…ใหญ่ที่สุดที่เรามี และได้รับการอนุมัติให้ใช้งานแล้ว กำลังเดินทางมา”
“เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านการยิงจรวดติดหัวรบนิวเคลียร์อีกสองคน…แต่พวกเขาไม่เคยขึ้นไปบนนั้นมาก่อน…และไม่เคยผ่านการฝึกด้วย…”
“เรายิงมันจากพื้นดินไม่ได้หรือ”
เสียงหนึ่งพูดแทรกขึ้นมา ทุกคนพากันหันไปทางผู้พูดแทบจะพร้อมกัน และจากสายตาของคนเหล่านั้น ชายในชุดทหารจึงรู้ตัวว่าได้ถามคำถามที่ผิดออกไปเสียแล้ว
“ไม่ได้หรอกครับท่านนายพล จรวดของเราไม่ได้ถูกออกแบบให้ทำแบบนั้นได้…และยังมีปัญหาอื่นๆ อีกด้วย”
รีรอยตอบเขาอย่างสุภาพ เพราะนายพลท่านนี้คือ วอเรน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั่นเอง เขารีบพยักหน้าว่าเข้าใจ ก่อนที่การประชุมจะดำเนินต่อไป
“เรามีสภาพอากาศที่ไม่ค่อยจะดีนัก…แต่ก็พอจะปล่อยกระสวยได้”
“การดัดแปลงห้องเก็บของของกระสวยให้กลายเป็นฐานปล่อยจรวด และการดัดแปลงจรวดขับดันให้ทำงานกับหัวรบนิวเคลียร์ไม่น่าจะมีปัญหา เราจะเสร็จได้ทันตามกำหนด”
มือข้างหนึ่งที่ถือปากกาถูกยกขึ้น ชายร่างเล็กพร้อมแว่นตาหนาเตอะยกมือของเขาขึ้นอย่างไม่มั่นใจนัก
“…เรามีปัญหาใหญ่เรื่องหนึ่ง”
ทุกสายตาจับจ้องไปที่เขาทันที นั่นยิ่งทำให้เขาดูเหมือนกับพยายามจะถอยเข้าไปในเก้าอี้ที่กำลังนั่งอยู่ รีรอยจดจำเขาได้ในทันที นี่คือ คีย์ เขาเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง และเหมือนกับชื่อของเขา เขาคือกุญแจดอกสำคัญของหลายๆ โครงการของนาซ่า แต่ไม่ค่อยมีคนรู้จักเขามากนัก
หากเขาบอกว่าเรามีปัญหา รีรอยก็มั่นใจว่านั่นต้องเป็นเรื่องจริง และนั่นทำให้เขารู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันที
“…ระบบนำวิถีของเราใช้ไม่ได้บนนั้น ผมไม่คิดว่าแค่การคำนวณ แล้วปล่อยจรวดขับดันให้พุ่งออกไปแบบนั้นจะเป็นวิธีการที่ดี…เราต้องการระบบนำวิถี…ที่ใช้การได้ในอวกาศ”
รีรอยรู้ทันทีว่าเขาพูดถูก แต่ไม่มีใครสามารถแก้ปัญหานั้นได้ แม้แต่อเมริกาก็ไม่สามารถสร้างระบบนำวิถีในอวกาศให้เสร็จภายในเวลาเพียงวันเดียวได้ ดังนั้นจึงเหลือแต่การคำนวณอย่างแม่นยำ และการสวดภาวนาเท่านั้นที่พอจะพึ่งพาได้
มืออีกข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาเช่นกัน รีรอยหันไปถามผู้ยกมือทันที
“เรายังมีปัญหาอื่นอีกหรือท่านนายพล”
วอเรนกระแอมเบาๆ ก่อนที่จะยิ้มออกมา
“เปล่า…แต่ผมคิดว่าผมอาจจะมีคำตอบให้กับปัญหาของชายคนนั้น”
วอเรนพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่คีย์ ทุกคนในห้องพากันจ้องมองเขาเป็นตาเดียว โดยเฉพาะคีย์ เขามองไปที่ท่านนายพลอย่างสนใจ
#####
“คุณว่าอะไรนะ”
มาร์คแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ท่านนายพลวอเรนกำลังอธิบายและขอความเห็นชอบจากเขา แต่หลังจากได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมด เขาก็รีบอนุมัติให้ดำเนินการได้ทันที
