ไสยยาน

โครงการสร้างยานอวกาศ “แห่งชาติ” เริ่มต้นขึ้นจากวิสัยทัศน์ของรัฐบาลว่าด้วยการเป็นที่หนึ่งในอาเซียน ถ้าไม่นับข้าวหลามใหญ่ที่สุดในโลก แหนมหูหมูใหญ่ที่สุดในโลก ฯลฯ โครงการนี้จะทำให้ประเทศของเราได้โอกาสก้าวล้ำชาติอื่นไปได้อย่างไม่ยากนัก ยกเว้นนักบินอวกาศคนแรกที่มาเลเซียคว้าตำแหน่งนี้ไปครองเมื่อหลายปีก่อน และสิงคโปร์ที่ไม่มีทำเลเหมาะสำหรับทำฐานปล่อยจรวด เรื่องราวที่เหลือก็ไม่ยากอย่างที่ได้บอกไว้

บริษัท “แหลมทองการบิน” สามารถประมูลโครงการไปสร้างได้ด้วยการเสนอราคาจากบริษัทคู่แข่งอย่างขอไปที มันเป็นบริษัทตั้งใหม่แห่งหนึ่งที่ใครต่างรู้ว่าเกิดจากการลงขันโดยนักการเมืองและนักธุรกิจผู้ผูกขาดธุรกรรมส่วนใหญ่ของประเทศเอาไว้ พรรคฝ่ายค้านพยายามหาหลักฐานการฮั้วประมูลแต่ก็ไร้ความหมาย

ที่ดินแปลงใหญ่ในจังหวัดหนึ่งทางภาคใต้ตอนบนถูกกว้านซื้อโดยนักธุรกิจระดับชาติก่อนจะนำไปขายเพื่อสร้างเป็นฐานปล่อยจรวด โครงการถมดิน โครงการทำถนน โครงการก่อสร้างอาคารและโครงการสร้างฐานปล่อยจรวดถูกนำไปประมูลต่อ ผู้รับเหมาที่วิ่งเข้าวิ่งออกโครงการต่างได้งานพร้อมส่วนแบ่งไปคนละเล็กคนละน้อย
………………………………………

พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์นิวส์เดลี่
“ส่อเค้าวุ่น ที่ดินโครงการปล่อยยานอวกาศ ที่แท้นายทุนใหญ่เป็นเจ้าของ
เจ้าตัวปัดวุ่นซื้อไว้ทำรีสอร์ทนานแล้ว”

………………………………………

โครงการปล่อยจรวดถูกซอยเป็นโครงการย่อย ๆ เพื่อความรวดเร็วและง่ายต่อการประมูล ระบบขับเคลื่อนและถังเชื้อเพลิงถูกสั่งซื้อมาจากยูเครน เชื้อเพลิงจรวดนำเข้าจากเยอรมัน ยานกระสวยที่จะนำนักบินขึ้นโคจรรอบโลกผลิตโดยองค์การอวกาศจีนด้วยราคาลดพิเศษ รูปลักษณ์ของมันจะทำให้นาซ่าต้องคิดทบทวนเป็นการใหญ่หากต้องการฟ้องคดีละเมิดลิขสิทธิ์ครั้งแรกประวัติการบินอวกาศ คอมพิวเตอร์และซอฟท์แวร์การบินนั้นนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา

นักบินถูกส่งไปฝึกที่รัสเซีย โฆษกประจำโครงการประกาศว่าเพื่อการประหยัดและสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ โดยละข้อมูลสำคัญว่าสองคนจากทั้งหมดห้าคนของนักบินไม่ผ่านการทดสอบจากนาซ่าและไม่สามารถเข้าร่วมการฝึกได้

กระทรวงกลาโหมขออนุมัติงบประมาณเป็นกรณีพิเศษเพื่อสร้างดาวเทียมดวงหนึ่ง วัตถุประสงค์เพื่อช่วยงานในจังหวัดชายแดน หลังจากเครื่องตรวจระเบิด GT2012 ไม่สามารถใช้การได้และเรือเหาะสัญชาติเยอรมันยี่ห้อฮินเดนเบิร์กไม่สามารถขึ้นบินหลังจากซื้อมาด้วยเงินสดและชำระเงินครบแล้ว กระสวยอวกาศแห่งชาติจะทำหน้าที่ปล่อยดาวเทียมดวงที่ว่านี้เข้าสู่วงโคจร ผู้เกี่ยวข้องคาดการว่ามันจะสามารถเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่ได้หลังจากมันขึ้นไปยังวงโคจรแล้ว

