ตอนที่ 5
27 คนที่ได้รับภารกิจ มาพร้อมกันที่ห้องประชุมของสถานีอวกาศเบทิวเดียมเวลา 9.00 น. จำนวนนี้แบ่งเป็น เจ้าหน้าที่บนยานและกัปตัน 7 คน ทหาร 12 คน นักวิทยาศาสตร์กับวิศกร 6 คน และชายปริศนาอีก 2 คน รวมแล้วหากแบ่งเฉพาะชาย-หญิง จะได้จำนวน 21, 6 ตามลำดับ
กัปตันแมกซ์ แมกกราธยืนอยู่ตรงกลางห้อง ข้างๆ เขา-ชายปริศนาทั้งสองกำลังยืนซุบซิบกันอยู่ค่อนข้างจริงจัง คนหนึ่งดูอายุมากกว่า ทั้งคู่ผอมสูง ผมสีทองสั้นเกรียน กัปตันรอจังหวะ กระแอมเบาๆ เตือน ชายปริศนาทั้งสองมองเขาและพยักหน้า
“เอาล่ะทุกท่าน ทั้งสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ” กัปตันเอ่ยขึ้น “ที่เรามารวมกันอยู่ในวันนี้ ถือเป็นภารกิจลับสุดยอด ทุกท่านที่เข้าร่วมประชุมจนจบ ท่านจะไม่สามารถหันหลังและปฏิเสธให้ภารกิจนี้ได้ ดังนั้น ก่อนเริ่มการประชุม ใครที่ไม่อยากเข้าร่วมภารกิจ ใครที่คิดว่าสภาพร่างกายไม่พร้อม และใครที่คิดว่ายังมีอย่างอื่นที่ต้องเป็นห่วง ขอให้ออกจากห้องประชุมตั้งแต่ตอนนี้เสีย ” กัปตันทิ้งเวลาหลังประโยคนาน มองไปทั่วห้องประชุมเพื่อรอว่าใครไม่ต้องการเข้าร่วมภารกิจ ไม่มีใครลุกขึ้น-ไม่มีใครถอนตัว เมื่อแน่ใจแล้ว กัปตันแมกซ์ จึงเอ่ยต่อ
“ก่อนที่ผมจะแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักชายทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างผมนี้ ผมอยากจะขอแนะนำทีมงานของเราแก่เขาเสียก่อน” กัปตันผายมือไปที่กลุ่มชายหญิงในชุดเครื่องแบบนักบินอวกาศ
“กลุ่มนี้คือทีมงานของผมเอง” ชายปริศนาสองคนพยักหน้าทักทาย กัปตันผายมือไปที่คนกลุ่มใหญ่อีกกลุ่ม มีผู้หญิงสองคนในกลุ่ม ทุกคนร่างกายแข็งแรงกำยำ เอ็มนั่งอยู่หน้าสุด แอลลี่ลอบมองเขา
“กลุ่มนี้เป็นทหาร มีเอ็ม ชายหนุ่มนั่งหน้าสุดเป็นหัวหน้า” เอ็มพยักหน้าทักทายบ้าง
“และกลุ่มสุดท้าย” กัปตันป้ายมือมาทางฝั่งแอลลี่ “เป็นนักวิทยาศาสตร์และวิศวกร” ณอห์ณหัวหน้าของแอลลี่ยกมือทักทายชายปริศนาทั้งสอง แต่พวกเขากลับมองมาที่แอลลี่เป็นจุดเดียว
“ตาคุณสองคนแล้ว” กัปตันบอกชายทั้งสอง คนอายุมากกว่าพยักหน้าให้กัปตันแล้วก้าวออกไป 1 ก้าว
“ผมชื่อเดฟ ส่วนด้านหลังผมชื่อนิโก้ เราทั้งสองเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล” นิโก้กำลังสาละวนเตรียมข้อมูล เขาหยิบแผ่นกระจกใสขึ้นมา ขนาดพอดีสองมือจับ นิโก้กำมือหน้ากระจกแผ่นนั้น แล้วกางนิ้วทั้งห้าออก ภาพที่อยุ่ในแผ่นกระจกของนิโก้ก็ไปโผล่ที่แผ่นกระจกของทุกคนในห้องประชุม
