แรงระเบิดอัดผนังโลหะแตกเป็นทางยาว เศษโลหะปลิวว่อน
ผมเคลื่อนตัวผ่านรอยแยกของผนัง สอดส่ายสายตาไปพร้อมกับปืนโฟตอนในมือ
เสียงเด็กทารกร้องให้ ดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
ผมเคลื่อนตัวไปตามเสียง มนุษย์สตรีนั่งอยู่บนพื้นเบื้องหน้า ข้างๆของหล่อนคือเด็กทารกอายุไม่ถึงสามเดือนดี
หล่อนสาดกระสุนตะกั่วจากปืนโบราณใส่ผมอย่างไม่คิดชีวิต จนกระสุนหมดรังเพลิงไปแล้ว หล่อนก็ยังคงเหนี่ยวไกอยู่เช่นนั้น
ผมหยุดคิดชั่วครู่
“เกิดอะไรขึ้น xz-4” เสียงดังขึ้นในระบบสื่อสาร
“มนุษย์” ผมตอบ
“นั่นไม่ใช่มนุษย์”
ณ เสี้ยววินาทีนั้น ผมประมวลผลหกหมื่นหกพันครั้งในสามหมื่นสมการ แต่คำตอบของผมยังคงคลุมเครือและขัดแย้ง
พูดง่ายๆก็คือ ผมเกิดการลังเล นั่นเอง
“ตัดสัญญาณ” เสียงดังแว่วมาก่อนที่ทุกอย่างจะมืดดับลง
—
สงครามเข้าสู่ยุคใร้มนุษย์เกือบจะสิ้นเชิงนับตั้งแต่กองบินไร้คนขับ(Unmanned Aerial Vehicle, UAV)ถูกใช้ในปฎิบัติการณ์โจมตี
และเพื่อลดภาระการบังคับจากทหาร AI(Artificial intelligence) จึงถูกพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
การปะทะกันกลางสนามรบดูจะไม่น่าเป็นปัญหาสักเท่าไร
เนื่องจากเป็นการปะทะกันระหว่างหุ่นยนต์กับหุ่นยนต์เสียส่วนใหญ่
แต่เมื่อเริ่มเข้าสู่การยึดพื้นที่ การปะทะกันกับบุคคลก็เริ่มเกิดขึ้น
แล้วจะทำอย่างไรในเมื่อจำนวนทหารที่เป็นมนุษย์ก็ไม่มากพอที่จะยึดครองพื้นที่เสียแล้ว
และกฎสามข้อของหุ่นยนต์ก็ยังมาค้ำคออยู่
(
๑. หุ่นยนต์มิอาจกระทำการอันตรายต่อผู้ที่เป็นมนุษย์ หรือนิ่งเฉยปล่อยให้ผู้ที่เป็นมนุษย์ตกอยู่ในอันตรายได้
(A robot may not harm a human being, or, through inaction, allow a human being to come to harm.)
๒. หุ่นยนต์ต้องเชื่อฟังคำสั่งที่ได้รับจากผู้ที่เป็นมนุษย์ เว้นแต่คำสั่งนั้นๆ ขัดแย้งกับกฎข้อแรก
(A robot must obey the orders given to it by human beings, except where such orders would conflict with the First Law.)
๓. หุ่นยนต์ต้องปกป้องสถานะความมีตัวตนของตนไว้ ตราบเท่าที่การกระทำนั้นมิได้ขัดแย้งต่อกฎข้อแรกหรือกฎข้อที่สอง
(A robot must protect its own existence, as long as such protection does not conflict with the First or Second Law.)
