วีรบุรุษ โดย อติเทพ: รางวัลชมเชยการประกวดเรื่องสั้นไซ-ไฟ ครั้งที่ 1 หัวข้อ “พลังจิต”

ความรู้สึกของคอลินเมื่ออยู่ในโหลแก้วแคปซูลขนาดเท่ามนุษย์นั้นเป็นเหมือนเช่นทุกครั้ง ตื่นเต้น รอคอย หวาดกลัว หายใจไม่ทั่วท้อง นักวิทยาศาสตร์เชิงจิตวิทยา ชีววิทยาระดับหัวกะทิ ชั้นนำของโลกเกือบสามสิบคนกำลังมองมาที่เขา ณ เครื่องควบคุมที่อยู่ตรงหน้าเขา ดร.มิเกล นักจิตวิทยาวัยห้าสิบห้าซึ่งเป็นหัวหน้าการทดลองเป็นผู้ควบคุม เขามองมาที่ผู้เสียสละในแคปซูลแก้วด้วยสายตาที่เป็นห่วง ก่อนจะสลัดแววตานั้นแล้วก้มลงเปิดกลไกการทำงานของระบบอย่างมั่นใจ คอลินหลับตาพยายามให้ตัวเองผ่อนคลายที่สุด เขารู้ว่าการทดลองครั้งนี้สำคัญแค่ไหน มีเพียงสองสิ่งที่ดร.มิเกลสั่งให้เขาทำคือ ทำจิตใจให้ว่างและอย่างที่สองคืออดทน

เมื่อกลไกเริ่มทำงานน้ำสีเขียวไหลออกมาจากด้านบน มันค่อยๆท่วมตัวเขาไปเรื่อยๆจนเต็ม คอลินรู้ดีว่าน้ำสีเขียวเหล่านั้นคือยาพิษ! เขาสัมผัสได้จากจิตใจที่สงบ พิษร้ายเหล่านั้นถูกตั้งระบบทางชีววิทยาให้พุ่งเข้าสู่สมองแทนที่จะเข้าสู่หัวใจ จุดประสงค์ครั้งนี้อาจโหดร้าย คอลินอาจต้องตายและกลายเป็นคนพิการเพราะสมองของเขากำลังถูกกัดกินและทำลายด้วยยาพิษ! ณ ขณะนี้ทุกคนต่างเอาใจช่วยเขา คอลินยังรู้สึกเฉยกับมัน ความก้าวหน้าทางการแพทย์ในยุคของเขาสามารถฟื้นฟูผู้ที่ระบบการทำงานของร่างกายล้มเหลวทุกส่นให้กลับมาเป็นคนปกติได้ภายในสองสัปดาห์ สามารถปลูกถ่ายต่อแขนขาของผู้ที่พิการได้ในสองชั่วโมง และแน่นอนว่าดร.มิเกลย่อมไม่ปล่อยให้เขากลายเป็นคนปัญญาอ่อนทั้งๆที่มีวิทยาการคอยช่วยอย่างครบครันแน่ คอลินรู้สึกว่างเปล่า ตอนนี้ระบบสมองทั้งหมดของเขาถูกทำลายหมดแล้ว สำหรับดร.มิเกลการที่คอลินยังไม่ตายนั่นคือความคุ้มทุนในการทดลองครั้งนี้ ขั้นต่อไปคือการเอากำไร น้ำสีเขียวถูกระบบในแคปซูล ระบายออกไปก่อนจะปล่อยน้ำสีฟ้าใสลองไปจดเต็มแคปซูลเช่นครั้งก่อน มันเป็นน้ำยาที่ใช้ฟื้นฟู สภาพของเซลล์เปี่ยมด้วยพลังจากสเตมเซลล์วิทยาการล้ำสมัยจากโลกเมื่อร้อยปีก่อน สเตมเซลล์ล์เหล่านี้จะออสโมซิสผ่านผิวหนังเพื่อฟื้นฟูจุดต่างๆ คอลินรู้สึกสบายไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ จนน้ำสีฟ้า ท่วมศีรษะของเขา ทันใดนั้นความเจ็บปวดรุนแรงพลันปรากฏขึ้น

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” คอลินร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด นี่คือขั้นตอนส่วนที่ยากที่สุดและเป็นจุดพลิกผันของการทดลอง ทุกคนในห้องวิจัยต่างเอาใจช่วยเขา ดร.มิเกลยังคงตั้งสติเฝ้ารอผลอย่างใจจดจ่อ ในแคปซูลแก้วคอลินดิ้นพราดไปมา ร่างสูงใหญ่กำยำวัยเบญจเพสที่เคยยืนตระหง่านอย่างกล้าหาญกลับทรุดตัวลงและทุบกระจก นี่คือขั้นตอนของการปลูกสเตมเซลล์สมอง มันคงไม่ยากและไม่เจ็บปวดสำหรับวิทยากรอันล้ำหน้า ถ้าเพียงแต่พวกเขาไม่ได้ต้องการเพียงแค่ปลูกถ่ายสมอง
แต่แล้ว วงจรกลับขัดข้อง ควันไหม้โชยไปทั่ว แก้วแคปซูลพลันแตก คอลินลงมาดิ้นพราดในห้วงที่ความเจ็บปวดได้รับการบรรเทานั้นคอลินเห็นภาพใครบางคน
ผู้ชายกับผู้หญิง หรือเรียกให้ถูก….พ่อกับแม่ของเขา
“รู้สึกยังไงบ้างคอลิน” ดร.มิเกลถามเขาเมื่อฟื้น
“เช่นเคยครับ ผม…สบายดี” คอลินตอบ เพื่อให้นักวิทยาศาสตร์ชราสบายใจ
“ฉันเข้าใจว่าเธอเจ็บปวด การปลูกถ่ายสเตมเซลล์สมองพร้อมๆ กับการดึงพลังแฝงอันยิ่งใหญ่ของเธอออกมามันเจ็บปวดมาก”
“เพื่อใช้พลังแฝงของผมไปโคลนนิ่งเป็นกำลังประหัตประหารผู้คน”คอลินแทรก
“มันไม่ใช่อย่างนั้น เราไม่เคยคิดทำสงคราม แต่เธอคือความหวังเดียวที่เป็นไปได้ของโลก พลังจิตของเธอคือวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่จะช่วยโลกให้พ้นภัย ยิ่งกว่าพระเอกในความฝัน”ดร.มิเกลแย้ง
“ถึงอย่างไรผมก็ไม่เห็นด้วยกับการใช้สิ่งนี้เพื่อสงคราม ผมยอมเจ็บปวดมากกว่านี้ได้ถ้าผลที่ออกจะไม่ต้องมีใครสูญเสียเลือดเนื้อ”คอลินพูด เขาเริ่มโมโหกับการปลอบประโลมในจุดประสงค์ที่เขาไม่ประทับใจ
“แต่เธอเลือกไม่ได้หรอกคอลิน ถึงมนุษย์อย่างเราจะรักสันติภาพแต่พวกดาวMOAย่อมไม่คิดเช่นนั้น”
“แต่คนที่เปิดฉากสงครามก่อนคือมนุษย์ที่ต้องการจะแย่งทรัพยากรจากดาวที่เราเชื่อว่าเป็น…พระเจ้า เป็นเพราะเราที่ท้าทายพระเจ้าก่อน”คอลินกล่าวย้ำ ดร.มิเกลหมดความอดทนกับเขาเช่นกัน เขาลุกขึ้นตวาดใส่
“แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไง จะปล่อยให้ดูโลกของเราถูกไอ้พวกมนุษย์พลังจิตนั่นทำลายต่อหน้าต่อรึไง ฉันคนหนึ่งแหละที่ไม่ยอม ถ้าสันติภาพมันกินได้ ป่านนี้ทุกคนคงไปสวรรค์กันหมดแล้ว” คอลินอ้าปากจะพูดต่อ แต่เสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นเสียก่อน