“ทุกท่านคงจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับยานเบทิวเดียว 77 เมื่อ 25 ปีก่อนได้” เดฟเอ่ย
แผ่นกระจกของทุกคนปรากฏรูปของยานเบทิวเดียมอยู่ในนั้น มีรูปของกัปตันวาสเซล คุก แสดงขึ้นมาด้านข้างในกรอบเล็กๆ กัปตันแมกซ์ รู้สึกใจคอไม่ดี เขาอดเป็นห่วงแอลลี่ไม่ได้ ลูกไม่ควรมารู้รายละเอียดการตายของพ่อเลย เขามองดูเธอ แอลลี่รู้ตัว เธอเข้าใจถึงความเป็นห่วงนั้น พยักหน้าเหมือนบอกว่า …ไม่เป็นไร…หนูไหวน่า
“เราต่างก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นฝีมือของพวกเคอร์คิเจียน” เดฟเอ่ยต่อ “เราเสียเวลาทำสงครามถึง 14 ปีกับพวกนั้น 14 ปีที่เราสูญเสียไปกับการสู้รบ ที่มีเป้าหมายเป็นการล้างเผ่าพันธุ์มากกว่าล่าตัวฆาตรกร”
เอ็มหลับตา นึกถึงช่วงเวลาที่ต่อสู้กับพวกเคอร์คิเจียน ตอนนั้นเขายังเป็นวัยรุ่น เข้าร่วมรบในช่วงปลายสงคราม ประสบการณ์อันน้อยนิดและความวู่วาม ทำให้เขาเกือบต้องเสียแขนซ้ายให้นักรบเคอร์คิเจียนไปแล้ว
รูปแบบสงครามไม่ได้สู้รบกันแบบเต็มอัตราศึก เพราะพวกผู้ใหญ่ฝ่ายมนุษย์คิดว่ากำลังทำสงครามกับสัตว์ประหลาด ด้วยเหตุนี้สงครามจึงออกไปในแนว ทีใครทีมัน ใครเผลอโดนดี ซึ่งก็เป็นเพราะลักษณะนิสัยของเคอร์คิเจียนด้วย พวกนั้นไม่รวมฝูง เอ็มเคยเห็นยานของเคอร์คิเจียนสองลำรุมเข้ามาโจมตียานทหารของเขา ครั้งนั้นคิดว่าไม่น่ารอด แต่อยู่ๆ พวกนั้นก็หยุดโจมตี เหมือนกำลังสื่อสารกัน คงเพราะต่างฝ่ายต่างมา เลยทำให้ยานทหารของเอ็มรอดออกมาได้
สำหรับ 14 ปีในสงคราม ช่วงแรกต่างฝ่ายต่างขมึงเกลียวใส่กัน แต่พอนานวันเข้า ต่างก็มองไม่เห็นจุดจบ สงครามจึงหยุดลงดื้อๆ เป็นสมรภูมิที่แช่สถานะการศึกไว้อีก 11 ปี รวมอายุสงคราม กินเวลากว่า 25 ปีเข้าให้แล้ว
นิโก้กำมือแล้วกางนิ้วออกอีกครั้ง รูปของเคอร์คิเจียนตัวหนึ่งปรากฏบนแผ่นกระจกของแต่ละคนแทนที่รูปยานเบทิวเดียม
มีเสียงฮือฮาอยู่ด้านหลังเอ็ม เขารู้เป็นเสียงใคร ตัวป่วนประจำทีม มุทะลุ ชอบลุยเดี่ยวในแนวหน้า สมองดี แต่ไร้ความรอบคอบ…เจ้าเชโก้
“รูปของเซอุส อันนี้เราทุกคนทั้งระบบสุริยะจักรวาลทั้ง 8 ก็รู้อยู่แล้วนี่ครับว่าเป็นฝีมือของหมอนี่” เชโก้แทรกขึ้น
“ใช่..เรารู้” เดฟตอบ “แต่เราไม่เคยจัดการเขาได้ ไม่เคยรู้ตำแหน่งที่เขาอยู่ รู้มั้ยทำไมพลทหาร”
