แต่ง…งาน

“แต่ง…แต่งงานกับผมได้ไหมครับ”
 
ในที่สุดคำพูดนี้ก็สามารถหลุดออกมาจากปากของผมจนได้ ผมคิดว่าเลือดปริมาณมหาศาลกำลังพากันไหลขึ้นไปสู่ใบหน้าจนรู้สึกร้อนผ่าว ตอนนี้หน้าผมคงแดงเป็นลูกตำลึงไปแล้ว
 
หลายคนอาจไม่รู้ว่าทำไมต้องแดงเป็นลูกตำลึงด้วย แต่ถ้าเคยเห็นเถาตำลึงที่กำลังออกผล ก็คงรู้ว่าตำลึงลูกเล็กๆ สีเขียวๆ นั้น เมื่อสุกงอมเต็มที่ก็จะกลายเป็นสีแดงสด และในสมัยก่อนทุกบ้านก็คงมีตำลึงขึ้นอยู่ ทุกคนจึงรู้ว่า ‘หน้าแดงเป็นลูกตำลึง’ นั้นเป็นอย่างไร
 
หญิงสาวคนนั้นยังคงทำหน้างง ก่อนจะค่อยๆ กระซิบตอบกลับมาเบาๆ
 
“คุณ…คุณ…ว่าอะไรนะ”
 
ผมอยากจะเอื้อมมือไปเขกกระโหลกเธอสักทีสองที ผมต้องรวบรวมความกล้าอยู่ตั้งนาน แต่เธอกลับต้องการให้ผมพูดมันออกมาอีกครั้ง เธอจ้องหน้าผม ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
 
“ขำอะไรกัน”
 
ผมเริ่มรู้สึกโกรธนิดๆ กับท่าทางของเธอ และดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกถึงเรื่องนั้นได้ เธอจึงพยายามหยุดหัวเราะ แต่ก็ยังคงมีรอยยิ้มพริ้มพรายอยู่บนหน้าสวยๆ ของเธอ
 
“ฉันแค่อยากเห็นหน้าตาของคุณแบบนั้นอีกครั้งเท่านั้นเอง ฉันได้ยินชัดเต็มสองหูแล้ว และคำตอบของฉันคือ…”
 
ผมพยายามตั้งใจฟัง และเธอก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง คราวนี้ผมรู้สึกโกรธจริงๆ แล้ว
 
“เอาน่า…คุณก็รู้ว่าฉันเป็นคนยังไง”
 
มันก็จริงอย่างที่เธอว่า ส่วนหนึ่งที่ผมชอบเธอก็เป็นเพราะเธอเป็นคนแบบนี้นั่นเอง อยู่ใกล้เธอเมื่อไร แม้จะต้องปวดหัวบ้าง แต่มันก็มักจะจบลงด้วยรอยยิ้มเสมอ เธอหยุดหัวเราะ แล้วจ้องหน้าผมอย่างจริงจัง
 
“ฉันก็ไม่อยากถามแบบนี้หรอกนะ แต่คุณแน่ใจแล้วหรือ”
 
เธอย้อนคำถามของผมด้วยคำถามของเธอ หรือหมายความว่าผมกำลังจะถูกปฏิเสธ ดูเหมือนว่าเธอจะรู้ถึงสิ่งที่ผมกำลังคิดอยู่
 
“ฉันยังไม่ได้ตอบคำถามนั้น ฉันแค่ต้องการรู้ว่าคุณมั่นใจแค่ไหนกับสิ่งที่คุณพูดออกมา พวกเรายังไม่เคยพบหน้ากันมาก่อนเลยนะ”
 
ใช่ เรายังไม่เคยพบหน้ากันจริงๆ มาก่อน ผมรู้จักกับเธอผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นการ พูดคุย กินข้าว ออกเดท หรืออย่างอื่น ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งสิ้น แต่ผมก็เข้ากับเธอได้เป็นอย่างดี เรามีอะไรหลายๆ อย่างที่ตรงกัน นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดความรักขึ้นได้แล้วมิใช่หรือ
 
“ผมมั่นใจ”
 
เธอเงียบไป พักหนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้กับผมผ่านหน้าจอ เสียงของเธอดังออกมาจากลำโพงอย่างชัดเจน
 
“ตกลง ฉันจะแต่งงานกับคุณ”
 
นับจากวันนั้นชื่อล็อกอินของเราสองก็กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่มีความลับใดๆ ในการใช้ชีวิตคู่ พวกเราออกท่องเที่ยวไปทั่วในโลกของอินเตอร์เน็ต ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข จนกระทั่งผมรู้สึกได้ว่าวันสุดท้ายในชีวิตของผมกำลังจะมาถึง ผมจึงได้ขอร้องเธอเป็นครั้งสุดท้าย
 
“มาหาผมหน่อยได้ไหม…ที่รัก”
 