สัญญาณเตือน…ศัตรูบุก!

คอลินและดร.มิเกลหยุดการทะเลาะ ทั้งคู่ต่างวิ่งไปเก็บสัมภาระอย่างรวดเร็วด้วยความเคยชิน หลายครั้งแล้วที่ทีมวิจัยทั้งหมดต้องหนีจากการรุกรานของข้าศึกภายในสิบนาทีทุกคนก็พร้อมที่สนามบินลับ เมื่อเครื่องบินขึ้น ทุกคนต่างเห็นศูนย์วิจัยถูกระเบิดทำลายหายไปต่อหน้าต่อตา คอลินถูกแสงวูบวาบสีแดงของระเบิด เขารู้สึกแสบตาและเจ็บไปถึงหัวใจที่ “บ้าน” อีกหลังต้องถูกทำลาย หวนนึกภาพศัตรูมนุษย์ดาวMOAซึ่งห่างกับโลกหลายล้านปีแสง มนุษย์ธรรมดามาเช่นพวกเขากับชาวMOAต่างคล้ายคลึงกันมากจนชนิดที่ว่าแยกไม่ออก รูปร่าง หน้าตา ลักษณะ ต่างกันตรงที่ชาวMOAเป็นมนุษย์ที่มีพลังจิต พวกเขาสามารถติดต่อกับมนุษย์โลกได้ตั้งแต่ร้อยปีก่อน ในสมัยสหภาพโสเวียติตั้งกองวิจัยพลังจิตเพื่อใช้ในสงครามเย็น กองวิจัยของโซเวียติต่างตื่นตกใจที่จิตของผู้ร่วมการทดลองที่มีพลังจิตสูงสามารถติดต่อกับชาวMOAได้และเชื่อว่าที่นั่นคือสวรรค์หรืออาณาจักรพระเจ้า มิตรไมตรีความสัมพันธ์เริ่มขึ้นจากจุดนั้นเรื่อยมา ชาวMOAเป็นมิตรที่ดีเสมอจนกระทั่งเมื่อยี่สิบปีที่แล้วที่มนุษย์ส่งกองทหารไปรุกรานสายฟ้าแลบอย่างคาดไม่ถึงเพื่อชัยชนะที่รวดเร็ว เพื่อแย่งชิงทรัพยากรจากMOAโดยที่พวกเขาไม่ทันได้ตั้งตัว ผลการรบครั้งนั้นทำลายความสัมพันธ์ระหว่างโลกกับมนุษย์พลังจิตโดยสิ้นเชิง ชาวMOAเสียหายมากกว่าครึ่ง ในขณะที่โลกก็เกิดความชุลมุนวุ่นวายและความเดือดร้อนจากการทำสงครามต่างแดน จนต่างฝ่ายต่างหันหลังให้กันเพื่อฟื้นฟูตัวเองเป็นเวลากว่ายี่สิบปี จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่ผ่านพวกเขากลับมา อีกครั้งพร้อมวิทยาการล้ำสมัยกับทหารที่ทรงพลังจิตตามธรรมชาติของเผ่าพันธุ์ กองทหารสหประชาชาติของมนุษย์โลกต้องถอยร่น นักวิจัยทั่วโลกต้องทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ป้องกันผู้รุกรานที่น่ากลัวนี้ โครงการพลังจิตของดร.มิเกลก็เช่นกัน