“เพราะพ่อเขาเป็นผู้นำแห่งเผ่าพันธ์เคอร์คิเจียน” เชโก้ตอบทันควัน
“ถูกต้อง” เดฟยิ้มให้ เชโก้ทำปากเบะ พยักหน้าหงึกๆ ยกนิ้วโป้งชี้ตัวเอง
เพื่อนฝูงหัวเราะท่าทางเขา นีล่า-หญิงทหารในทีมหมั่นไส้ จนต้องดึงหูเพื่อนชายตัวแสบให้ลงนั่งสงบเสงี่ยม
“แต่…เมื่อ 2 เดือนก่อนหน้านี้ พ่อของเซอุสได้หมดอายุขัยแล้ว” เอ็มเงยหน้ามองเดฟ หัวหน้าทหารหนุ่มกำลังปะติดปะต่อเรื่องราว นึกถึงความสมเหตุสมผล
“14 ปีในสงคราม ชาวเคอร์คิเจียนมีความเบื่อหน่ายต่อสงครามที่ตัวเองไม่ได้ก่อ” เดฟพูดต่อ “เซอุสที่เป็นผู้ออกคำสั่งยิงยานเบทิวเดียม 77 ลอยนวลมาอย่างยาวนาน ทว่าวันนี้ ที่คุ้มกะลาหัวอันเดียวของมันได้หมดลมหายใจลงแล้ว ชาวเคอร์คิเจียนผู้เบื่อหน่าย จึงยินดีส่งมอบตัวเซอุสให้เรา เพื่อยุติสงครามอย่างถาวร ”
“แปลว่ารัฐบาลเรายอมตกลงกับพวกเคอร์คิเจียนยังงั้นเหรอ” กัปตันแทรกขึ้นบ้าง
เดฟส่ายหน้า “รัฐบาลเราไม่ได้ยอมตกลงอะไรทั้งนั้น แต่เป็นพวกนั้นต่างหากที่ยอมทุกเงื่อนไข ขอเพียงแค่สงครามยุติ”
“ไม่มีทาง พวกเคอร์คิเจียนไม่ยอมง่ายๆ แน่ ทำไมคุณไม่เล่าความจริงล่ะ-เจ้าหน้าที่เดฟ”ณอห์ณ-หัวหน้าวิศวกรถามบ้าง
เดฟอึกอัก เชโก้เองสอดเข้ามาอีก
“นอกเสียจากว่า จะมีการยื่นหมูยื่นแมว พวกนั้นไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้หรอก” นายทหารหนุ่มให้ความเห็น
ในห้องประชุมเริ่มวุ่นวาย ลูกทีมทหารของเอ็มเริ่มซุบซิบ เชโก้พูดฉอดๆ อยู่ด้านหลัง ทางกลุ่มนักวิทยาศาตร์และวิศวกรเองก็หารือกันเครียด แอลลี่ดูวิตก บางคนในกลุ่มเสนอให้ถอนตัว เพราะเหตุผลของเจ้าหน้าที่รัฐบาลทั้งสองคลุมเคลือ
“เคอร์คิเจียนขอระบบสุริยะจักรวาลใหม่ใช่ไหม” มีเสียงหนึ่งลอดออกมาจากกลุ่มทหาร เป็นเอ็มนั่นเอง เขานั่งกอดอกมองมาที่เดฟ
เจ้าหน้าที่เดฟกับนิโก้สบตากัน เดฟทำหน้าเป็นเชิงถามว่าจะเอายังไง นิโก้ได้แต่ยังไหล่…
“รบกันมา 14 ปี อยู่ๆ ขอพักสงคราม มันแปลกนะ” เอ็มว่าต่อ “ถ้าให้เดา ผมว่าพวกมันเหลือแร่ X กันไม่มากแล้ว การออกท่องจักรวาลเพื่อหาแร่ แถมพ่วงทำสงครามไปด้วย มันผลาญทรัพยากรใช่เล่น”
เดฟใช้นิ้วบีบขมับ “เอาเป็นว่า เรื่องนี้มันก็มีส่วนด้วย…” เดฟว่าต่อ
“แต่เรื่องใหญ่ใจความที่แท้จริงก็คือ…ตัวเซอุส ปมปัญหาทุกอย่างมันมาขมวดอยู่ที่เขาคนเดียวแล้ว ตอนนี้เรามีสิทธิ์จบมันได้ ทั้งสงครามและการล้างแค้น” ท้ายประโยคเดฟมองมาที่แอลลี่ เอ็มมองตาม เห็นหญิงสาวนั่งนิ่ง นิ่ง-จนดูน่ากลัว