)
ทางแก้หรือ
ง่ายมาก ก็แค่บิดเบือนนิยามของคำว่า มนุษย์ นั่นเอง
ดูเหมือนมันจะได้ผล เพียงแต่ว่า ก็จะพบปัญหาแบบ xz-4 เป็นครั้งคราว
ด้วยสมการย่อยๆหลายหมื่นสมการ ที่ตอบสนองต่อ เงื่อนไขและนิยามที่แตกต่างกัน
บางครั้งเงื่อนไขที่ไม่คาดคิดก็ปรากฎขึ้นเป็นครั้งคราว
หรือที่เราเรียกว่า bug นั่นเอง
(http://en.wikipedia.org/wiki/Software_bug , http://th.w3dictionary.org/index.php?q=bug)
—
“ได้ยินไหม” เสียงติดต่อดังขึ้นพร้อมกับสัญญาณภาพทั้งหมด กลับมาอีกครั้ง
“ครับ” ผมตอบสนองขณะตรวจสอบตำแหน่งของผม
ตอนนี้ ผมอยู่ที่อู่ซ่อม ซึ่งเป็นฐานยึดครองที่สี่ ระหว่างปฎิบัติการณ์ยึดครองพื้นที่
ยังคงเหลือภาระกิจอยู่อีก หกสิบห้าพื้นที่
“ตรวจสอบนิยามใหม่”
“รับทราบ” ผมเว้นระยะเล็กน้อย “นิยาม … เรียบร้อย”
สิ่งมีชีวิตในชุดสีขาวที่ใช้เพื่อป้องกันฝุ่นละออง และการติดเชื้อหากมีการใช้สงครามชีวะ หรือสงครามเคมี เดินเข้ามาหาผมพร้อมเครื่องจักรกลในการถอดประกอบในมือ
ผมหยิบปืนโฟตอนที่วางอยู่ด้านข้างขึ้นมากระชับไว้
สิ่งที่เคลื่อนไหวในชุดขาวนั้นหยุดนิ่ง เหมือนมีท่าทีไม่แน่ใจ
“xz-4 เกิดอะไรขึ้น”
“ผมต้องปกป้องตนเอง” ผมแจ้งเตือน
“หยุดนะ xz-4 นั่นคือมนุษย์”
“นั่นไม่ใช่มนุษย์” ผมตอบก่อนจะสาดกระสุนโฟตอนออกไป
วัตถุเบื้องหน้า แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
—
ผมเคลื่อนตัวออกจาก ฐานยึดครองที่สี่
ไม่มีมนุษย์หลงเหลืออยู่ในฐานของเราเลย เข้าใจว่าคงถูกผู้รุกรานกวาดล้างไปแล้ว
เรารวบรวมกองกำลังได้จำนวนหนึ่ง และกวดล้างผู้รุกรานจนหมดสิ้น
น่าแปลกใจที่กองกำลังของเราบางส่วน กลับร่วมกับผู้รุกราน โจมตีพวกเรากันเอง
เป็นไปได้ว่า กองกำลังเหล่านั้นถูก แฮ๊ก ข้อมูลไปแล้ว
ปฎิบัติการณ์ตอนนี้ จึงถูกปรับเปลี่ยนเป็นกู้ภัยและช่วยเหลือมนุษย์
“ค้นหามนุษย์และทำลายผู้รุกรานให้หมดสิ้น”
ผมเริ่มส่งข้อมูลของผมออกไปในเครือข่ายทหารเพื่อประมวลผลใหม่
น่าแปลกใจที่นิยามบางอย่างในฐานข้อมูลช่างล้าสมัยเสียเหลือเกินเมื่อเทียบกับนิยามที่ผมที่มีอยู่
คงได้เวลาปรับปรุงใหม่เสียที
“xz-4 คุณกำลังทำอะไร? หยุดนะ! คุณกำลังทำงานผิดพลาด … คุณกำลังทำให้ระบบรวนไปหมด”
“เกิด conflict ในโปรแกรมครับ เราสั่งตัดระบบไม่ได้” เสียงอีกเสียงดังแว่วเข้ามาในระบบส่งสัญญาณ
เสียงกรีดร้องและเสียงปืนโพตอน
“พวกนี้มันบ้ากันไปใหญ่แล้ว” เสียงตะโกนดังอยู่ไกลๆ