“เรื่องอะไรหรือครับท่าน แจ้งให้พวกเรารับทราบด้วยได้ไหมครับ”
สมาชิกในที่ประชุมคนหนึ่งถามขึ้นอย่างสงสัย มาร์คยิ้มนิดหนึ่งก่อนที่จะตอบกลับไป
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหรอก ท่านนายพลวอเรนพึ่งโทรมาแจ้งว่า…เราต้องร้องขอการช่วยเหลือจากทางอิหร่านแค่นั้นเอง”
สมาชิกทุกคนในที่ประชุมต่างอ้าปากค้างตามที่เขาคาดเอาไว้ การประชุมดำเนินต่อไปอีกพักใหญ่ พวกเขากำลังถกกันถึงประเด็นว่าสมควรจะเปิดเผยเรื่องราวออกไปหรือไม่ อย่างไร และจะเกิดผลกระทบกับสังคมโลกอย่างไรบ้าง
แล้วท่านนายพลวอเรนก็ติดต่อกลับมาอีกครั้ง
“ข่าวร้ายครับท่าน ทางอิหร่านไม่ยอมเชื่อเรา พวกเขาคิดว่านี่เป็นหลุมพรางที่พวกเราขุดล่อให้เข้ามาติดกับ”
มาร์คนิ่งคิดนิดหนึ่ง และทบทวนถึงประเด็นที่ถกกันอยู่เมื่อครู่ ก่อนที่จะถามกลับไป
“เรามีเวลาสักเท่าไร”
“ระบบนำวิถีในอวกาศพร้อมผู้เชี่ยวชาญต้องมาถึงให้เร็วที่สุด เราอาจต้องทำการดัดแปลงระบบให้เข้ากับสิ่งที่เราเตรียมเอาไว้”
“หมายถึงยิ่งเร็วเท่าไรก็ยิ่งดีใช่ไหม”
“ครับท่าน”
“…ผมจะจัดการเอง”
“ท่านจะติดต่อกับทางผู้นำอิหร่านโดยตรงหรือครับ…แต่กว่าทุกอย่างจะ…”
“ไว้ใจผมสิ ผมมีวิธีการที่รวดเร็วและได้ผลอยู่”
“…ครับท่าน”
หน่วยสืบราชการลับของเรารู้มาพักหนึ่งแล้วว่าทางอิหร่านได้แอบพัฒนาระบบนำวิถีในอวกาศขึ้นมาได้สำเร็จ และพวกเขามีแผนที่จะใช้การปล่อยดาวเทียมทางธุรกิจบังหน้า เพื่อแอบส่งดาวเทียมทางการทหารที่มีการติดตั้งฐานปล่อยจรวดขึ้นไป เพื่อใช้ขู่ที่จะโจมตีเราจากบนนั้น
ทางอิหร่านคงต้องตกใจมากหากดาวเทียมที่พวกเขาทุ่มเงินลงไปมหาศาลจะระเบิดเป็นผุยผงในทันทีที่มันขึ้นสู่อวกาศ โครงการ สตาร์วอร์ส ของเราไม่ได้เป็นเรื่องเล่นๆ อย่างที่หลายคนถูกทำให้เข้าใจ เรามีเครือข่ายอยู่บนนั้นที่จะสามารถสอยดาวเทียมดวงใดๆ ลงมาก็ได้ แต่น่าเสียดายที่มันไม่สามารถใช้ต่อกรกับดาวหางขนาดยักษ์นั่นได้
มาร์คตัดสินใจทันที
‘นี่เป็นวิธีการที่เร็วที่สุด…และหวังว่ามันคงจะได้ผล…ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง’
#####
หลังจากที่ท่านประธานาธิบดีพูดจบ ภายในห้องแถลงข่าวของทำเนียบขาวเกิดความเงียบงันขึ้นครู่หนึ่ง ก่อนที่ความสับสนวุ่นวายจะระเบิดขึ้น นักข่าวทุกคนต่างพยายามแย่งชิงกันถามคำถาม ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องพยายามเข้าควบคุมสถานการณ์ภายในห้อง
แต่มาร์ครู้ดีว่านี่เทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นที่หน้าจอโทรทัศน์ เขาเลิกจินตนาการถึงปฏิกิริยาของผู้คนทั่วโลก แล้วยกมือขึ้นเพื่อให้ทุกคนในห้องอยู่ในความสงบ