………………………………………

พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์อาเซียนโพสต์
“รมว. คมนาคมลั่น พร้อมเป็น ‘ฮับ’ บินอวกาศไม่เกินห้าปี
ตั้งเป้าส่งกระสวยปีละหกเที่ยว”

………………………………………

เกจิดังด้านการตั้งชื่อมงคลได้รับเชิญให้ผูกดวงลักขณา หลังจากเลือกชื่อเหมาะสมไว้จำนวนหนึ่ง ยานกระสวยก็ได้ชื่อว่า “กินรี”

ศิลาฤกษ์ถูกวางโดยพิธีพราหมณ์เสริมด้วยการประพรมน้ำพระพุทธมนต์พร้อมกับการบวงสรวงเจ้าที่เจ้าทางด้วยกล้วยน้ำว้า ทองหยิบ ทองหยอด ท่านประธานบริษัท ‘แหลมทองการบิน’ น้องชายนักการเมืองระดับชาติผู้ลงมือประกอบพิธีด้วยตนเองกำลังคิดว่าการประมูลโครงการมาทำนี้เป็นลาภหรือทุกขลาภกันแน่

ตัดเรื่องเบี้ยใบ้รายทางออกไปก่อนแล้วเอาเฉพาะเรื่องเทคนิคมาคิด การสร้างยานอวกาศจากสารพัดชาติรวมหัวกันถ้าทำอย่างมีระบบแบบสถานอวกาศนานาชาติก็คงจะดีเรื่องกระจายการลงทุนและได้ผลประโยชน์ร่วมกัน แต่สำหรับโครงการที่มีเจ้าของคนเดียวนั้นมันเหมือนกับเอารถเบนซ์มาใส่เครื่องรถอีแต๋นไปแล่นบนถนนลูกรัง แถมยังเอาน้ำมันไบโอดีเซลมาใส่ในเครื่องเบนซินก่อนสตาร์ทและขับโดยคนที่เพิ่งซื้อใบขับขี่มาได้ไม่นาน ท่านประธานไม่อยากคิดว่าโครงการนี้จะลงเอยอย่างไร

ของจากเยอรมันกับอเมริกาพอจะไว้ใจได้เรื่องคุณภาพกับเรื่องตรงเวลา แต่ที่เหลือดูท่าจะคาดหวังได้ยาก ยานกระสวยจากจีนต้องตรวจแล้วตรวจอีกก่อนจะเซ็นรับ ท่อจรวดจากยูเครนก็ต้องแก้ไขหลายรอบกว่าจะได้มาตรฐาน แต่จะว่าไปแล้วพวกอเมริกาก็ใช่ย่อย เล่นทำซอพท์แวร์คำนวนหน่วยวัดเป็นแบบอเมริกันขณะที่อุปกรณ์ของประเทศอื่นเขาวัดค่าแบบเมทริกซ์ ต้องเอากลับไปแก้กันให้วุ่นวาย เสียเวลาไปอีกใช่น้อย

ยิ่งอุปกรณ์เสร็จช้าก็ยิ่งประกอบชิ้นส่วนได้ช้า ต้องเลื่อนเวลาปล่อยยานออกไป ค่าใช้จ่ายก็ยิ่งพุ่งขึ้นสูง เขาหวังไว้อย่างเดียวว่ามันคงจะไม่พุ่งสูงกว่ายานอวกาศที่จะปล่อยขึ้นไป

………………………………………

พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ออนไลน์ปวงประชาดอทเน็ท
“เลื่อนไม่มีกำหนด กระสวยอวกาศยังขึ้นบินไม่ได้ เหตุหน่วยวัดไม่ตรงกัน
นักวิชาการเสนอนักบินพกเครื่องคิดเลขไปด้วย”