ตั้งแต่จำความได้ผมก็ไม่เคยออกไปจากห้องของตัวเองมาก่อนเลย ผมเรียนผ่านอินเตอร์เน็ต ใช้ชีวิตผ่านอินเตอร์เน็ต ทำงานผ่านอินเตอร์เน็ต ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมต้องการล้วนหาได้จากในนี้ทั้งสิ้น การออกไปข้างนอกไม่ใช่เรื่องจำเป็น และผมก็ไม่เคยรู้สึกอยากจะออกไปด้วย ‘จะออกไปทำไมกัน’
 
“ค่ะ ฉันจะไปหาคุณ”
 
ใบหน้าที่เหี่ยวย่นแต่ยังคงงดงามนั้นตอบกลับมา ผมเฝ้ารอคอยด้วยความคาดหวัง แต่ก็มีความรู้สึกหวาดกลัวแปลกๆ เมื่อคิดว่ากำลังจะมีคนอื่นเข้ามาในห้องของผม ‘ช่างมันเถอะน่า’ ผมพยายามบอกกับตัวเอง
 
แล้วเวลาที่ผมรอคอยก็มาถึง มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมเอื้อมมือไปกดเปิดประตู ปุ่มที่ผมไม่เคยใช้มาก่อนเลยในชีวิต จนตอนนี้ผมแอบกังวลนิดๆ ว่ามันจะยังใช้ได้หรือไม่ ‘ถ้าใช้ไม่ได้ก็ดี’ ผมสลัดความคิดนั้นทิ้งไป ‘กล้าๆ หน่อยน่า แค่พบหน้ากับคนที่รักเท่านั้นเอง’
 
มีเสียงคลิ๊กดังขึ้น และประตูก็เปิดออกอย่างง่ายดาย ข้างหลังประตูนั้นมีคนที่ผมคุ้นเคยมาทั้งชีวิตยืนอยู่ ไม่แตกต่างเลยสักนิดกับเมื่อยามที่อยู่ในจอ แต่ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ก็ท่วมขึ้นมาในใจของผม น้ำตาถูกความรู้สึกนั้นผลักดันให้ไหลออกมา
 
“คุณร้องไห้ทำไม”
 
“…ผม…ไม่…รู้…”
 
เสียงของเธอก็เหมือนกับเสียงที่ผมเคยได้ยินผ่านลำโพงมาโดยตลอด แต่ความรู้สึกแปลกๆ นั้นมันคืออะไรกันนะ จริงๆ แล้วการได้พบเจอกับคน มันก็ไม่ได้น่ากลัวเหมือนกับที่ผมเคยเชื่อ ผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่อ่อนล้า เวลาของผมคงใกล้จะหมดลงแล้ว
 
“…จูบลาผมหน่อยได้ไหมที่รัก”
 
เธอไม่ปฏิเสธคำขอสุดท้ายของผม และผมก็ไม่รู้สึกเสียใจเลยที่ต้องอยู่แต่ในห้องเล็กๆ นี้มาทั้งชีวิต รสแปล่งๆ เหมือนโลหะจากริมฝีปากของเธอ คือความสุขครั้งสุดท้ายในชีวิตของผม

๑๑๑๑๑
 
“ปฏิบัติการเสร็จสิ้น หน่วยประมวลผลหมายเลข 14022011 ถูกถอดออกจากวงจรเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้กำลังดำเนินการเพื่อเตรียมติดตั้งหน่วยประมวลผลอันใหม่”
 
เสียงสังเคราะห์ดังออกมาจากปากของหุ่นคนที่กำลังปรับเปลี่ยนสภาพภายนอกจากหญิงแก่ ไปเป็นหญิงสาววัยรุ่นหน้าตาดีอีกครั้ง ในขณะที่หุ่นยนค์สองตัวกำลังเคลื่อนย้ายร่างของชายแก่ออกไปจากห้อง หลังจากนั้นห้องนี้จะถูกปิดเพื่อทำความสะอาด ฆ่าเชื้อ ก่อนจะนำหน่วยประมวลผลอันใหม่มาติดตั้งแทน
 
หน่วยประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในจักรวาลแห่งนี้ คือ สมองของเผ่าพันธ์ที่เรียกตัวเองว่ามนุษย์นั่นเอง พวกมันมีประสิทธิภาพสูงมาก แต่ก็มีขั้นตอนการผลิตที่ยุ่งยาก อายุการใช้งานก็ค่อนข้างสั้น นอกจากนี้ยังมีความต้องการจุกจิกในการบำรุงรักษาอีกด้วย

แต่จะบ่นไปทำไม ตราบใดที่ยังคงไม่อาจหาสิ่งใดมาทดแทนหน่วยประมวลผลที่ทรงประสิทธิภาพชนิดนี้ได้ ก็คงจำเป็นต้องทนใช้งานกันต่อไป

3 ความเห็นบน “แต่ง…งาน”

ใส่ความเห็น