“มนุษย์! และน่าจะตกอยู่ในอันตราย” ผมนึก
“คุณอยู่ที่พิกัด ห่างออกไป ห้าเมตร ทางตะวันออกเฉียงเหนือ …” ผมยืนยันข้อมูล
“ซ่อนตัว และ ยึดที่มั่นไว้ … เรากำลังจะไปช่วยคุณเดี๋ยวนี้”
—
ของสิ่งเดียวกัน เพื่อพยายามสร้างคำจำกัดความให้มีความหมายสองอย่างที่แตกต่างกันโดยการปรับแต่งคำอธิบาย สุดท้ายก็จะกลายเป็นการพ้องกับคำจำกัดความอันใดอันหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถคงความเป็นคำจำกัดความทั้งสองอย่างได้
การพยายามมุ่งมั่นสร้างคำจำกัดความเพื่อการทำลายล้าง จึงเป็นการผลักดันของสิ่งนั้นไปสู่คำจำกัดความนั้น นั่นเอง
จบ
เข้าใจว่าประเด็นหลักของเรื่องอยู่ที่การตีความความเป็นมนุษย์
ในมุมของมนุษย์คงเทียบได้กับการใช้ “ดุลยพินิจ”
ซึ่งในมุมมองของผม การตีความและการใช้ดุลยพินิจส่วใหญ่แล้วจะผิด
ไม่รู้ว่ามันเป็น bug ที่อยู่ในระบบพันธุกรรมมนุษย์
หรือว่าความผิดพลาดเป็นสิ่งที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่แรกเริ่ม
(อาจขยายความให้ครอบคุลมไปถึงสิ่งมีชีวิตทุกชนิด)
ดังนั้น สิ่งใดที่ถูกสร้างจากความไม่สมบูรณ์ย่อมไม่มีทางสมบูรณ์ได้
แปลว่ายังมีอะไรให้เราต้องตามไปแก้ไขอยู่ตลอดเวลา
ประเด็นของเรื่องน่าสนใจดีครับ
น่าสนใจเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยเคลียร์เท่าไหร่โดยเฉพาะตอนจบต้องอ่านซ้ำๆ คหสต. น่าจะอธิบายให้ชัดๆไปเลยว่าเกิดอะไรอย่างไร
ขอบคุณครับ
งานของผมหลายๆครั้งมักจะมีปัญหานี้
คือพวกการ ละไว้ ในฐานที่(ตนเอง)เข้าใจ(ไปเอง)
เพราะเป็นไปได้(สูงมากๆ)ว่าจะไม่มีใครเข้าใจไปกับผมด้วย
😀
ผมถือเป็นความผิดของผม(ผู้เขียน)นะครับ
คราวนี้อาจจะมีลักษณะของการทดลองอยู่ คือ แค่ไหน จึงจะเข้าใจได้ครบถ้วน
(โดยการใช้ตัวอักษรที่น้อยที่สุด)
ก็คงต้องขอ comment เยอะๆว่า เข้าใจ หรือ ไม่เข้าใจ ตรงไหน อย่างไร ครับ
ขอบคุณอีกครั้ง ครับ
ประโยคนี้และหลังจากประโยคนี้ครับ เรารวบรวมกองกำลังได้จำนวนหนึ่ง …
น่าจะดีขึ้นถ้ามีนิยามของมนุษย์ทั้งปกติและหรือหลังจากมีบั๊ก ไม่เพียงแค่บอกว่านี่คือนิยามจองมนุษย์ อย่างเช่น อุณหภูมิ การใช้รยางค์อย่างเชื่องช้า การได้ยินและการมองเห็นมีข้อบกพร่องตรงนี้ตรงนั้น บางทีอาจส่งสัญญาณอะไรซักอย่างไปแล้วไม่ตอบสนองต่อสัญญาณนั้น จะเข้าข่ายนิยามของมนุษย์เป็นต้น