คอลินมองไปที่ดร.มิเกล ชายชรากำลังนอนหลับพักเอาแรง เขารู้ดีว่าศูนย์วิจัยลับสำรองถูกสร้างทั่วทุกแห่งในโลกเพื่อป้องกันการขาดความต่อเนื่องในการทดลอง เขาพบดร.มิเกลตั้งแต่สิบขวบ เก้าปีก่อนหน้านั้นเขาอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า ไม่มีใครบอกที่มาของเขาได้แม้กระทั่งตัวเขา สัมผัสอันเลือนรางนั้นบอกได้เพียงว่าพ่อแม่ของเขาเป็นคนที่อบอุ่น อ้อมกอดละมุนคงเป็นเพียงความทรงจำเดียวที่เขารู้สึกได้ ไม่มีเด็กคนไหนกล้าเล่นกับเขาเพราะพลังจิตอันแข็งแกร่ง เขาเริ่มจากการควบคุมแมลงให้ทำตามที่สั่ง หยุดละอองน้ำจากสวนไม่ให้ถูกตัว ไปจนถึงในหลายๆ ครั้งที่เขาโกรธเขาสามารถบังคับจิตเพื่อนได้ ผู้ดูแลบ้านเด็กกำพร้าจึงพาเขาไปพบดร.มิเกล หลังจากนั้นชีวิตของเขาก็อยู่ทดลองกับดร.มิเกลมาตลอดจนชายชราได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเพื่อกู้วิกฤตโลก
“บอกผมเถอะครับว่าท่านต้องการทำอะไร”
“ฉันจะกระตุ้นเซลล์สมองของเธอ ฉันเชื่อว่าเมื่อคนเราสูญเสียทุกสิ่ง ถ้าหากกู้ทุกอย่างคืนมาได้ในพริบตามันจะเป็นกลไกในการเปิดความสามารถพิเศษที่ถูกปิดกั้นไว้ให้ตื่นขึ้น”
“ท่านจะทำมันไปเพื่ออะไร ในเมื่อผมก็เป็นแค่คนที่มีพลังจิตเล็กๆน้อยๆคนหนึ่ง” ดร.มิเกลส่ายหน้า
“มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกคอลิน ฉันสัมผัสได้ว่าเธอมีพลังจิตอันยิ่งใหญ่มากกว่าพวกMOAเป็นสิบเท่า เพียงแต่มันถูกปิดไว้ในส่วนลึกของสมอง ฉันถึงต้องดึงมันออกมา”
“ด้วยวิธีทำลายสมองของผมแล้วใช้พลังของสเตมเซลล์กับเทคโนโลยีทางชีววิทยา ปลุกพลังพิเศษในส่วนลึกของสมองของผมและถ้าผมเดาไม่ผิดท่านกับนักวิทยาศาสตร์ในทีมท่านจะโคลนนิ่งผมเป็นแสนๆคนด้วยวิวัฒนาการที่ทำให้ร่างกายอยู่ในวัยพร้อมรบทันที เพื่อเป็นทหารเข้าสู่สงคราม?” นักวิทยาศาสตร์ชราพยักหน้า
“ถูกต้อง ตรงทุกอย่าง” นับจากวันนั้นเขาก็เป็นต้นแบบของ “วีรบุรุษ” มาตลอด คอลินกลับเข้าสู่โลกแห่งความจริง เครื่องบินกำลังจะลงจอดที่ศูนย์วิจัยแห่งใหม่แล้ว แต่ก่อนหน้านั้นมีข่าวไม่สู้ดีวิทยุรายงานแจ้งมาว่ากองทหารสหประชาชาติพ่ายแพ้ในทุกแนวรบ ชาวโลกกำลังถูกตีโอบล้อมเข้ามาทุกที
“นายพลคาลอสของศัตรูเก่งจริงๆ ฉันไม่คิดเลยว่าผู้ชายที่เมื่อยี่สิบปีก่อนเป็นพลทหารกระจอกๆ จะเป็นนายพลที่ชนะโลกของเราได้” เขาได้ยินนักวิทยาศาสตร์วิจารณ์ถึงศัตรูกันเบาๆ นายพลคาลอสเป็นนายพลของฝั่งศัตรูที่เป็นผู้บัญชาการใหญ่ในการรบครั้งนี้ ภาพของนายพลหน้าดุดันที่บัญชาการรบอยู่กับทหารในแนวหน้า ในการรบที่จีนทำให้ชาวโลกหวาดกลัวในความกล้าของเขา มีคนเคยบอกเขาว่าเมื่อก่อนนายพลศัตรูผู้นี้เป็นคนร่าเริง จนเมื่อเขาสูญเสียคนรักจากสงครามโดยมนุษย์เขาจึงอาฆาตแค้นและกลายเป็นคนดุดัน และเมื่อเวลาของโลกใกล้ดับสิ้นลงทุกทีด้วยฝีมือนายพลผู้นี้การวิจัยครั้งนี้จึงยิ่งสำคัญมากขึ้น ยานจอดสนิทดร.มิเกลหันมาทางเขา
“ได้เวลาเริ่มทดลองอีกครั้งแล้วนะ”

ทุกๆอย่างยังคงเหมือนเดิม ดร.มิเกลนั่งอยู่หน้าเครื่องควบคุมระบบ ทีมงานวิจัยต่างคอยลุ้นและตัวเขาที่อยู่ในนั้น ขั้นตอนของน้ำสีเขียวผ่านไป น้ำสีฟ้าค่อยๆไหลขึ้นมา คอลินเตรียมรับ ความเจ็บปวดนั้น เขานึกถึงปณิธานของดร.มิเกลเพื่อดาวเคราะห์สีน้ำเงินดวงนี้ เขาต้องอดทน เขาต้องเป็นต้นแบบของ “วีรบุรุษ” ความเจ็บมากมายพุ่งเข้าหาอีกครั้ง เขารู้สึกต่างจากที่เคย แม้ใจของเขาจะสงบนิ่ง แต่ความอดทนที่มีอยู่นั้นกลับน้อยลง ดร.มิเกลเดิมพันกับการทดลองครั้งนี้ด้วยการเสริมความเข้มข้นของสารมากจากเดิมถึงสิบเท่า! ความเจ็บแผ่ซ่านไปทั่วร่าง สมองถูกกดดันอย่างรุนแรง มีดที่มองไม่เห็นกรีดแทงไปทั่วร่างกาย ภาพความทรงจำตั้งแต่ถูกย้อนเวลาลงไปเรื่อย ตั้งแต่พบดร. ตั้งแต่ที่เริ่มใช้พลังจิตครั้งแรก ตั้งแต่ที่อยู่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าและไปจนถึงภาพของพ่อแม่ ความอบอุ่นที่ประหลาดมหัศจรรย์ แต่ภาพเหล่านั้นกลับย้อนลึกลงไปอีก เขาเห็นภาพมากมายเกินกว่าที่จะนึกทันว่าเคยพบหรือจำได้ สำนึกในพลังของเขาถูกกระตุ้นมาถึงขีดสุดท่ามกลางความเจ็บปวดสุดจะทานทน

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก”เขาร้องขึ้นอีกครั้ง กระจกแก้วของแคปซูลพลันแตก คราวนี้เขาไม่หมดแรงเช่นเมื่อก่อน ความเจ็บปวดยังไม่หายไปไหน เขาลุกขึ้นท่ามเศษแก้ว นักวิจัยต่างตกตะลึงกับภาพของเขา เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ รู้แต่เพียงว่าต้องหนีออกจากที่นี่ หนีจากความเจ็บปวด หนีจากความเป็นต้นแบบของวีรบุรุษ นักวิจัยหลายคนวิ่งตามเขา ดร.มิเกลยังคงตกตะลึงในห้อง เขาเดินตามทางด้วยร่างที่เปียกโชก ทหารเฝ้ายามมาขัดขวางเขา คอลินสบตา พลันความเคียดแค้นก็ลุกโพลงขึ้นในแววตาของเขา ทหารคนนั้นจ้องมองเขาอย่างหวาดกลัวก่อนที่ภาพสยดสยองจะเกิดขึ้นตรงหน้า เลือดของทหารคนนั้นไหลออกทางทวารทั้งเจ็ดล้มลงดิ้นพราด เพื่อนทหารอีกคนมองดูด้วยความหวาดกลัว คอลินวิ่งไปจับคอเสื้อของเขาดันไปจนชิดติดกำแพง ก่อนจะจ้องมองด้วยสายตาเช่นเดียวกัน ทหารคนนั้นก็ตายภายในพริบตา เขาชี้นิ้วไปที่หลอดไฟบนเพดาน มันพลันแตกด้วยพลังอันเกิดควบคุมของเขา ทหารและนักวิจัยต่างวิ่งมารุมล้อมเขา เขาหันไปดู ดร.มิเกลกำลังวิ่งมาเพื่อห้ามทหารไม่ให้ยิง แต่พวกเขาไม่ฟัง กระสุนกราดมาที่ร่างของคอลินเป็นห่าฝน เขาตะโกนอย่างบ้าคลั่ง พลันเหมือนมีคลื่นประหลาดที่หยุดห่ากระสุนนั้นได้เหมือนสมัยที่หลบละอองน้ำเมื่อยังเด็ก เขาใช้สายตามองทหารจนตายไปทีละคนๆ ก่อนจะใช้พลังดันที่เหลือ ให้ล้มเพื่อเปิดทาง ขณะที่จะก้าวออก เขารู้สึกเจ็บที่ต้นขา หันกลับไปมอง ก็เห็นภาพของดร.มิเกลถือปืน มือสั่นระริกด้วยความกลัว ปืนถูกลั่นไกไป เขาก้มมองดู มีเข็มเล็กๆติดอยู่ มันเป็นเข็มยาสลบ
ภาพของพ่อ แม่ อ้อมกอดและรอยยิ้มอันอบอุ่นผุดขึ้นอีกครั้ง…แล้วเขาก็ล้มลง