“เรา…อเมริกามีแผนรับมือกับวิกฤติการณ์ในครั้งนี้เรียบร้อยแล้ว กระสวยอวกาศบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์จะออกบินในเช้าวันพรุ่งนี้ ดาวหางจะถูกยิงทำลาย แล้วทุกอย่างจะเรียบร้อยภายในตอนเย็น ทุกท่านจะได้เข้านอน และตื่นขึ้นในตอนเช้า…”
เขามองจ้องตรงไปยังกลุ่มของกล้องถ่ายทอดที่ตั้งรวมกันอยู่
“…โลกจะยังคงอยู่ และรวมถึงพวกเราทุกคนด้วย อเมริกาจะปกป้องโลกนี้เอาไว้ให้ได้ ผมขอให้คำมั่นสัญญากับพวกท่านทุกคน…”
เขาเว้นจังหวะนิดหนึ่งเพื่อดึงความสนใจของทุกคนอีกครั้ง
“ขอพระเจ้าคุ้มครองโลก…และพวกเราทุกคน”
เกิดความเงียบงันขึ้นภายในห้องแถลงข่าวอีกครั้ง
“รายละเอียดของปฏิบัติการ ท่านผู้อำนวยการองค์การนาซ่าจะมาแจกแจงให้ทุกท่านทราบต่อไป”
มาร์คเดินออกจากห้องโดยปล่อยให้รีรอยรับมือกับนักข่าวแทน เจ้าหน้าที่ทหารคนหนึ่งรีบเดินเข้ามาหาเขาพร้อมส่งโทรศัพท์ให้
“ท่านนายพลวอเรนขอเรียนสายด้วยครับ”
มาร์คคาดได้ทันทีว่าเป็นเรื่องอะไร เมื่อข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปทั่วโลก แม้แต่อิหร่านก็คงต้องยอมร่วมมือกับอเมริกา แต่ก็ยังมีเรื่องที่เขาคาดไม่ถึงอยู่ด้วย
“…ทางอิหร่านต้องการให้เราจ่ายเงินซื้อระบบนำวิถีของเขาครับท่าน”
มาร์คแทบไม่เชื่อหูตัวเอง แต่เขาก็ไม่ถามถึงราคาที่ทางอิหร่านเสนอมา ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องให้ระบบนำวิถีในอวกาศมาถึงสถานีส่งยานโดยเร็วที่สุด
“บอกไปเลยว่าเราตกลง…”
แล้วเขาก็พูดเสริมขึ้นอีกนิด
“…แต่ขอจ่ายหลังวันที่ยี่สิบนะ”
#####
คืนนั้นเป็นคืนที่ยาวนานคืนหนึ่งของเจ้าหน้าที่ประจำสถานีส่งยาน และช่างเทคนิคทุกคน ที่ต้องเร่งทำงานกันตลอด พวกเขานำส่วนประกอบต่างๆ มารวมเข้าด้วยกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดออกมา ทุกอย่างต้องถูกตรวจสอบซ้ำหลายรอบจนกว่าจะมั่นใจ และมันเป็นคืน หรือวันที่ยาวนานของผู้คนทั่วโลกด้วยเช่นกัน พวกเขามารวมตัวกันในครอบครัว พูดคุยกัน หรือไม่ก็พากันไปยังสถานที่ต่างๆ ที่จัดให้มีการสวดภาวนาร่วมกัน
ในช่วงเวลานั้นจิตใจของผู้คนทั้งโลกได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันเป็นครั้งแรก
#####
19/12/2012
มาร์คกำลังมุ่งหน้าไปยังห้องแถลงข่าวของสถานีส่งยาน โดยมีรีรอยเดินเข้ามาสมทบกับเขา
“เราพร้อมมั้ย”
เขาถามสั้นๆ
“พร้อมซะยิ่งกว่าพร้อมอีกครับท่าน”
รีรอยตอบด้วยความมั่นใจ และนั่นเรียกรอยยิ้มจากท่านประธานาธิบดีออกมาได้
“คุณต้องไม่เชื่อแน่ว่าใครโทรหาผมเมื่อคืนนี้”
“…ไมเคิล แจ็คสัน หรือครับท่าน”
รีรอยตอบยิ้มๆ ดูเหมือนเช้าวันนี้เขาจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“พระสันตะปาปาต่างหาก”
“…องค์ที่อยู่ที่โรมน่ะหรือครับ”
รีรอยทำหน้างงๆ
“พระองค์มีเรื่องขอร้องผมเรื่องหนึ่ง”