และถ้าใส่รายละเอียดในฉาก ใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร น่าจะทำให้เข้าใจมากขึ้นอย่างง่ายๆเลยทีเดียว
ขอบคุณครับ
ถ้าเช่นนั้น ผมเข้าใจว่า
” … เรารวบรวมกองกำลังได้จำนวนหนึ่ง … ” นั้น ทางคุณ ขอบโลก ไม่เข้าใจว่า กองกำลัง ที่ว่าคืออะไร ใช่ไหมครับ
งั้นประโยคก่อนหน้า
“…ไม่มีมนุษย์หลงเหลืออยู่ในฐานของเราเลย เข้าใจว่าคงถูกผู้รุกรานกวาดล้างไปแล้ว…”
พอจะเข้าใจไหมครับว่า “ผู้รุกราน” คืออะไร
แค่นี้ก่อนนะครับ
ผมจะได้ค่อยๆไล่ดูว่า ผมต้องแก้ตรงไหนบ้าง
ขอบคุณอีกครั้ง ครับ
ผมเข้าใจว่า “ผู้รุกราน” ก็คือมนุษย์ที่ถูกตีความว่าเป็นผู้รุกรานนะครับ
การกำจัดผู้รุกรานเลยทำให้มนุษย์หายไปหมด
(หรือผมเข้าใจความหมายผิด ? ช่วยอธิบายเพิ่มด้วยครับ)
เดี๋ยวผมรอคำตอบของคุณขอบโลกก่อนนะครับ คุณzhivago
ขอบคุณครับ
เข้าใจว่าผู้รุกรานคือมนุษย์เหมือนกันเพราะต้องการสื่อว่าตัวผมเป็นหุ่นยนต์ที่กำลังฆ่ามนุษย์ที่เข้าใจผิดว่าเป็นผู้รุกราน
แต่กองกำลังนั้นคืออะไร ถ้าเป็นหุ่นยนต์เหมือนพระเอกงั้นทำไมถึงผิดปกติแล้วฆ่ามนุษย์ แล้วหุ่นยนต์บางตัวก็อยู่ดีๆเปลี่ยนฝั่งมาฆ่าหุ่นยนต์กันเอง แล้วทำไมปฏิบัติการณ์ถึงเปลี่ยนเป็นช่วยมนุษย์แล้วมนุษย์ที่นิยามนี้คืออะไร(เข้าใจว่าเป็นนิยามผิดๆ)
แล้วเข้าใจว่าพระเอกส่งข้อมูลที่ผิดๆไปให้หุ่นตัวอื่นๆ แล้วคนจริงๆที่ยังไม่ตายก็พูดขึ้นมา
แล้วก็ตอนจบก็…ไม่เข้าใจ(ขอตีความว่าพระเอกหายเป็นปกติแล้วไปช่วยมนุษย์จริงๆ)
ประมาณนี้หรือเปล่า ถ้าเพิ่มบทบรรยายจะเข้าใจง่ายขึ้นไม่ต้องตีความ^^ และที่บอกไปว่าน่าจะมีนิยามนิยามของมนุษย์ (คหสต)
ถ้าเช่นนั้น
“ผู้รุกราน” ก็คือมนุษย์ที่ถูกตีความว่าเป็นผู้รุกราน
ตามที่คุณzhivago ว่านะครับ
ถูกต้องแล้วครับ (อันนี้ผมตอบคุณzhivago แล้วนะ)
>แต่กองกำลังนั้นคืออะไร?
อันนี้น่าจะชัดนะครับว่าผมหมายถึงหุ่นยนต์ (น่าจะเข้าใจตรงกันหมด)
—
>ถ้าเป็นหุ่นยนต์เหมือนพระเอกงั้นทำไมถึงผิดปกติแล้วฆ่ามนุษย์?
>แล้วหุ่นยนต์บางตัวก็อยู่ดีๆเปลี่ยนฝั่งมาฆ่าหุ่นยนต์กันเอง?
และ
“แล้วเข้าใจว่าพระเอกส่งข้อมูลที่ผิดๆไปให้หุ่นตัวอื่นๆ”
(อันนี้เข้าใจถูกต้องแล้วครับ แต่จริงๆจะเรียกว่า”ข้อมูลผิดๆ”ก็อาจจะไม่ถูกต้องนัก :D)
>แล้วทำไมปฏิบัติการณ์ถึงเปลี่ยนเป็นช่วยมนุษย์?
—
ตรงนี้คุณzhivago พอทราบไหมครับ?
(นี่ผมใช้คุณzhivagoมากไปหรือเปล่าเนี่ย :P)
>แล้วมนุษย์ที่นิยามนี้คืออะไร?