………………………………………

หัวหน้าคณะกรรมการปล่อยยานกระสวย (คกส.) ชายร่างท้วมศีรษะเถิกเหงื่อชุ่มรักแร้นั่งเป็นประธานที่ประชุมตรงหัวโต๊ะ มือข้างหนึ่งกำกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่เขียนตัวเลขกำกับไว้สามสี่แถว สิ่งที่เขาต้องทำคือชักจูง หว่านล้อม ชี้แจง หรือทำอะไรสักอย่างเพื่อให้บรรดานักวิทยาศาสตร์และวิศวกรจากหลายชาติที่นั่งรายล้อมอยู่ให้เลื่อนกำหนดการปล่อยยานอวกาศออกไปให้ตรงกับวันเวลาที่เขียนไว้ในโพยใบเล็กที่เขาถืออยู่

หัวหน้า คกส. ไม่รู้หรอกว่ากระดาษแผ่นนี้มาถึงเขาได้อย่างไร มันอาจมาจากภริยาผู้หลักผู้ใหญ่ หรือจากหน้าห้องท่านประธานบริษัท หรือเป็นของใครสักคนที่หวังดีไปดูหมอแล้วได้ฤกษ์ดีฝากมา ปัญหาก็คือจะทำอย่างไรให้ฝรั่งหัวแดงหัวเหลืองที่นั่งในห้องรู้ว่าฤกษ์งามยามดีเหล่านี้มีความสำคัญอย่างไร ฝรั่งพวกนี้พอทำงานเสร็จแล้วก็เฮโลกันไปทำโครงการอื่นต่อ แต่กับเขาและเพื่อนร่วมงานยังต้องอยู่ทำงานที่นี่อีกนาน การรู้หลบรู้หลีกด้วยการประนีประนอมกับฝ่ายบริหารที่ไม่มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์เลยเป็นสิ่งที่เขาหลีกเลี่ยงไม่ได้

กระแอมเบา ๆ ก่อนบรรจงกล่าว “ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ผมมีข่าวร้ายจะแจ้ง เราคงต้องเลื่อนกำหนดการปล่อยยานกระสวยไปอีกเล็กน้อย…”

หลังจากถกเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย กำหนดการยิงจรวดปล่อยกระสวยถูกเลื่อนออกไปตามฤกษ์ที่ได้มา ยังไมทันจะกลับบ้าน เลขาคณะกรรมการมาสะกิดแขนหัวหน้า คกส. แจ้งว่าท่านรัฐมนตรีอยากมาร่วมงานปล่อยยานกระสวยด้วย เธอยื่นกระดาษแจ้งกำหนดการให้อีกแผ่น เขาภาวนาว่ามันจะเป็นวันเดียวกันกับที่มีคนให้ฤกษ์มา …ด้วยความหวังอันน้อยนิด

………………………………………

พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์อุษาคเนย์
“ได้ฤกษ์ปล่อยยานกระสวย โหรดังเชื่อไม่มีอุปสรรค”

………………………………………

จรวดลำเขื่องถูกยึดไว้กับโครงเหล็กตั้งชี้ฟ้ากลางแดดจ้าและอากาศร้อนจัด เต็นท์พิธีถูกจัดขึ้นใกล้ ๆ โต๊ะหมู่บูชาชุดใหญ่พร้อมอาสนะถูกจัดเตรียมอย่างดี พนักงานช่วยกันอย่างขะมักเขม้นในขณะที่วิศวกรจรวดจากยูเครนเดินหน้ามุ่ยลงมาจากฐานปล่อยจรวดแล้วขับรถไปยังอาคารควบคุม เรียกหาหัวหน้า คกส.

แหม่มเยอรมันนั่งคอยที่หน้าห้องอยู่ก่อนแล้ว เลขา ฯ หน้าห้องหัวหน้า คกส. นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่หลังโต๊ะ เสียงภาษาอังกฤษแปร่ง ๆ แว่วออกมาจากในห้อง

“อะไหล่มาช้า หัวหน้าเรียกช่างจีนเข้าไปคุยสักพักแล้ว” วิศวกรสาวเยอรมันเอ่ยขึ้นก่อน
“ของคุณมีปัญหาอะไร” วิศวกรหนุ่มยูเครนถาม
“ส่วนผสมเชื้อเพลิงมีปัญหานิดหน่อย แล้วของคุณล่ะ”
“ยางรองแท่นจรวดเสื่อม อากาศร้อนเกินไป ต้องเปลี่ยนชิ้นใหม่” เขาเฉลย
“อีกนานไหม” วิศวกรสาวเยอรมันถาม
“ผมไม่รู้ ต้องถามหัวหน้าก่อนว่าจะปล่อยจรวดได้วันไหน”
วิศวกรเยอรมันถอนหายใจด้วยไม่รู้ว่าจะต้องเลื่อนไปอีกนานเท่าใด

