ตึกระฟ้าท้าไฟนรก โดย วรากิจ เพชรน้ำเอก

      เปลวเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรงบนชั้นที่ 30 แล้วลามขึ้นไปจนเกือบถึงดาดฟ้าของตึกแกรนด์ทาวเวอร์ซึ่งสูง 150 ชั้น เสียงร้องขอความช่วยเหลือถูกเสียงประทุของเปลวไฟที่กำลังลุกโหมอย่างหนักกับเสียงก๊าซที่ระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงดังกลบจนหมดสิ้น ผู้คนที่กำลังตื่นตระหนกอยู่บนถนนเบื้องล่างต่างหวีดร้องอย่างตกตะลึงกับภาพอันน่าสะพรึงกลัวที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา เมื่อร่างของผู้เคราะห์ร้ายหลายคนที่ตัดสินใจพุ่งออกมาจากหน้าต่างเพื่อหนีความร้อนราวกับไฟนรก ที่กำลังแผดเผาร่างกายของพวกเขาอย่างสุดแสนทรมานลอยละลิ่วลงมา เสียงร้องโหยหวนขณะที่ร่างของพวกเขากำลังแหวกอากาศเพื่อหนีความตายจากเบื้องบนเพื่อลงมาจบชีวิตที่เบื้องล่างคนแล้วคนเล่า ทำให้ผู้คนที่เห็นภาพอันสยดสยองต่างกรีดร้องราวกับเสียสติ

      ชั่วเวลาเพียงไม่กี่นาทีเปลวไฟก็ลามไปทั่วทั้งตึกอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งยานผจญเพลิงนับสิบลำที่ลอยตัวรายล้อมอยู่รอบตึกไม่สามารถหยุดยั้งความหายนะที่เกิดขึ้นได้อีกต่อไป ถึงแม้ว่าพวกเขาจะช่วยกันระดมยิงอนุภาคไนโตรฟรีซ เพื่อทำให้อุณหภูมิภายในตึกลดลงและปริมาณออกซิเจนจะถูกกำจัดออกไปจนกระทั่งเปลวเพลิงมอดดับไปเอง แต่กระแสลมที่พัดโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงอยู่ตลอดเวลาทำให้ปฏิบัติการนี้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ยานผจญเพลิงทุกลำได้รับคำสั่งให้ถอนกำลังออกจากบริเวณนั้นโดยด่วนเมื่อเกิดเสียงลั่นอย่างน่ากลัวดังออกมาจากตัวอาคาร

      ในที่สุด โครงสร้างของตึกแกรนด์ทาวเวอร์ก็ไม่อาจต้านทานอุณหภูมิที่สูงกว่า 500 องศาเซลเซียสได้ ผนังและคานคอนกรีตเริ่มแตกออกและโครงสร้างที่เป็นโลหะเริ่มร้อนแดงและบิดเบี้ยว ในที่สุดผนังและเพดานของทุกชั้นก็พังถล่มไล่ลงมาจากชั้นบนสุดทีละชั้น เกิดเสียงครืนสนั่นราวกับเสียงฟ้าถล่มกับแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ฝุ่นควันสีเทาเข้มที่คละคลุ้งไปทั่วบริเวณจนมืดมิดแม้จะอยู่ห่างออกไปถึง 700 เมตร ตึกระฟ้าอันยิ่งใหญ่ได้กลายเป็นสุสานที่ฝังร่างผู้เคราะห์ร้ายกว่า 3,000 ชีวิตอยู่ข้างใต้ในวินาทีนั้นนั่นเอง
……………………
      เกลนน์กำลังคร่ำเคร่งอยู่กับโครงการใหม่ของเขา มันเป็นอาคารสูง 250 ชั้นซึ่งจะสร้างขึ้นแทนที่อาคารแกรนด์ทาวเวอร์ที่เกิดเพลิงไหม้และถล่มลงมาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เขากำลังคิดว่า เขาจะไม่ยอมให้ตึกที่เขากำลังจะสร้างขึ้นนี้ ต้องประสบกับชะตากรรมเช่นเดียวกับตึกระฟ้าหลายต่อหลายตึกอย่างแน่นอน เกลนน์มองดูแบบร่างของโครงการที่เขาเขียนขึ้นอย่างคร่าวๆ แต่เขาก็ยังคิดไม่ออกว่า จะมีวิธีการที่จะช่วยให้ตัวอาคารปลอดภัยเมื่อเกิดเพลิงไหม้หรือแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงได้อย่างไร