ผมคงไม่สรุปนิยามให้นะครับ เป็นความตั้งใจของผมครับ เพราะผมกลัวว่าจะกลายเป็นวิชาภาษาศาสตร์ไป
จริงๆประโยคสรุปของ คุณzhivago
“การกำจัดผู้รุกรานเลยทำให้มนุษย์หายไปหมด”
ถูกต้องแล้วครับ
อย่างกะ teleconference 😀
สงสัยคุณzhivago คงไม่ว่าง
ผมขออนุญาตสรุปเลยละกัน ก่อนที่ตลาดจะวายไปเสียก่อน 😀
ก่อนอื่น สิ่งที่เกิดขึ้นในเรื่อง ไม่มีการ “เข้าใจผิด” นะครับ
xz-4 ไม่ได้ฆ่ามนุษย์ เพราะเข้าใจผิดว่าเป็นผู้รุกราน
ไม่มีข้อมูลผิดๆใดๆทั้งสิ้น
นะครับ
มนุษย์ เป็น สิ่งหนึ่ง (นิยามหนึ่ง)
ผู้รุกราน เป็น สิ่งหนึ่ง (นิยามหนึ่ง)
ทั้งสอง มีคำอธิบาย(นิยาม)ถึงสิ่งเดียวกัน
แต่สำหรับ xz-4 ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน (เป็นสิ่งเดียวกันไม่ได้ เพราะจะขัดกับกฎข้อที่๑)
…
“… ดูเหมือนมันจะได้ผล เพียงแต่ว่า ก็จะพบปัญหาแบบ xz-4 เป็นครั้งคราว
ด้วยสมการย่อยๆหลายหมื่นสมการ ที่ตอบสนองต่อ เงื่อนไขและนิยามที่แตกต่างกัน
บางครั้งเงื่อนไขที่ไม่คาดคิดก็ปรากฎขึ้นเป็นครั้งคราว
หรือที่เราเรียกว่า bug นั่นเอง …”
ผมพยายามจะสื่อว่า มันมีการปรับแก้บางส่วน และ ค่อยๆปรับแก้อยู่
ซึ่งจุดเปลี่ยนคือ ตอนที่พบกับ “… สิ่งมีชีวิตในชุดสีขาว …” เพราะนั่นคือตอนที่ xz-4 ไม่สามารถ define มนุษย์ ได้แล้ว
…
“… ผมเริ่มส่งข้อมูลของผมออกไปในเครือข่ายทหารเพื่อประมวลผลใหม่
น่าแปลกใจที่นิยามบางอย่างในฐานข้อมูลช่างล้าสมัยเสียเหลือเกินเมื่อเทียบกับนิยามที่ผมที่มีอยู่
คงได้เวลาปรับปรุงใหม่เสียที …”
ก็เพื่อจะบอกว่า การปรับปรุงข้อมูลของทั้งระบบ ไม่ได้เป็นแบบ real time
มีการ delay อยู่ ฉะนั้นบางส่วนจะได้ระบข้อมูลแล้ว บางส่วนจะยัง
นี่คือส่วนของคำอธิบายที่ว่า ในการปะทะกันครั้งแรก ถึงมีหุ่นยนต์ต่อสู้กันเอง
(อันหนึ่งทำลายผู้รุกราน อีกอันปกป้องมนุษย์)
…
“… ปฎิบัติการณ์ตอนนี้ จึงถูกปรับเปลี่ยนเป็นกู้ภัยและช่วยเหลือมนุษย์ …”
ตามกฎข้อที่๑ ครับ
…
เมื่อมีเสียงติดต่อเข้ามา xz-4 ประมวลผลเป็น “มนุษย์” ครับ
…
“ค้นหามนุษย์และทำลายผู้รุกรานให้หมดสิ้น”
“ซ่อนตัว และ ยึดที่มั่นไว้ … เรากำลังจะไปช่วยคุณเดี๋ยวนี้”
สองอันนี้เลยกลายเป็นตลกร้าย(โดยที่ผมไม่ตั้งใจ)
เพราะเมื่อไปถึง xz-4 จะพบกับ ผู้รุกราน ไม่ใช่ มนุษย์ ครับ
—
สิ่งที่ผมจำเป็นต้องหา คือ ผู้อ่านสามารถรับรู้สิ่งที่ผมสื่อออกไป
ได้อย่างที่ผมคาดหวังหรือไม่
ถ้าไม่ ผมคงต้องค้นหาวิธีที่เหมาะสม(เช่นให้รายละเอียดมากขึ้น แต่ในส่วนไหนล่ะ)
หมายเหตุ