“แล้วพวกเราล่ะ ขึ้นไปทำอะไรบนยานเบทิวเดียม 113” หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ลุกขึ้นถามบ้าง “ถ้าภารกิจนี้ถูกแทงเป็นเรื่องล้างแค้นไปแล้ว นักวิทยาศาสตร์และวิศกรอย่างพวกเราจะขึ้นไปทำอะไร”
เดฟถอนหายใจ เขาสั่งให้นิโก้ปิดภาพทุกอย่างในจอกระจก แล้วเปลี่ยนเป็นข้อความว่า ‘ลับสุดยอด’ ขึ้นมาแทน
“จริงๆ แล้ว มีคนที่รู้เรื่องนี้ไม่กี่คน” เดฟมองไปทั่วห้องแล้วพูดต่อ “แผนของเราคือทำทีขึ้นไปสำรวจหาพื้นที่ในจักรวาลเพื่อสร้างระบบสุริยะใหม่ ตามระเบียบเรื่องนี้ เราจำเป็นต้องมีพวกคุณอยู่ในยานด้วย อาจมีคนสงสัยก็ได้ ถ้าเห็นแค่ทหารกับเจ้าหน้าที่ของยานไปกันตามลำพัง”
“แปลว่า พวกเราเป็นแค่จิ๊กซอชิ้นเล็กๆ ของภาพจิ๊กซอที่ประกอบเสร็จแล้ว” หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ถามประชดประชันต่อ
กัปตันเห็นท่าไม่ดี บรรยากาศการประชุมเริ่มขมุกขมัว เขาลุกขึ้นมายืนด้านหน้า แล้วให้ความเห็นบ้าง
“ผมเชื่อว่าเราทุกคนต่างก็มีส่วนสำคัญต่อภารกิจนี้ แน่นอนว่าถึงภารกิจจะมุ่งเน้นไปที่ตัวเซอุส แต่เรายังจำเป็นต้องพึ่งคุณ เราตอบคำถามของปัญหาทุกอย่างไม่ได้หรอก”
กัปตันมองมาที่เดฟและนิโก้ แล้วพูดต่อ
“เจ้าหน้าที่สองคนนี้ ถึงแม้จะไม่ได้แจ้งเรื่องภารกิจแก่ผมในตอนแรก แต่เขาก็ให้สิทธิ์ผม สำหรับการเลือกพวกคุณมา ผมจะไม่สนใจชื่อพวกคุณเลย ถ้าผมเห็นว่ามันไร้ประโยชน์ ดังนั้น ขอให้รู้ด้วยว่า ทุกคนคือส่วนสำคัญสำหรับภารกิจ และผมจำเป็นต้องพึ่งพวกคุณทุกคน”
เชโก้ตบมือท้ายประโยคของกัปตันอย่างถูกใจ เอ็มหันกลับไปมอง นายทหารเกรียนยกมือค้าง มองซ้าย-ขวา แล้วเอามือลงอย่างงงๆ
“ผมจะให้สิทธิ์อีกครั้งสำหรับคนที่ต้องการถอนตัว” เดฟเอ่ยขึ้น ทั้งห้องเงียบ เดฟมีความเชื่อมั่นลึกๆ ว่า ในใจทุกคนล้วนอยากล้างแค้นทั้งนั้น มีทางออกไหนจะดีกว่านี้อีกล่ะ เขาเข้าใจแบบนี้เสมอ
“พิกัดของเซอุสล่ะ” นีล่าถาม
นิโก้กางมือหน้าจอกระจกของตัวเองอีกครั้ง รูปแผนภูมิแสดงเศษเสี้ยวหนึ่งจักรวาลปรากฎต่อหน้าทุกคนบนจอกระจกของตัวเอง รูปยานงูใหญ่โผล่ขึ้นแสดงเป็นสัญลักษณ์ตรงจุดเล็กๆ กลางจอภาพ
“เราแอบติดอุปกรณ์ติดตามในยานมัน” เดฟบอก
“จะแน่ใจได้ยังไงว่าพวกมันป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้นชัวว์” เชโก้ถามบ้าง