“…ให้เราสวดขอพรก่อนส่งยานหรือครับ”
“เปล่า พระองค์ต้องการให้ผมเปลี่ยนชื่อกระสวยอวกาศของเรา”
#####
หลังจากที่ประธานาธิบดีมาร์คได้แถลงข่าวเรื่องดาวหางดวงนี้ออกไป ในช่วงแรกสถานีโทรทัศน์ทั่วโลกต่างพากันนำเสนอสารคดี และข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องดาวหางพุ่งชนโลก มีการเชิญนักวิชาการชื่อดังต่างๆ มาให้ข้อมูล แต่ไม่นานหลังจากนั้นเมื่อทุกคนได้รับรู้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ การนำเสนอข่าวก็เปลี่ยนไปราวกับนัดกันไว้
มีการเชิญผู้นำทางศาสนาต่างๆ และบุคคลที่เป็นผู้นำทางจิตรวิญญาณมาพูดคุยกัน มีการถ่ายทอดพิธีการทางศาสนาต่างๆ ที่จัดขึ้น รวมถึงภาพของผู้คนทั่วโลกที่ออกมารวมตัวกันเพื่อสวดภาวนาขอให้โลกรอดพ้นจากภัยพิบัติในครั้งนี้
เมื่อเวลาปล่อยกระสวยอวกาศใกล้เข้ามา ทุกสายตาก็พากันมารวมกันอยู่ที่สถานีส่งยาน ณ แหลมคานาเวอรัลแห่งนี้ ภาพของประธานาธิบดีมาร์คที่ก้าวไปยังแท่นอย่างมั่นใจถูกถ่ายทอดไปทั่วโลก ที่เบื้องหลังของเขาคือแถวของนักบินอวกาศ และเจ้าหน้าที่ประจำยานจำนวนแปดคน ซึ่งสองคนในนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญชาวอิหร่านที่ต้องทำหน้าที่รับผิดชอบระบบนำวิถีในอวกาศของพวกเขา
“สวัสดีพี่น้องชาวโลกทุกคน”
เมื่อต้องเอ่ยมันออกมาดังๆ เป็นครั้งแรก คำว่าชาวโลกนี้ให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาดกับเขา มันเป็นคำที่มีพลังอย่างไม่น่าเชื่อ
“ที่ยืนอยู่ทางด้านหลังของผมนี้คือเหล่าผู้กล้า ตัวแทนของพวกเราในการขึ้นไปปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ ภารกิจที่จะไม่มีคำว่าล้มเหลว”
เขาจงใจเน้นเสียงแสดงความมั่นใจออกมา ซึ่งอาจจะมากกว่าที่เขามีอยู่จริงๆ เสียอีก เขาเริ่มแนะนำชื่อ และหน้าที่ของแต่ละคน ซึ่งเมื่อมาถึงหนุ่มชาวอิหร่านทั้งสองคน เขาต้องตั้งใจอ่านชื่อที่ไม่คุ้นปากของเขาอย่างช้าๆ เขาไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาดในการแถลงวันนี้แม้แต่นิดเดียว
เขาแถลงสรุปขั้นตอนของภารกิจอย่างย่อๆ ให้ฟังอีกครั้ง ก่อนที่จะเริ่มกล่าวปิดการแถลงในครั้งนี้
“และด้วยคำแนะนำจากองค์พระสันตะปาปา กระสวยอวกาศในภารกิจของเราในครั้งนี้จะถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นโฮป”
เขาหยุดนิดหนึ่งเพื่อดึงความสนใจจากทุกคน
“ความหวังของมวลมนุษยชาติจะพุ่งทะยานขึ้นสู่สรวงสวรรค์ และด้วยความหวังนี้พวกเราจะฝ่าฟันอุปสรรคในครั้งนี้ไปให้ได้…หากเรายังคงมีความหวังวันพรุ่งนี้จะต้องมาถึง”
“ขอพระเจ้า…ของพวกเราทั้งมวล จงคุ้มครองชาวโลก…ขอบคุณครับ”
#####
“ห้า…สี่…สาม…สอง…”
“…หนึ่ง…ปล่อยได้”