อะไหล่ยานกระสวย ส่วนผสมเชื้อเพลิง และแผ่นยางที่มีปัญหาถูกเปลี่ยนในที่สุด หมอดูคนหนึ่งทักเอาไว้ว่าสีจรวดไม่เป็นมงคล เป็นเหตุให้ต้องเลื่อนเวลาปล่อยจรวดหลายรอบ จากนั้นไม่นานมีคนเอาสติกเกอร์แผ่นเล็ก ๆ ไปปิดไว้ที่จรวดขับดัน อ่านข้อความได้ว่า

“ยานลำนี้สีเขียว”

………………………………………

พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ผู้จัดการใหญ่
“ชาวเน็ทรุมจวก ยางเสื่อมสภาพจากอากาศร้อน ถาม-ความร้อนจรวดมากกว่านี้ทำไมทนได้
นักวิทย์บอก ยานอวกาศไม่ใช่รถกระบะ จอดทิ้งไว้ก็เสื่อมได้”

………………………………………

เต็นท์พิธีถูกรื้อและประกอบใหม่ อาจารย์ดังผู้ขึ้นชื่อเรื่องเจิมรถรับคำเชิญมาเจิมหัวจรวดเพื่อเป็นสิริมงคล ท่านอาจารย์ยืนแหงนคอตั้งบ่ามองยอดจรวดที่เห็นอยู่ไกล ๆ สลับกับลิฟท์ก่อสร้างที่ดูง่อนแง่นพิกล ก่อนจะบอกลูกศิษย์ที่มาด้วยให้แจ้งกับกรรมการปล่อยกระสวยว่าเจิมตรงที่ฐานจรวดก็ได้

“อาจารย์ท่านว่าจรวดมันพุ่งออกมาทางฐาน เจิมที่ฐานเอาก็ได้”

จากนั้นไม่นานนักบินทั้งห้านั่งรถตู้มาลงที่เต็นท์พิธี พระสวดและให้ศีลให้พรอยู่เป็นเวลานาน ทีมงานต่างชาติเริ่มกระสับกระส่ายเพราะอากาศร้อนบวกกับเต็นท์ที่ตั้งกลางแดดทำให้ความร้อนสาหัสยิ่งขึ้น หัวหน้าคณะกรรมการปล่อยยานกระสวยยกนาฬิกาขึ้นดูแล้วดูอีก

นักบินอวกาศสองคนกระซิบกันขณะฟังพระสวด
“พี่ ๆ … นอกจากพวกเราแล้ว มีใครบ้างไหมที่เขาให้มาฟังพระเทศน์ก่อนไปทำงาน”
“มี… นักโทษประหารไง”

ยานจรวดถูกปล่อยตามกำหนดการตรงเวลา แม้วินาทีจะคลาดเคลื่อนอยู่บ้างแต่ก็ถือได้ว่าภาระใหญ่หลวงถูกปล่อยออกไปแล้ว เสียงปรบมือดังขึ้นรอบห้องควบคุม หัวหน้าคณะกรรมการปล่อยยานกระสวยยกมือพนมท่วมศีรษะพร้อมกับบ่นพึมพำเบา ๆ

จรวดขับดันถูกปลดออกจากยานกระสวยหลังจากบินขึ้นไปได้ระยะหนึ่ง วิศวกรจรวดจากยูเครนและเยอรมันเป็นพวกแรกที่แสดงความดีใจที่มันไม่ระเบิดไปเสียก่อน ส่วนวิศวกรยานกระสวยจากจีนยังปั้นหน้าไม่ถูกขณะที่ยานกระสวยพุ่งขึ้นไปด้วยแรงขับจากเชื้อเพลิงภายในตัวยาน

นาทีเศษผ่านไป มีเสียงจากติดต่อทางวิทยุมาจากยานกระสวย
“ประจวบ… วี ก็อต อะ โพร๊ะ เบล็ม” …