“เป็นยังไงบ้างคอลิน” อีกครั้งที่ดร.มิเกลถามเขา
“ผม…สบายดีครับ” คอลินตอบ เขามองไปที่ห้องนอนของเขาก่อนจะสะดุดตากับสิ่งบางอย่าง ข้างๆ ดร.มิเกลมิเกลมีถาดแสตนเลสเล็กๆวางอยู่ นั้นเป็นเข็มฉีดยาขนาดเล็ก
“ผม…ขอโทษสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น” คอลินบอก ดร.มิเกลส่ายหน้าก่อนจะยิ้มให้
“ชีวิตที่เสียไปจะไม่เสียเปล่าเพราะความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นหรอก”
“ทำไมหรือครับ” คอลินถามอย่างสงสัยก่อนจะสังเกตเห็นแววตาปิติดีใจของชายชรา
“การทดลองสำเร็จแล้วคอลิน ตั้งแต่ตอนที่เธอใช้พลังนั้นทำร้ายทหารและหยุดกระสุนเธอก็เป็นยอดมนุษย์ เป็นวีรบุรุษด้วยพลังแห่งวิทยาศาสตร์ธรรมชาติโดยสมบูรณ์ เธอสามารถปลุกพลังใต้สำนึกของเธอมาใช้ได้โดยไม่มีข้อจำกัดเพียงแต่ตอนนั้นเธออาจจะยังตกใจและเจ็บปวดกับมัน เอาล่ะคอลินฉันจะขอเซลล์พันธุกรรมของเธอเพื่อปลูกถ่ายไปยังร่างโคลนนิ่งที่รัฐบาลเตรียมไว้ เพื่อให้วีรบุรุษจากเซลล์ของเธอได้กอบกู้โลกเสียที”ดร.มิเกลพูดอย่างเร่งรีบและดีใจ แต่คอลินสั่นหัวทำเอาดร.มิเกลหยุดนิ่งชั่วขณะ
“เห็นจะทำเช่นนั้นไม่ได้ครับ” คอลินพูด ดร.มิเกลหยุดชะงักใบหน้างุนงงก่อนจะสังเกตว่าตัวเองมีเลือดไหลจากทวารทั้งเจ็ด เขาชี้หน้าไปที่คอลินด้วยความตื่นตกใจและงุนงง ก่อนจะล้มลงนิ่งสนิทและ…ตาย เหลือเพียงคอลินเพียงคนเดียวที่ยืนยิ้ม
“ผมอาจจะเป็นวีรบุรุษของใครก็ได้ แต่ไม่ใช่ของดาวโลกนี้” คอลินเดินข้ามศพดร.มิเกลไปยังเครื่องโทรศัพท์ในห้องก่อนจะใช้พลังจิตอันยิ่งใหญ่ค้นหาเลขเบอร์ของผู้ที่ต้องการติดต่อ
“นี่ผมคอลิน ขอแจ้งจากศูนย์วิจัยลับของพวกมนุษย์ว่าภารกิจหลอกใช้ให้มนุษย์ปรับแต่งพันธุกรรมของฝ่ายเราให้สมบูรณ์ประสบความสำเร็จแล้ว ในฐานะสายลับที่ส่งมาตั้งแต่อายุหนึ่งขวบภายใต้กลไกป้องกันความทรงจำเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์เลือนหายที่ฝังอยู่ในส่วนลึกของสมอง ผมขอแสดงความยินดีกับนายพลคาลอสที่จะได้ชัยชนะและล้างแค้นให้ภรรยาที่รักกับชาวโลกเสียที ไม่สิไม่ใช่นายพลคาลอสแต่เป็น…คุณพ่อของผม!”

ภาพความทรงจำปรากฏเด่นชัด ภาพของพ่อกับแม่ของเขา ก่อนจะเป็นแค่เสียงของพ่อที่พูดกับเขาก่อนขึ้นยานอวกาศว่า
“จงปฏิบัติภารกิจเพื่อล้างแค้นให้แม่และดาวMOAของเรานะลูก”
เสียงปืนและสัญญาณเตือนดังขึ้น
ทัพMOAกำลังรุกรานมนุษย์โลก ต่อไป

จบ

10 ความเห็นบน “วีรบุรุษ โดย อติเทพ: รางวัลชมเชยการประกวดเรื่องสั้นไซ-ไฟ ครั้งที่ 1 หัวข้อ “พลังจิต””

  1. ความจริงเรื่องนี้มีพล็อตเรื่องที่สนุกและมีการหักมุมในตอนจบที่ใช้ได้และคาดไม่ถึงเลยทีเดียว และมีลีลาการนำเสนอที่ดีครับ แต่พลาดตรงที่…..คอลินถูกแสงวูบวาบสีแดงของระเบิด เขารู้สึกแสบตาและเจ็บไปถึงหัวใจที่ “บ้าน” อีกหลังต้องถูกทำลาย หวนนึกภาพศัตรูมนุษย์ดาวMOAซึ่งห่างกับโลกหลายล้านปีแสง มนุษย์ธรรมดามาเช่นพวกเขากับชาวMOAต่างคล้ายคลึงกันมากจนชนิดที่ว่าแยกไม่ออก รูปร่าง หน้าตา….. meให้เข้าใจได้ว่าคอลลินเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ชาว Mao เมื่อหักมุมในตอนจบว่าคอลลินเป็นชาว Mao จึงขัดแย้งกันอย่างแรง