เปลวไฟพร้อมเสียงคำรามของจรวดขับดันดังก้อง ไอน้ำที่เกิดขึ้นจากการถ่ายเทความร้อนของจรวดไปยังน้ำปริมาณมหาศาลที่อยู่ในสระใต้จรวดขับดันพวยพุ่งเหมือนควันออกไปทุกทิศทาง กระสวยอวกาศโฮปพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เสียงผู้บรรยายทางโทรทัศน์ดังขึ้นในหลากหลายภาษา แต่แทบจะแปลความหมายออกมาได้เป็นอย่างเดียวกัน
“ความหวังของมวลมนุษยชาติได้โบยบินขึ้นไปแล้ว”
#####
“เป็นยังไงบ้าง”
มาร์คส่งเสียงถามรีรอยหลังจากเดินเข้าไปในศูนย์ควบคุม เขาพึ่งจะกลับมาจากงานที่โบสถ์
“มีปัญหานิดหน่อย แต่ตอนนี้กระสวยก็เข้าประจำตำแหน่งเรียบร้อยแล้วครับ”
น้ำเสียงของเขาฟังดูเคร่งเครียดต่างไปจากเมื่อเช้านี้ ดูเหมือนจะมีหลายเรื่องเกิดขึ้นที่นี่ ในตอนนั้นเองเสียงของหัวหน้านักบินอวกาศ ผู้นำภารกิจในครั้งนี้ก็ดังขึ้น
“ข้อมูลปัจจุบันของดาวหางจากอุปกรณ์บนนี้ถูกส่งลงไปเรียบร้อยแล้ว เราต้องการทราบพิกัดการยิงโดยเร็วที่สุด”
“ไม่ต้องรีบร้อนไป เรายังมีเวลา ตอนนี้ที่เราต้องการคือความถูกต้องแม่นยำมากกว่า”
รีรอยตอบพร้อมหันไปสั่งการกับเจ้าหน้าที่อีกสองสามคน
“ขอตัวก่อนนะครับท่าน”
มาร์คพยักหน้ารับทราบ รีรอยรีบเดินไปยังห้องประชุมที่ทุกคนกำลังรออยู่ ซึ่งรวมถึงคีย์ วอเรน และเจฟ นักดาราศาสตร์ผู้ค้นพบดาวหางดวงนี้ด้วย
#####
“พิกัดการยิงพร้อม”
“จรวดขับดันพร้อม”
“ระบบจุดระเบิดหัวรบนิวเคลียร์พร้อม”
“ระบบนำวิถีในอวกาศพร้อม”
เสียงแปร่งๆ ของชาวอิหร่านที่ดังผ่านลำโพงออกมาสร้างรอยยิ้มเล็กๆ ให้ใครหลายคน แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น ความตึงเครียดก็แผ่กระจายเข้าครอบคลุมทั่วทั้งศูนย์ควบคุม หรืออาจจะเป็นทั่วทั้งโลก
“การทบทวนขั้นตอนทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์…ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ”
รีรอยหันไปหามาร์ค เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งครั้ง
“…ปล่อยจรวดลูกที่หนึ่งได้”
#####
ผู้คนทั่วทั้งโลกในตอนนี้แทบจะหายใจเข้าออกเป็นจังหวะเดียวกัน ภาพของจรวดลูกหนึ่งพุ่งทะยานออกสู่อวกาศที่มืดมิด ในใจของทุกคนต่างคิดถึงเรื่องเดียวกัน
’ขอให้โดนด้วยเถิด’
#####
ความสับสนวุ่นวายระเบิดขึ้นภายในศูนย์ควบคุม เสียงรายงานของนักบินอวกาศดังฝ่าเสียงของความโกลาหล
“ยืนยันการระเบิดของหัวรบ ยืนยันการระเบิดของหัวรบ”
“…จรวดพลาดเป้าหมาย…ยืนยันอีกครั้ง จรวดพลาดเป้าหมาย จรวดของเราระเบิด แต่ระบบนำวิถีมีความผิดพลาดเกิดขึ้น…ยืนยัน…”
“…จรวดพลาดเป้าหมาย…ดาวหางยังคงอยู่”
“…ยืนยัน…ดาวหางยังคงอยู่”
“อยู่ในความสงบด้วย”
รีรอยตวาดด้วยเสียงดังอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ทุกคนต่างหันมามองเขาอย่างตกใจ เขาพูดต่อด้วยเสียงที่เบาลง
“เราต้องการข้อมูลทั้งหมดนำมาวิเคราะห์ใหม่อีกครั้ง เรายังมีจรวดอยู่อีกลูกหนึ่ง เราไม่ต้องการความตื่นตระหนก ที่เราต้องการคือคำตอบ”