ท่านรัฐมนตรีตะลึงงันกับภาพยานกระสวยที่แปรสภาพเป็นพลุไฟขนาดใหญ่กลางอากาศหลังทะยานขึ้นไปสองนาที ก่อนจะหันไปถามใครก็ไม่รู้ที่นั่งข้าง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น

………………………………………

พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ข่าวใหม่สด
“เจ็ดจุดสองหมื่นล้านเป็นจุณในสองนาที กินรีลงเล่นน้ำอ่าวไทย
นักบินอวกาศรอดตายปาฏิหาริย์”

………………………………………

ภาพประกอบหนังสือพิมพ์หลายฉบับและเว็บไซท์หลายแห่งเป็นรูปนักบินอวกาศทั้งห้าในชุดมอมแมมหน้าตาบอกบุญไม่รับนั่งเรียงกันสองแถว สองในห้าคนชูเครื่องรางติดตัวให้เห็นชัดเจน ชิ้นหนึ่งเป็นท้าวเบญจคามสามภพ อีกคนหนึ่งถือปลัดขิกอันเขื่องขัดเงามันวับ

เจ้ามือหวยใต้ดินหลายแห่งไม่รับแทงเลข 205 และรัฐบาลนำโครงการสเปซฮับเข้าทบทวนในที่ประชุม ครม. อีกครั้งเพื่อถกเรื่องความคุ้มทุน

6 ความเห็นบน “ไสยยาน”

  1. เห็นชื่อเรื่องก็ขำแล้วครับ
    น่าจะเป็นงานแรกที่ผมเห็นคุณzhivago เดินเรื่องเร็ว ใช้สำนวนกระชับขนาดนี้
    ยิงมาเป็นชุดแต่วางจังหวะได้ดี จิกกัดได้รุนแรงสมใจ
    สรุปว่าชอบครับ
    กำลังชั่งใจอยู่ว่า ชอบเรื่องไหนมากกว่ากัน ระหว่าง จ่าเฉย กับเรื่องนี้
    ประเด็นเรื่องใกล้เคียงกัน แต่อารมณ์ต่างกันเยอะอยู่ ครับ
    เรื่องการใช้ภาษาไม่ต้องพูดถึงครับ ยอดเยี่ยมเช่นเดิม

  2. สรุปว่าประเทศได้ดังสมใจเลยสินะครับเนี่ย >,<

    สนุกดีครับ เขียนให้เดาตอนจบได้ตั้งแต่ชื่อเรื่องแล้วนะครับเนี่ย แต่ก็ยังดึงดูดความสนใจไปได้เรื่อยๆ ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับไอ้โครงการยักษ์ใหญ่นี่ต่อ สำนวนดีมากเลยครับ ไม่มีติดขัด ไม่มีคำซ้ำเกินควร เสียดสีได้ดี และไม่มีคำผิดที่เห็นได้ชัดเจน(บางทีอาจไม่มีเลย)

  3. ออกแนวสยองขวัญเลยครับ

    ก็ท่านด.ร.ชิวาโก้ ทั้งเสียดสี ทั้งจิกกัดการเมืองไทยซะเลือดสาดท่วมจอขนาดนั้น

    ตอนจบยังมีลุ้นงวดต่อไปอีก

    อย่างนี้ต้องให้ท่านประธานเอาไปลงในขายหัวเราะ 5555

  4. จัดเต็มเลยทีเดียว
    คุ้นๆว่า ความผิดพลาดเพราะการเปลี่ยนหน่วย มาจากเรื่องจริงหรือเปล่า
    เรื่องยางร้อน คล้าย เรื่อง o-ring เย็น จากยาน challenger
    ที่เหลือก็จัดเต็ม 555 ดูไทยแท้ ผมว่านักวิทย์ไทยนั้นมีเหตุมีผลนะครับ 555 (อาจไม่รวมนักวิทย์ที่เป็นใหญ่เป็นโตในกระทรวงบางคน)

  5. ขำดีครับ เสียดสีได้ดี คาดว่าตอนท่านชีวาโก้พิมพ์ ก็นั่งขำท้องคัดท้องแข็งไปจนพิมพ์ผิดพิมพ์ถูกอย่างเช่น