  2. เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีสำนวนการเขียนที่ดี โดยพุ่งจุดสำคัญไปที่การบรรยายความรู้สึกนึกคิดในมุมมองของตัวเอก ซึ่งช่วยให้เข้าถึงอารมณ์ของเรื่องและจินตนาการได้ง่าย ซึ่งในจุดการเขียนการบรรยายนี้ทำได้ดีโดดเด่นอย่างมากในการสร้างอารมณ์ของตัวเอก บทพูดและบทบรรยายไหลลื่นค่อนข้างเป็นธรรมชาติเปิดเรื่องได้อย่างน่าติดตามและให้อารมณ์ความรู้สึกว่าโลกในเรื่องนี้อยู่ในอนาคตอันไกล และค่อยๆ ให้ข้อมูลไปทีละเล็กละน้อยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น เนื้อเรื่องของการต่อสู้ระหว่างมนุษย์โลกและมนุษย์ต่างดาวอาจจะไม่ดูเป็นของใหม่แต่ผู้เขียนเพิ่มความน่าสนใจให้กับเรื่องโดยการสร้างความขัดแย้งทางความคิดให้กับตัวเอก การบรรยายเหตุการณ์ในอดีตและความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครทำได้ดี ถึงแม้จะสามารถคาดเดาตอนจบคร่าวๆ ได้ก็ตาม

    อาริยา – อุษณา

  3. จุดเด่นของเรื่องนี้คือ การหักมุม ตอนจบ
    จะเสียก็คงจะอย่างที่พี่วรากิจบอก คือ จงใจ หลอกคนอ่านมากเกินไป
    และ การทิ้ง clue(หลักฐาน) อย่างจงใจเพียงชิ้นเดียว กลับทำให้ trick นี้ ดูอ่อนไปสักนิด
    (ผมนึกถึง sixth sense ในฉากเฉลย ที่ออกมาเป็นชุดของคำใบ้)

    (อีกอย่าง ผมนึกถึง naruto ตอนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฉาก ความทรงจำ)

  4. ผมชอบการดำเนินเรื่องเช่นกันครับ ค่อย ๆ เผยรายละเอียดออกมาทีละนิด ดูมีชั้นเชิงและชวนให้ติดตามมากครับ หักมุมตอนจบทำออกมาได้ดีในมุมของผมนะครับ คือมองในแบบเรื่องสั้นแล้วการหักมุมจบแบบนี้ “เป็นไปได้” และรับได้ครับ (แต่ถ้าเป็นเรื่องยาวหักมุมแบบนี้ ต้องมีเหตุผลและรายละเอียดรองรับอีกพอสมควร เช่นเป็นนิยายนักสืบที่ต้องไขเรื่องราวที่ละเปลาะให้กระจ่างตอนจบ) ยินดีกับเรื่องสั้นสนุก ๆ เรื่องนี้ด้วยครับ

  5. จริงๆชอบเรื่องนี้นะทีแรก กระทัดรัด ไม่เย่อเย้อดี แต่สดุดใจว่า

    บริษัทโทรศัพท์ของดาวสองดวงนี้เขามีบริการเชื่อมเครือข่ายกันด้วยหรือ ??

    แล้วจะชำระค่าโทรกันอย่างไร แหม มีพลังจิตซะขนาดนั้น โทรจิตหากันก็น่าจะได้

    ไม่เป้นไร ไม่ ซีเรียส 5555

    ประยูร สงวนไทร

  6. ก่อนอื่นต้องรู้จักพลังจิตก่อน

    Telepathy อ่านความคิดและส่งความคิดถึงคนอื่นได้ เช่นการอ่านใจและการเห็นคำพูดในความคิดของผู้อื่น และอาจมีการส่งคำพูดจากความคิดของตนเข้าไปในสมองผู้อื่นโดยตรง

    Psychometry อ่านความทรงจำคนอื่นได้ หรือความทรงจำจากสิ่งของและสิ่งมีชีวิตอื่น โดยจะเห็นชัดจากความทรงจำที่ฝังแน่น มักอ่านจากการ แตะ สัมผัส เพ่งความรู้สึก สิ่งที่อ่านได้อาจมีทั้งภาพ เสียง หรือแรงของจิตสัมผัส

    Clairvoyance ตา ทิพย์ การมองเห็นเหนือประสาททั้งห้า เช่นการมองเห็นคน สัตว์ สิ่งของ หรือสถานที่ที่ไม่เคยไปหรือไม่รู้จักมาก่อน เห็นสิ่งที่คนปกติไม่เห็นเช่นสิ่งของหรือสถานที่ที่ถูกซ่อนไว้อย่างมิดชิด หรืออยู่ไกลมากๆ

    Clairaudience หูทิพย์ ได้ยินในสิ่งที่คนอื่นไม่ได้ยิน การได้ยินเสียงหรือคำเตือนในสมอง หรือการได้ยินจากภายนอก สามารถแยกเสียงต่างๆออกได้อย่างชัดเจน ได้ยินเสียงที่ไกลหรือเบามากๆ

    Claiesentience,Intuition การรับรู้เหนือประสาททั้งห้าอย่างชัดเจน เช่นถ้าไปยืนอยู่ในที่ที่เป็นสนามรบเก่าจะรู้สึกอึดอัด หรือการรับรู้แบบเห็นเป็นสีในจิตใจ

    Empathy การสัมผัสได้ถึงความต้องการกระทำของผู้อื่น เช่นการเข้าใจจิตใจของผู้อื่นหรือการรับรู้ถึงจิตสังหาร

    Precognition การเห็นอนาคตที่ควรจะเป็นหรืออาจเกิดขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอาจเกิดการแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ มีตั้งแต่เบาบางถึงแจ่มชัด เช่นการมีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี

    Psychokinesis,Telekinesis การยกหรือเคลื่อนย้ายวัตถุหรือทำสิ่งต่างๆโดยปราศจากเงื่อนไขทางฟิสิกส์ เช่นการงอช้อน การยกสิ่งของลอยในอากาศ

    Leviation การลอยตัวในอากาศได้โดยปราศจากการช่วยเหลือทางฟิสิกส์

    Teleportation การ เคลื่อนย้ายสิ่งของหรือตนเองจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งโดยการแทนที่โดยฉับ พลันเช่นการวาร์ป หรือการสลับสิ่งของโดยไม่แตะต้องหรือเคลื่อนย้ายด้วยวิธีทางฟิสิกส์