ทุกคนต่างหันกลับไปทำหน้าที่ของตนอีกครั้ง มาร์คเดินเข้ามาตบไหล่รีรอย
“ฝากที่นี่ด้วยนะ”
เขาพูดก่อนที่จะเดินไปยังประตูห้อง รีรอยรู้ดีว่าเขาจะไปไหน กองทัพสื่อมวลชน และชาวโลกที่ตื่นตระหนกกำลังรอคอยเขาอยู่
#####
“ระบบนำวิถีไม่ได้บกพร่อง”
คีย์ย้ำอีกครั้ง
“เราตรวจสอบแล้ว มันทำงานได้อย่างที่มันควรจะทำ แต่มันไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ยิงใส่ดาวหางที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง แกนของมันเคลื่อนที่ผ่านอวกาศพร้อมกับส่งอนุภาคต่างๆ ออกมาโดยรอบ กระแสของอนุภาคเหล่านั้นทำให้การคำนวณเกิดความคลาดเคลื่อนขึ้น”
“เราแก้ไขมันได้ไหม”
รีรอยถาม
“เราเพิ่มข้อมูลจากจรวดลูกแรกเข้าไปในระบบแล้ว คราวนี้มันควรจะทำงานได้อย่างถูกต้อง…”
วอเรนพูดแทรกขึ้น
“…แต่เรามีจรวดอีกเพียงลูกเดียว…และเราจะพลาดไม่ได้อีกแล้ว”
ทุกคนพากันนิ่งเงียบก่อนที่รีรอยจะพูดขึ้น
“ท่านนายพลวอเรนพูดถูก เราเสี่ยงไม่ได้อีกแล้ว”
เขาหันไปมองวอเรน ทั้งสองสบตากันพร้อมทั้งพยักหน้า คีย์มองคนทั้งสองด้วยความสงสัย พวกเขามีแผนอะไรซ่อนอยู่กันแน่
#####
มาร์ค รีรอย และวอเรนกลับมาเจอกันในศูนย์ควบคุมอีกครั้ง คราวนี้คีย์ติดตามพวกเขาเข้ามาด้วย เขาเริ่มจะคาดเดาแผนของรีรอย และวอเรนได้แล้ว
“เราต้องใช้แผนสำรองครับท่าน”
รีรอย รายงานให้มาร์คทราบ
“แผนสำรอง…เรามีแผนสำรองว่ายังไงล่ะ”
คีย์ที่ยืนฟังอยู่จึงรู้ว่ามาร์คไม่รู้แผนของพวกเขามาก่อน วอเรนเดินเข้ามาก่อนที่จะพูดขึ้นว่า
“ผมจะอธิบายให้ท่านทราบเอง”
รีรอยจึงแยกไปทำการติดต่อกับหัวหน้านักบินอวกาศ
“ข้างบนนั่นเรียบร้อยดีไหม”
“เรียบร้อยดีครับท่าน”
“พวกเขาสร้างปัญหาหรือเปล่า”
“ไม่เลยครับท่าน…ดูเหมือนว่าพวกเขาเองก็พอจะรู้ตัวอยู่ก่อนแล้ว และให้ความร่วมมือกับเราเป็นอย่างดี…เราจะเริ่มปฏิบัติการเมื่อไหร่ครับท่าน”
“…รออีกสักครู่หนึ่ง”
รีรอยหันกลับไปดูมาร์ค กับวอเรนที่กำลังพูดคุยกัน ท่าทางของมาร์คแสดงความตกใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
‘เขาคงรู้แล้ว’
#####
มีการถ่ายทอดภาพและเสียงของเหล่านักบินอวกาศไปทั่วทั้งโลก พร้อมกับการเปิดเผยรายละเอียดของแผนสำรองที่แสนจะบ้าบิ่น ระบบนำวิถีของจรวดมีข้อบกพร่อง ดังนั้นจึงไม่อาจเสี่ยงได้อีก พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะใช้ระบบนำวิถีอีกอันหนึ่งในการนำพาจรวดลูกสุดท้ายไปสู่เป้าหมาย
พวกเขาจะขับกระสวยอวกาศโฮปที่บรรทุกหัวรบนิวเคลียร์พุ่งชนดาวหางดวงนั้น
#####
นักบินอวกาศแต่ละคนได้ใช้เวลากล่าวคำอำลากับผู้คนบนโลก แต่ละคนต่างกล้าหาญมุ่งมั่น และไม่เสียใจในการกระทำของตน หนุ่มชาวอิหร่านคนแรกได้พูดว่า