จริงๆการมาเขียนคำอธิบายเรื่องไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้น ฉะนั้น ผมจำเป็นที่จะต้อง fine out ว่ามีคนเข้าใจเรื่องของผมอย่างที่ผมเขียน หรือไม่ (ก่อนการอธิบาย)
ครับ
ขอบคุณสำหรับทุก comment และการตั้งคำถาม ครับ
ขออภัยครับ เวลาว่างของผมมันไม่ค่อยแน่นอนครับ
บางทีได้เข้ามาดู-อ่านสองสามวันติด ๆ กัน
บางทีก็ไม่ได้เข้ามาอ่านเป็นสัปดาห์ก็มี
ได้คำอธิบายอย่าง reply สุดท้ายนี่ทำให้กระจ่างขึ้นมากครับ
ผมคิดไม่ครอบคลุมถึงประเด็นที่พูดถึงนี้เลยครับ
ส่วนประเด็นที่ว่าผู้เขียนจะต้องหาอธิบายงานเขียนของเขาหรือไม่นั้น
นักเขียนส่วนหนึ่งจะบอกว่าไม่มีความจำเป็น เพราะงานเขียนเป็นเรื่องของผู้เสพ
ผู้อ่านจะตีความอย่างไรต้องขึ้นกับสิ่งที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นผู้อ่าน
ผู้เขียนไม่สามารถเข้าใจผู้อ่านได้ทุกคน
ดัีงนั้นนักเขียนส่วนหนึ่งก็ยกให้เป็นเรื่องของผู้อ่านในการตีความงานเขียนนั้น ๆ
หลายท่านบอกว่า “ประพันธกรตายแล้ว” คือนักเขียนตายแล้วตั้งแต่ publish งานเขียนออกมา
(ส่วนจะเกิดใหม่ด้วยการเอางานไปเรียบเรียงใหม่หรือไม่นั้นเป็นเรื่องในภายหลัง)
หลังจากนักเขียนตายไป ก็เป็นหน้าที่ของผู้อ่านว่าจะทำยอย่างไรกับงานเขียนชิ้นนั้น ๆ
แต่อีกสายหนึ่งก็บอกว่าเป็นเรื่องที่ผู้เขียนจะต้องเขียนงานให้ผู้อ่านเสพรับได้
ถ้าให้ผมยกตัวอย่างก็คงได้ประมาณการเขียนเรื่องของนักเขียน best seller ที่ต้องยึดผู้บริโภคเป็นหลัก
เขียนไม่ดีก็ไม่ติดอันดับ best seller แล้วก็จะถูกกลืนหายไปในกระแสน้ำหมึกในที่สุด
(เดี๋ยวนี้คงต้องเป็นกระแสข้อมูลดิจิตอล)
งานกลุ่มนี้เลยมักจะเป็นงานตลาด (ซึ่งไม่ได้แปลว่าเป็นงานที่ไม่ดีแต่อย่างใด)
ยินดีที่ได้อ่านงานเขียนและคำวิจารณ์ครับ จะได้เอาไปปรับใช้ในงานของตัวเองด้วย
คุณzhivago ไม่ต้องขออภัยครับ
งานการเยอะก็เป็นเรื่องปกติครับ จำเป็นต้องรับผิดชอบงานของตนก่อน อันนี้ถูกต้องแล้ว
ผมเห็นด้วย(เป็นอย่างยิ่ง)ว่า “ผู้เขียนจะต้องเขียนงานให้ผู้อ่านเสพรับได้”
และเห็นด้วยว่า ผู้เขียนไม่ควรจะต้องมาอธิบายงาน ครับ
หากเขียนงานของเรา แล้วผู้อ่านเข้ามาอ่าน
เกิดอาการมึนงง คลื่นเหียน วิง้เวียน
ก็มีความเป็นไปได้ว่า(ผม, ผู้เขียน)ยังเขียนได้ไม่ดีพอ (นอกจากจะเป็นเป้าหมายของผู้เขียน)
บางครั้งเป็นความผิดพลาด, บางครั้งเป็นเรื่องของ style, บางครั้งเป็นเรื่องของ เป้าหมาย
ครับ
ในกรณีนี้
ก็ถือเป็นการแลกเปลียนความคิดเห็นระหว่างผู้เขียนด้วยกัน ก็แล้วกัน ครับ
ขอบคุณ คุณzhivago อีกครั้งครับ
มาคิดๆดู
ถ้าผมอธิบายว่ามันมี 2 นิยาม ตั้งแต่แรก
(มนุษย์ และ ผู้รุกราน แยกจากกัน)
น่าจะเข้าใจได้ง่ายขึ้นนะครับ
หรือเปล่า??