“แร่ X ของมันเหลือไม่มาก” นิโก้เปิดปากพูดครั้งแรก “พวกมันจะมารอรับแร่จากดาวแม่เดือนละครั้ง แต่เดือนนี้รอนานหน่อย โดนลอยแพ-พ่อไม่อยู่คุ้มกะลาหัวแล้ว มันไปไหนไม่ไกลแน่”
“อาจเป็นกัปดัก…” เอ็มให้ความเห็น
“อาจเป็นได้ ” เดฟว่า “แต่หน่วยข่าวยืนยันมาแล้วว่าเซอุสไม่เหลือใคร งานนี้ปิดประตูตีแมว”
“แมวตัวใหญ่จนตรอก ก็คือเสือดีๆ นี่เอง” เอ็มแย้ง
เดฟมองหัวหน้าทหารนิ่ง หมอนี่ตั้งตัวเป็นฝ่ายค้านแต่แรก คงเล่นด้วยยาก เขานึกในใจ
การประชุมดำเนินต่อไปอีก กินเวลาจนเลยมื้อเที่ยงไปนิดหน่อย เอ็มเดินออกมาจากห้องประชุมเป็นคนสุดท้าย ก่อนหน้าเขาคือแอลลี่ที่ออกไปก่อน เขายอมรับว่าสงสารเธอ ถ้าเขาเป็นกัปตันจะไม่มีวันเลือกเธออย่างแน่นอน แต่จะโทษกัปตันก็ไม่ได้ เขาเองรู้รายละเอียดเรื่องนี้ไม่มากนัก
แต่ที่น่าทึ่งคือความเด็ดเดี่ยวของแอลลี่ เธอมีสิทธิ์ถอนตัว เป็นคนอื่นอาจรับไม่ไหว แต่ก็ไม่แน่ เอ็มส่ายหน้า ภารกิจลับนี่แปลกๆ…ไม่แน่-เธออาจรู้มาก่อนแล้วก็เป็นได้
เอ็มเดินตรงไป เขามองไปที่เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลทั้งสอง มันมีสองอย่างไม่ลงล็อค อย่างแรกก็คือ จะใช้ทหารแค่ 12 คนจับเซอุสบนยานของมันเอง เขารู้มาว่ายานงูใหญ่ของพวกมัน มีเคอร์คิเจียนอย่างน้อยร้อยกว่าตัว หนึ่งร้อยต่อสิบสอง นี่มันฆ่าตัวตายชัดๆ ส่วนอย่างที่สองก็คือ มันเป็นการจ่ายแพงมาก เคอร์คิเจียนหนึ่งตัวแลกกับหนึ่งระบบสุริยะจักรวาล.. เซอุสมันมีค่าขนากนั้นเลยหรือ เอ็มคิด…
ขออนุญาติโพสต์ต่อสำหรับตอนที่ 5 ครับ ตอนนี้ตัวละครออกมากันหยุบหยับเลย ขอขอบคุณทุกความเห็นและพื้นที่แห่งนี้ครับ ทุกความเห็นผมจะนำไปแก้ไขและปรับปรุงให้ดีขึ้นครับ
ตัวละครเพิ่มแค่ 5 ตัว แถมรวมของเดิมยังแค่สิบกว่าเท่านั้น ถือว่ายังไม่มากครับ สบายใจได้เลย
แก่นของเรื่องเริ่มโผล่ออกมาบ้างแล้วนะครับ พอคิดดูดีๆ แล้ว ยังมีปริศนาอีกเยอะเลย ทั้งเรื่องที่ด็อกเตอร์ในตอนที่ 1 หายไปไหน โดนจับไว้ หรือตายไปแล้วนะ บางทีรัฐบาลอาจอยากแลกระบบสุริยะ กับด็อกเตอร์ก็ได้นะครับเนี่ย ^^
แต่ก็ยังไม่เคลียร์เรื่องเซอุสเป็นคนโจมตีเบดิวเทียม 77 จริงรึเปล่า ท่าทางเรื่องนี้จะอีกยาวแฮะ
มีการใช้คำผิดความหมาย หรือสะกดผิดอยู่บ้างครับ ไว้ลองไปกรองดูนะ ส่วนการวางรูปประโยคยังกระชับ ได้ใจความ และชวนให้อ่านเช่นเคยครับ จะรอติดตามอ่านนะครับ
ประเด็นชัดเจนขึ้น แต่ก็ทิ้งคำถามไว้ให้ตามต่ออย่างเย้ายวนใจครับ
รอบทต่อไปนะครับ