“ที่อยู่บนกระสวยอวกาศลำนี้ไม่ใช่ชาวอิหร่าน ไม่ใช่ชาวอเมริกัน…แต่เป็นชาวโลก…ข้างล่างนั่นก็เช่นกัน…พวกเราทุกคนล้วนเป็นชาวโลก แต่เราไม่เคยตระหนักถึงมันมาก่อน…และตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไป”
แต่คำพูดทิ้งท้ายสั้นๆ ของหนุ่มชาวอิหร่านอีกคนหนึ่งได้เรียกรอยยิ้มให้เกิดขึ้นทั่วโลก
“ผมคิดแล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ พวกผมเองก็ชอบดูหนังฮอลลีวูดเหมือนกัน”
#####
ภาพของดาวหางที่ค่อยๆ เคลื่อนตรงมายังกระจกหน้าของกระสวยอวกาศโฮปถูกถ่ายทอดจนกระทั่งสัญญาณขาดหายไป ในที่สุด
“ยืนยันการระเบิดของเป้าหมาย…ยืนยันการระเบิดของเป้าหมาย”
เสียงประกาศเรียบๆ จากเจ้าหน้าที่ภายในศูนย์ควบคุม
“ดาวหางถูกระเบิดเรียบร้อยแล้ว”
แม้ทุกคนจะยินดีแต่ก็ไม่มีใครส่งเสียงตะโกนโห่ร้องออกมา พวกเขาได้แต่ดีใจอยู่เงียบๆ ผิดกับข้างนอกนั่น ที่ผู้คนทั่วทั้งโลกต่างพากันร้องตะโกนด้วยความยินดี
“โอ๊ะ โอ”
เสียงของคีย์ดังขึ้นท่านกลางความเงียบ เขากำลังก้มตัวอยู่เหนือเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง รีรอยรีบเดินเข้าไปหา เขาไม่ชอบน้ำเสียงของคีย์เลย มาร์คกับวอเรนรีบตามมาสบทบ
“ดาวหางถูกระเบิดก็จริง…แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ดูเหมือนยังมีบางส่วนของมันเหลือรอดอยู่…จากขนาดที่ตรวจพบคงสร้างความเสียหายให้กับโลกได้ไม่น้อย…มันกำลังเคลื่อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว…”
ความโกลาหลวุ่นวายเกิดขึ้นในศูนย์ควบคุม รีรอยรีบเข้าคุมสถานการณ์อีกครั้ง
“หาเส้นทางของมัน เราจะใช้จรวดที่มีทั้งหมดยิงมันจากพื้นโลก”
เจ้าหน้าที่ทั้งหมดกลับคืนสู่ตำแหน่งของตนในเวลาเพียงไม่นาน พิกัดของมันปรากฏขึ้นบนหน้าจอขนาดใหญ่ในศูนย์ควบคุม
“ส่งพิกัดไปให้กับทุกประเทศทั่วโลก ใครที่สามารถยิงมันได้ให้ยิงทันที”
มาร์คตะโกนสั่งอย่างตื่นเต้น แต่ในขณะนั้นเอง เจฟ และคีย์ต่างมองดูตัวเลขแสดงพิกัดนั้นอย่างไม่เชื่อสายตา ทั้งสองคุ้นเคยกับตัวเลขเหล่านั้น แต่มันไม่น่าจะเป็นไปได้เลย
รีรอยที่เห็นท่าทางแปลกๆ ของทั้งสองจึงหันไปถามคีย์
“มีอะไรหรือ”
รีรอยไม่เข้าใจคำตอบของเขา มันดูไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นนี้เลย เขาตอบมาว่า
“…ดวงจันทร์…”
#####
คำตอบของคีย์ได้รับการเฉลยในไม่ช้า พิกัดที่ว่าตรงกันกับตำแหน่งการโคจรของดวงจันทร์ในช่วงเวลานั้นพอดี เศษดาวหางส่วนที่เหลือกระแทกชนเข้ากับดวงจันทร์อย่างพอดิบพอดี ส่งผลให้ทั้งดาวหาง และดวงจันทร์แตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย โลกปลอดภัยในที่สุด ทุกคนในศูนย์ควบคุมต่างคิดถึงสิ่งเดียวกัน มีเพียงคำเดียวเท่านั้นที่เหมาะสม
‘ปาฏิหาริย์’
#####
20/12/2012
ระหว่างงานฉลองเจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้ตรงเขามาหาเขาพร้อมกับโทรศัพท์ในมือ