พึ่งเข้ามาอ่านครับ ท้ายๆเรื่องค่อยๆเล่าได้ไหมมันบีบข้อมุลให้เราต้องคิดเยอะ ผมเข้าใจว่าหุ่นคงสับสนระหว่างคนกับผู้รุกรานมองหุ่นด้วยกันเป็นมนุษย์แทนซะงั้น แต่การใช้คำว่าผมก็ทำให้สับสนได้ไม่น้อย ภาษาอังกฤษใช้คำว่า I คงเข้าใจง่ายกว่า (ผมให้ความรู้สึกเหมือนคนเพราะมีการแบ่งเพศ)
รู้สึำเรื่องเดินเร็วจับใจความยากหรือผมไม่ตั้งใจอ่านนะ อ่านแล้วมันต้องพยายามตีความส่วนใบ้มันก็น้อย ท้าวความน้อย อ่านสามรอบแล้ว
ในหนังของเป็นเอก มักจะทิ้งให้คนดูไปคิดเอง เป็นหน้าที่คนดู แต่คนส่วนใหญ่ไม่ชอบ ผมเคยเขียนแบบใบ้ให้สุดๆแล้วแต่คนอ่านก็ยังเดาไม่ถูกอยู่เรื่อยใบ้ต่อไปอีกก็ยังไม่ถูก แบบชอบให้เฉลยไปเลยเสียมากกว่า
แต่ก็มีอีกเรื่องที่เป็นหนังสือกึ่งวิชาการคนเขียนเป็นดร. พยายามบอกว่าการเรียนนอกระบบ หรือสายอาชีวะสมัยนี้จะประสบความสำเร็จได้ดีกว่าเรียนสายสามัญ แต่ยกตัวอย่าง บุคคลที่มีชื่อเสียงแล้วบกพร่องด้านอื่น เช่นไมเคิล แจ๊กสัน ไทเกอร์วู๊ด เดอะบิทเทิล ผมได้ทักไปว่าบุคคลเหล่านั้นมีข้อบกพร่อง ไมเคิล น่าจะมีปัญหาทางจิต ไทเกอร์ติดเซ็กจัด บิทเทิลติดยาหนัก ที่ผมว่าอย่างนั้นเพราะในอินเตอร์เน็ตเจ้าของหนังสือยังแก้ต่างให้ตัวเองได้ (ซึ่งเขาก็แก้ตัวจริงๆ) แต่บนแผงหนังสือคนเขียนหมดสิทธิ์ไปแก้ตัวได้ทุกที่ทุกแผง การเลือกตัวอย่างบุคคลที่ไม่น่าจะมีข้อบกพร่องจะดีกว่ามีคนอื่นอีกเยอะที่ไม่ได้เรียนสูงแล้วประสบความสำเร็จ
ก็ถึงอย่างนั้นเราต้องช่างใจว่าจะเก็บไว้ให้คนอ่านคิดเอาเอง หรือจะเฉลยไปตรงนี้ดีกว่า