    Time Traveller ผู้มีความสามารถเกี่ยวกับเวลา นักท่องเวลา มีความสามารถแตกต่างกันออกไป เช่นย้อนเวลา สามารถหนีจากปัจจุบันหรืออนาคตเพื่อไปแก้ไขเรื่องในอดีตได้ ลบเวลา สามารถลบช่วงเวลาส่วนเกินที่ไม่ต้องการออกได้ นักข้ามเวลาสามารถเดินทางไปมาระหว่างมิติคู่ขนานของอดีต ปัจจุบัน อนาคตได้ หยุดเวลา สามารถเดินทางข้ามมิติของเวลาที่หยุดนิ่งได้ แต่ส่วนใหญ่จะเกิดผลเสียต่อผู้ใช้ เช่นการหลงอยู่ในมิติเวลา หรือส่งผลต่ออายุขัยและร่างกายของผู้ใช้

    Invisibility พลังในการล่องหนหายตัว สามารถหักเหแสงบิดเบือนการสะท้อนการมองเห็นหรือลบตัวตนและจิตของตนออกไปจากการสัมผัสของผู้อื่น
    พลังจิตอื่นๆ

    Animal Telepathy การอ่านภาษาของสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตอื่น เป็นการคุยกันด้วยภาษาจิต

    Chanelling การติดต่อกับสิ่งมีชีวิตหรือจิตเหนือธรรมชาติ เช่นวิญญาณ เทวดา หรือมนุษย์ต่างดาว

    Automatic Writing สามารถเขียนบางอย่างที่ผิดไปจากปกติโดยไม่ต้องใช้การรับรู้ใดๆ เหมือนกับการถูกบางอย่างสิงที่มือไปชั่วขณะ

    Aura Reading การมองเห็นออร่าหรือพลังชีวิต

    Divination ผู้ทำนายอนาคต หยั่งรู้อนาคต

    Astral Projection การถอดจิตและท่องไปตามที่ต่างๆที่ร่างการไม่สามารถไปได้

    Bi-Location เหมือนกับการถอดจิต แต่สามารถสร้างร่างแยกของตนขึ้นมา โดยเป็นตัวเองอีกคนให้คนอื่นเห็นในคนละสถานที่กับที่ร่างกายจริงอยู่

    Mind Over Body ผู้ที่สามารถปลดปล่อยร่างกายให้ปราศจากความต้องการพื้นฐานเช่นการดื่มน้ำ กินอาหาร นอนหลับ แต่ยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้เหนือกว่าคนปกติ หรือมีสภาวะร่างกายเหมือนการจำศีล เช่นโยคี

    Mind Control ควบคุมจิตใจผู้อื่น สร้างภาพลวงตาขึ้นเพื่อหลอกการเห็น หรือการยิงภาพเข้าไปในสมองโดยตรง

    Hypnotic Control การสะกดให้ผู้อื่นหลับด้วยพลังจิต

    Mental Invisibility การซ่อนจิตของตนเองจากการรับรู้ของผู้อื่น

    พลังจิตสายควบคุม

    Echokinesis ความสามารถในการเลียนแบบการเคลื่อนไหวของผู้อื่นได้ไม่ผิดเพี้ยนจากการมองเห็น แม้แต่การเคลื่อนไหวเกินความสามารถของตนเอง

    Photokinesis ควบคุมแสงและพลังงานที่เป็นไปตามกฏทางฟิสิกส์ แต่ใช้จิตควบคุม

    Pyrokinesis การควบคุมไฟ จุดไฟ ควบคุมการเกิดไฟหรือทิศทางของไฟด้วยจิต

    Aquakinesis,Hydrokinesis ควบคุมน้ำให้เกิดการเคลื่อนไหวและรูปร่าง รวมทั้งควบคุมมวลของน้ำได้ดั่งใจ

    Cryokinesis ควบคุมความเย็น เปลี่ยนอุณหภูมิให้ต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ทำให้เกิดผลึกบนน้ำหรือเลือกบนร่างกาย หรือการทำให้น้ำในอากาศเป็นผลึกได้ตามต้องการ

    Thermokinesis ควบคุมอุณหภูมิความร้อนของสิ่งต่างๆได้ แต่ไม่สามารถควบคุมไฟได้

    Aerokinesis ควบคุมเกี่ยวกับลม ก๊าซ และอากาศรอบตัว เรียกให้เกิดลมหรือเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและควบคุมสมบัติของก๊าซ ควบคุมความดันบรรยากาศรอบตัว

    Geokinesis,Terrakinesis ควบคุมธาตุดินให้เกิดความแปรผันได้ดั่งใจ รวมไปถึงของแข็งชนิดต่างๆที่อยู่รวมกับธาตุดินด้วย

    Electrokinesis ควบคุมประจุไฟฟ้าและสายฟ้าได้ดังใจ

    Atmokinesis ควบคุมฟ้าฝน บรรยากาศ และลักษณะอากาศได้ เป็นความสามารถที่รวมระหว่างการคุมอุณหภูมิความร้อน อากาศ และสายฟ้า

    Atmoskinesis ควบคุมธาตุหลักทั้งสี่ได้ คือดิน น้ำ ลม ไฟ อาจรวมถึงสายฟ้าด้วย

    Biokinesis เหมือน กับการควบคุมธาตุทั้งสี่ แต่จะสามารถคุมได้ถึงระดับการเจริญเติบโตทาง DNA ได้ เช่นเปลี่ยนแปลงรูปแบบธาตุและ DNA ของตัวเองให้เกิดลักษณะพิเศษตามต้องการ

    Gravitokinesis ควบคุมเกี่ยวกับแรงโน้มถ่วงได้ แต่ไม่สามารถเคลื่อนไหวไปในทิศทางอื่นได้นอกจากทิศแรงโน้มถ่วง

    Magnokinesis ควบคุมแรงแม่เหล็กและสนามแม่เหล็กในบริเวณที่ต้องการ สามารถใช้ควบคุมโลหะให้เคลื่อนที่ได้ดั่งใจด้วย

    Vitakinesis การรักษาตัวเองจากอาการบาดเจ็บ

    Audiokinesis การควบคุมคลื่นเสียงหรือก่อกำเนิดเสียงด้วยจิต

    Hemokinesis ควบคุมรูปแบบของเซลล์เม็ดเลือดได้ รวมทั้งการถ่ายเทเลือดด้วย คล้ายกับการควบคุมน้ำ

    Particle Manipulation ควบคุมสิ่งต่างๆในระดับอะตอมหรือโมเลกุล หยุดอนุภาคเหล่านั้นหรือทำให้ระเบิดออกก็ได้