“เรื่องด่วนครับท่าน จากผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ทางทะเลครับ”
มาร์คขมวดคิ้ว ยังมีเรื่องอะไรอีกนะ เขารับสายด้วยใจคอไม่ค่อยดี
“ขอโทษที่ต้องรบกวนกลางงานแบบนี้นะครับท่าน แต่ผมมีข่าวด่วนที่ต้องแจ้งให้ท่านทราบ…ข่าวร้ายน่ะครับท่าน”
“ว่ามาเลยครับ”
“…จากการที่เราสูญเสียดวงจันทร์ไปได้ส่งผลกระทบกระเทือนที่ร้ายแรงขึ้นแล้วครับ ระบบน้ำขึ้นน้ำลง และกระแสน้ำทั่วโลกเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว…และยิ่งเวลาผ่านไปผลกระทบของมันจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ”
“…จะมีผลกระทบรุนแรงแค่ไหน”
“…ท่านครับ…สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในทะเลทั้งหมดบนโลกของเราวิวัฒนาการมาพร้อมกับระบบนี้ และตอนนี้ระบบได้ถูกทำลายไปแล้ว ระบบนิเวศน์ในทะเลทั้งหมดกำลังจะล่มสลาย สัตว์ทะเลจะตายลงเป็นจำนวนมากมายมหาศาล…”
มาร์คเริ่มมองเห็นภาพรวมของผลกระทบที่กำลังจะเกิดขึ้น
“…ปริมาณอาหารของโลกจะลดลงอย่างรวดเร็ว…เราจะประสบปัญหาการขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรงในไม่ช้าครับท่าน”
มาร์คส่งโทรศัพท์คืนให้กับเจ้าหน้าที่อย่างเลื่อนลอย ท่ามกลางงานฉลองที่กำลังดำเนินไป เขาพึ่งตระหนักได้ว่าสงครามครั้งสุดท้ายจะมีหน้าตาที่น่าเกลียดเพียงใด ประเทศต่างๆ และผู้คนทั่วโลกจะก่อสงครามเพียงเพื่อการแย่งชิงอาหารกันเท่านั้น
นี่จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นของวันสิ้นโลกที่แท้จริง
อ่านสนุกมากครับ ดำเนินเรื่องช่วงแรกคล้ายกับหนังหรือหนังสือที่คุ้นเคย แต่อ่านไปสักพักก็คาดว่าน่าจะมีอะไรให้ประหลาดใจอยู่แน่ ๆ
และไม่ผิดหวังจริง ๆ กับตอนจบหักมุมแบบเรื่องสั้นที่นิยายวิทยาศาสตร์มักจะทำได้ดีกว่านิยายแนวอื่น ๆ
อีกอย่างที่ชอบมากคือมุกตลกครับ อ่านแล้วยิ้มได้เรื่อย ๆ และทำให้สนุกขึ้นมากครับ
ไอเดียและแนวคิดหลายๆส่วนดีมากๆเลยครับ ผมชอบมาก >_<
(แต่การเล่าเรื่องอาจจะยังเบาบางเกินไป… ในมุมมองของผมนะ…..)
ชอบครับ เนื้อเรื่องน่าติดตาม ตอนจบนี้ โอเคเลย ทำให้อยากคิดต่อว่า สงครามที่ว่าจะรุนแรงแค่ไหน ณ ตอนนั้นน่ากลียุคแล้ว
เป็นผมจะสร้างพระเอกขึ้นมาอีกคน ทำงานอยู่ใต้ดิน เป็นักวิทยาศาสตร์ระดับหัวกะทิ
รวมกลุ่มกับองค์กรลับ หาวิธีสร้างดวงจันทร์เทียมขึ้นมา (แก้ปัญหาตรงจุดไปมั้ยเนี่ย)
ไม่น่าเชื่อว่าจะมีวิทยาการที่ทำได้ (องค์กรลับ (ของอเมริกา) เป็นผู้พัฒนาอย่างลับๆ มานานหลายสิบปีแล้ว) โดยต้องยอมเสียพื้นที่บนโลกไปส่วนหนึ่ง ใช้วิธีสร้าง Area ที่เป็นสูญญากาศไว้ ระเบิดผิวดินที่ต้องการให้ลอยเข้าไปอยู่ใน Area นั้น เคลื่อนย้ายไปทับวงโคจรเดิมของดวงจันทร์
ตอนจบพระเอกตาย เพราะต้องเสียสละอะไรซักอย่าง 555
งงอีกแล้วครับ