    รูปลักษณ์ของมันจะทำให้นาซ่าต้องคิดทบทวนเป็นการใหญ่หากต้องการฟ้องคดีละเมิดลิขสิทธิ์ครั้งแรกประวัติการบินอวกาศ คอมพิวเตอร์และซอฟท์แวร์การบินนั้นนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา

    ถ้าเพิ่มฉากมีชาวบ้านแอบลักลอบเข้าไปถูตัวเครื่อง แล้วลักเอาชิ้นส่วนยานมาด้วยก็ดี หรือพยายามเอารูปตัวเองไปติดกับยาน หรือเอามาร์คเกอร์ไปเขียน รักชีวาโก้นะ จุ๊บๆ ก็แจ๋วนะครับ

    เขียนมาให้อ่านอีกละ จะหาเวลาอ่าน เวลานะหายากจังตอนนี้

  6. ขอบคุณทุกท่านสำหรับ comment ครับ เรื่องพิมพ์ผิด เพิ่งเห็นตอน post แล้วเช่นกันครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่พิมพ์เสร็จแล้ว post เลย ก็เลยมีพลาดหลายจุดครับ (ปกติผมจะบ่มไว้สักพักแล้วมา edit อีกรอบก่อน post แต่ครั้งนี้พลาดไปจริง ๆ )

    เรื่องนี้มาจากการเห็นสติกเกอร์ “รถคันนี้สี…” อยู่บ่อย ๆ ขับตามไปก็คิดไปว่าถ้าวันหนึ่งบ้านเราจะมียานอวกาศสักลำ ไม่รู้ว่าจะมีรายการ “ยานลำนี้สี…” อยู่ด้วยหรือเปล่า จากนั้นก็แตกยอกความคิดออกไปเป็นอย่างที่เห็นครับ

    ประเด็นหนึ่งที่สังคมของเราถูกตั้งคำถามอยู่เสมอคือเรื่องความเชื่อ เราถูกบอกว่าเป็นเรื่อง “ส่วนบุคคล-โปรดใช้วิจารณญาณ” หรือเป็นเรื่องที่ “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” ทั้งที่เราเองในปัจจุบันอยู่ในโลกของวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์เชิงกระบวนการ(นามธรรม) หรือวิทยาศาสตร์ในแง่วิชาการ(เทคโนโลยี-รูปธรรม) การตั้งคำถามกับความเชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติทั้งหลายควรจะนำมาซึ่งการพิสูจน์ในที่สุด

    GT-200 ในแง่ “ความเชื่อ” ได้พื้นที่ในการถกเถียงมากกว่าการถกเถียงในลักษณะที่มันเป็นวิทยาศาสตร์ เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สังคมควรเรียนรู้และนำไปเป็นบทเรียน แต่ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ก็ยังมีเสียงเล็ดรอดออกมาทางสื่อมวลชนว่าถ้ามันเป็นเครื่องมือที่สามารถตรวจระเบิดพบเพียงเครื่องเดียวก็ถือว่าคุ้มแล้ว! ทั้งที่การพิสูจน์โดยหลักสถิติพบว่ามันไม่ต่างจากการเดาสุ่มเลยแม้แต่น้อย

    อีกตัวอย่างหนึ่งที่ชัดเจนคือเรื่อง “เจิมรถ” ลอง search คำนี้ใน google จะพบว่ามีเว็บไซท์ เว็บบอร์ด และบทความกล่าวถึงอยู่มากมาย ลงลึกไปจนถึงกับบอกว่าพระรูปนี้-วัดนี้ เจิมดี ขั้นตอนการเจิม ตำแหน่งในรถที่จะต้องเจิม ฯลฯ ทั้งที่เรารู้ว่าการเกิดเภทภัยบนท้องถนนนั้นมีปัจจัยอะไรบ้างเป็นตัวกำหนด (แน่นอนว่าบางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นสุนัขวิ่งตัดหน้ารถเป็นต้น)

    ถ้าเราสามารถทำให้สังคมของเราเป็นสังคมแห่งการตั้งคำถาม-การเรียนรู้-การพิสูจน์ได้ ผมเชื่อว่ายานอวกาศลำแรกของประเทศไทยจะไม่ลงเล่นน้ำที่อ่าวไทยเป็นแน่ครับ

ใส่ความเห็น