  7. ก่อนอื่นต้องรู้จักพลังจิตก่อน

    Telepathy อ่านความคิดและส่งความคิดถึงคนอื่นได้ เช่นการอ่านใจและการเห็นคำพูดในความคิดของผู้อื่น และอาจมีการส่งคำพูดจากความคิดของตนเข้าไปในสมองผู้อื่นโดยตรง

    Psychometry อ่านความทรงจำคนอื่นได้ หรือความทรงจำจากสิ่งของและสิ่งมีชีวิตอื่น โดยจะเห็นชัดจากความทรงจำที่ฝังแน่น มักอ่านจากการ แตะ สัมผัส เพ่งความรู้สึก สิ่งที่อ่านได้อาจมีทั้งภาพ เสียง หรือแรงของจิตสัมผัส

    Clairvoyance ตา ทิพย์ การมองเห็นเหนือประสาททั้งห้า เช่นการมองเห็นคน สัตว์ สิ่งของ หรือสถานที่ที่ไม่เคยไปหรือไม่รู้จักมาก่อน เห็นสิ่งที่คนปกติไม่เห็นเช่นสิ่งของหรือสถานที่ที่ถูกซ่อนไว้อย่างมิดชิด หรืออยู่ไกลมากๆ

    Clairaudience หูทิพย์ ได้ยินในสิ่งที่คนอื่นไม่ได้ยิน การได้ยินเสียงหรือคำเตือนในสมอง หรือการได้ยินจากภายนอก สามารถแยกเสียงต่างๆออกได้อย่างชัดเจน ได้ยินเสียงที่ไกลหรือเบามากๆ

    Claiesentience,Intuition การรับรู้เหนือประสาททั้งห้าอย่างชัดเจน เช่นถ้าไปยืนอยู่ในที่ที่เป็นสนามรบเก่าจะรู้สึกอึดอัด หรือการรับรู้แบบเห็นเป็นสีในจิตใจ

    Empathy การสัมผัสได้ถึงความต้องการกระทำของผู้อื่น เช่นการเข้าใจจิตใจของผู้อื่นหรือการรับรู้ถึงจิตสังหาร

    Precognition การเห็นอนาคตที่ควรจะเป็นหรืออาจเกิดขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอาจเกิดการแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ มีตั้งแต่เบาบางถึงแจ่มชัด เช่นการมีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี

    Psychokinesis,Telekinesis การยกหรือเคลื่อนย้ายวัตถุหรือทำสิ่งต่างๆโดยปราศจากเงื่อนไขทางฟิสิกส์ เช่นการงอช้อน การยกสิ่งของลอยในอากาศ

    Leviation การลอยตัวในอากาศได้โดยปราศจากการช่วยเหลือทางฟิสิกส์

    Teleportation การ เคลื่อนย้ายสิ่งของหรือตนเองจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งโดยการแทนที่โดยฉับ พลันเช่นการวาร์ป หรือการสลับสิ่งของโดยไม่แตะต้องหรือเคลื่อนย้ายด้วยวิธีทางฟิสิกส์

    Time Traveller ผู้มีความสามารถเกี่ยวกับเวลา นักท่องเวลา มีความสามารถแตกต่างกันออกไป เช่นย้อนเวลา สามารถหนีจากปัจจุบันหรืออนาคตเพื่อไปแก้ไขเรื่องในอดีตได้ ลบเวลา สามารถลบช่วงเวลาส่วนเกินที่ไม่ต้องการออกได้ นักข้ามเวลาสามารถเดินทางไปมาระหว่างมิติคู่ขนานของอดีต ปัจจุบัน อนาคตได้ หยุดเวลา สามารถเดินทางข้ามมิติของเวลาที่หยุดนิ่งได้ แต่ส่วนใหญ่จะเกิดผลเสียต่อผู้ใช้ เช่นการหลงอยู่ในมิติเวลา หรือส่งผลต่ออายุขัยและร่างกายของผู้ใช้

    Invisibility พลังในการล่องหนหายตัว สามารถหักเหแสงบิดเบือนการสะท้อนการมองเห็นหรือลบตัวตนและจิตของตนออกไปจากการสัมผัสของผู้อื่น
    พลังจิตอื่นๆ

    Animal Telepathy การอ่านภาษาของสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตอื่น เป็นการคุยกันด้วยภาษาจิต

    Chanelling การติดต่อกับสิ่งมีชีวิตหรือจิตเหนือธรรมชาติ เช่นวิญญาณ เทวดา หรือมนุษย์ต่างดาว

    Automatic Writing สามารถเขียนบางอย่างที่ผิดไปจากปกติโดยไม่ต้องใช้การรับรู้ใดๆ เหมือนกับการถูกบางอย่างสิงที่มือไปชั่วขณะ

    Aura Reading การมองเห็นออร่าหรือพลังชีวิต

    Divination ผู้ทำนายอนาคต หยั่งรู้อนาคต

    Astral Projection การถอดจิตและท่องไปตามที่ต่างๆที่ร่างการไม่สามารถไปได้

    Bi-Location เหมือนกับการถอดจิต แต่สามารถสร้างร่างแยกของตนขึ้นมา โดยเป็นตัวเองอีกคนให้คนอื่นเห็นในคนละสถานที่กับที่ร่างกายจริงอยู่

    Mind Over Body ผู้ที่สามารถปลดปล่อยร่างกายให้ปราศจากความต้องการพื้นฐานเช่นการดื่มน้ำ กินอาหาร นอนหลับ แต่ยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้เหนือกว่าคนปกติ หรือมีสภาวะร่างกายเหมือนการจำศีล เช่นโยคี

    Mind Control ควบคุมจิตใจผู้อื่น สร้างภาพลวงตาขึ้นเพื่อหลอกการเห็น หรือการยิงภาพเข้าไปในสมองโดยตรง

    Hypnotic Control การสะกดให้ผู้อื่นหลับด้วยพลังจิต

    Mental Invisibility การซ่อนจิตของตนเองจากการรับรู้ของผู้อื่น

  8. พลังจิตสายควบคุม

    Echokinesis ความสามารถในการเลียนแบบการเคลื่อนไหวของผู้อื่นได้ไม่ผิดเพี้ยนจากการมองเห็น แม้แต่การเคลื่อนไหวเกินความสามารถของตนเอง

    Photokinesis ควบคุมแสงและพลังงานที่เป็นไปตามกฏทางฟิสิกส์ แต่ใช้จิตควบคุม

    Pyrokinesis การควบคุมไฟ จุดไฟ ควบคุมการเกิดไฟหรือทิศทางของไฟด้วยจิต

    Aquakinesis,Hydrokinesis ควบคุมน้ำให้เกิดการเคลื่อนไหวและรูปร่าง รวมทั้งควบคุมมวลของน้ำได้ดั่งใจ

    Cryokinesis ควบคุมความเย็น เปลี่ยนอุณหภูมิให้ต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ทำให้เกิดผลึกบนน้ำหรือเลือกบนร่างกาย หรือการทำให้น้ำในอากาศเป็นผลึกได้ตามต้องการ

    Thermokinesis ควบคุมอุณหภูมิความร้อนของสิ่งต่างๆได้ แต่ไม่สามารถควบคุมไฟได้

    Aerokinesis ควบคุมเกี่ยวกับลม ก๊าซ และอากาศรอบตัว เรียกให้เกิดลมหรือเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและควบคุมสมบัติของก๊าซ ควบคุมความดันบรรยากาศรอบตัว

    Geokinesis,Terrakinesis ควบคุมธาตุดินให้เกิดความแปรผันได้ดั่งใจ รวมไปถึงของแข็งชนิดต่างๆที่อยู่รวมกับธาตุดินด้วย

    Electrokinesis ควบคุมประจุไฟฟ้าและสายฟ้าได้ดังใจ

    Atmokinesis ควบคุมฟ้าฝน บรรยากาศ และลักษณะอากาศได้ เป็นความสามารถที่รวมระหว่างการคุมอุณหภูมิความร้อน อากาศ และสายฟ้า

    Atmoskinesis ควบคุมธาตุหลักทั้งสี่ได้ คือดิน น้ำ ลม ไฟ อาจรวมถึงสายฟ้าด้วย

    Biokinesis เหมือน กับการควบคุมธาตุทั้งสี่ แต่จะสามารถคุมได้ถึงระดับการเจริญเติบโตทาง DNA ได้ เช่นเปลี่ยนแปลงรูปแบบธาตุและ DNA ของตัวเองให้เกิดลักษณะพิเศษตามต้องการ

    Gravitokinesis ควบคุมเกี่ยวกับแรงโน้มถ่วงได้ แต่ไม่สามารถเคลื่อนไหวไปในทิศทางอื่นได้นอกจากทิศแรงโน้มถ่วง

    Magnokinesis ควบคุมแรงแม่เหล็กและสนามแม่เหล็กในบริเวณที่ต้องการ สามารถใช้ควบคุมโลหะให้เคลื่อนที่ได้ดั่งใจด้วย

    Vitakinesis การรักษาตัวเองจากอาการบาดเจ็บ

    Audiokinesis การควบคุมคลื่นเสียงหรือก่อกำเนิดเสียงด้วยจิต

    Hemokinesis ควบคุมรูปแบบของเซลล์เม็ดเลือดได้ รวมทั้งการถ่ายเทเลือดด้วย คล้ายกับการควบคุมน้ำ

    Particle Manipulation ควบคุมสิ่งต่างๆในระดับอะตอมหรือโมเลกุล หยุดอนุภาคเหล่านั้นหรือทำให้ระเบิดออกก็ได้

  9. เรื่องนี้ โครงเรื่องยังคงอยู่กับการใช้พลังจิตทำลายล้าง แนวอเมริการัสเซีย แต่เปลี่ยนเป็นโลกกับมนุษย์ต่างด่าว (หากใครเคยดูหนังยุค 60-70 พวก war of the world จะรู้ว่าหนังแนววิทยาศาสตร์ของฮอลลี่วูด ยกให้รัสเซียเป็นมนุษย์ต่างดาว) รู้สึกว่าเชยจัง น่าหามุมมองอื่นนอกจากการทำลายล้างบ้าง

    อย่างที่หลายคนบอกในเรื่องวีระบุรุษนี้เด่นด้านวรรณศิลป์ แต่ด้านตระกระยังดูอ่อน ดังนี้

    1. เป็นการทดลองโดยสเต็มเซลล์ มีหรือที่ ดร.มิเกล จะไม่รู้ว่าเป็นมนุษย์ดาว moa ยิ่งวิวัฒนาการยิ่งสูงยิ่งน่าจะรู้

    2. ถ้าหาก ดร.มิเกลไม่รู้จริงๆ คอลลินได้รับการทดลองที่ดร.มิเกล ออกแบบมาใช้กับมนุษย์ แม้ภายนอก มนุษย์ดาว moa จะเหมือนยิ่งมนุษย์ แต่ระดับโครโมโซมก็ไม่น่าจะเหมือนกัน ซึ่งขัดแย้งกับที่ผู้แต่งบอกไว้
    “นี่ผมคอลิน ขอแจ้งจากศูนย์วิจัยลับของพวกมนุษย์ว่าภารกิจหลอกใช้ให้มนุษย์ปรับแต่งพันธุกรรมของฝ่ายเราให้สมบูรณ์ประสบความสำเร็จแล้ว

    แสดงว่าพันธุกรรมทั้งสองเผ่าต่างกัน

    3. ดูแล้วไม่จำเป็นที่มนุษย์ดาว moa จะต้องแทรกซึมเป็นมนุษย์เลย เพราะโลกกำลังจะแพ้อยู่แล้ว

    4. การทดลองของ ดร.มิเกล ดูเน้นไปที่สมองแต่เพียงอย่างเดียว แต่ผู้แต่บอกว่าปรับแต่งพันธุกรรม (ทั้งตัวหรือเปล่า) ไม่น่าเชื่อถือ

    5. ชื่อคอลลิน มนุษย์ดาว moa ตั้งให้ หรือ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งให้ครับ ถ้าเรียกไปทางดาว moa แล้วเขาจะรู้จักหรือไม่

    6. ถ้าเทียบมาตรฐานมนุษย์เด็ก 1 ขวบยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย โต้ตอบเป็นตุเป็นตะแบบตอนท้ายเรื่องได้เหรอ หรือว่า มนุษย์ดาว moa มาตรฐานต่างออกไป

    7. ความผูกพันธ์ระหว่าง ดร.มิเกล กับ คอลลิน ดูจะน้อยมาก สามารถทำลายทิ้งได้ทันที ทั้งๆที่ดร.มิเกลเลี้ยงดู คอลลินตั้งแต่เด็ก น่าจะมีปมขัดแย้งตรงนี้มากกว่านี้ครับ

    ได้ชมเชยเหมาะสมแล้ว
    อย่างอื่น คอลิน

  10. จากการที่ได้อ่านทั้ง 3 เรื่องที่ติดอันดับนะครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใช้สำนวนภาษาได้ดีที่สุด เหมือนนักเขียนอาชีพ ผมชอบการบรรยายที่ให้ข้อมูลที่ละน้อยอย่างเป็นระบบ ไม่่น่าเบื่อ เปิดเรื่องได้น่าติดตามมากๆ ครับ

ใส่ความเห็น