“ทุกตึกที่เสียหายจากไฟไหม้ล้วนแล้วแต่ใช้วัสดุทนไฟกันทั้งนั้น ตั้งแต่วัสดุก่อสร้างจนถึงผ้าม่านที่ไม่ติดไฟ แล้วยังอุปกรณ์ฉุกเฉินเพื่อใช้ดับไฟอีกล่ะ”

วิคเตอร์มองดูแบบร่างของเกลนน์แล้วส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจว่าตึกซึ่งได้รับการออกแบบมาอย่างดีให้มีความปลอดภัยสูงก็ยังได้รับความเสียหายอย่างหนักทุกครั้งที่เกิดเพลิงไหม้ได้อย่างไร

“ไม่มีอะไรสู้กับเปลวไฟที่ลุกท่วมขนาดนั้นได้หรอก แต่ผมจะไม่ยอมให้ตึกของผมเป็นเหมือนตึกอื่นๆแน่ และคนที่อยู่ในตึกของผมจะต้องปลอดภัย”

เกลนน์บอกและทิ้งตัวลงบนโซฟายาว สีหน้าครุ่นคิดและถอนหายใจเฮือกใหญ่

“เราติดตั้งเครื่องไนโตรฟรีซให้ทุกๆชั้นเลยไม่ได้หรือไง”

วิคเตอร์เสนอไอเดียที่คิดว่าน่าจะช่วยได้

“เมื่อเกิดไฟไหม้ กระแสไฟจะถูกตัด กระแสไฟสำรองก็มักจะขัดข้อง นี่คือเหตุผลที่อุปกรณ์ฉุกเฉินทั้งหลายมักจะกลายเป็นขยะที่ไร้ประสิทธิภาพ”

วิคเตอร์มองดูเพื่อนของเขาที่ดูซูบผอมไปมากตั้งแต่วางแผนที่จะทำโครงการนี้ เขาอดหลับอดนอนเพื่อออกแบบระบบความปลอดภัย หลายครั้งที่เขาไม่ยอมกลับบ้านและอยู่ที่บริษัทจนสว่าง

“ผมคิดว่าคุณควรจะกลับไปหาลูกเมียบ้างนะ ไม่อย่างนั้นชีวิตครอบครัวของคุณอาจจะถล่มลงมาเหมือนกับตึกพวกนั้นก็ได้”

………………………
      

“ลูกดูร่าเริงดีนะ…….”

      เกลนน์ก้มลงอุ้มเจอร์ซีลูกชายคนเดียวขึ้นมาหอมแก้มฟอดใหญ่ก่อนที่จะหันไปจูบอย่างแผ่วเบาที่หน้าผากของแอนนา ภรรยาแสนสวยของเขา

“ผมต้องขอโทษด้วยที่ไม่ค่อยได้ดูแลครอบครัวเลย โครงการใหม่ของผมทำให้ผมต้องคิดหนัก”

“ฉันเข้าใจค่ะ แต่ลูกคิดถึงคุณมาก แกถามหาพ่อทุกวัน”

น้ำเสียงเหงาๆของแอนนาทำให้เขารู้สึกผิดขึ้นมาจับใจ
เกลนน์ปล่อยลูกชายวัย 5 ขวบลงบนพรมหนานุ่ม เด็กน้อยยิ้มให้พ่อและก้มหน้าก้มตาเล่นของเล่นต่ออย่างเพลิดเพลิน

“กำลังเล่นอะไรอยู่ครับ”

เกลนน์เอ่ยถามลูกชาย

“ผมกำลังสร้างตึกเหมือนพ่อ”

เจอร์ซีตอบและพยายามต่อตัวต่อชิ้นสี่เหลี่ยมซ้อนกันเป็นชั้นๆให้เหมือนกับตึกระฟ้า

“ไหนขอพ่อดูหน่อยซิ”

เกลนน์หยิบตึกระฟ้าของลูกชายขึ้นมาแล้วจ้องมองดูมันอย่างใช้ความคิด เขาแยกมันออกจากกันแล้วก็ต่อเข้าไปใหม่ เขาถอดเข้าถอดออกตัวต่อนั้นอยู่หลายครั้ง

“ยอดเยี่ยมมากลูก ยอดเยี่ยมมาก มันเป็นตึกระฟ้าที่เจ๋งที่สุดในโลกเลยรู้มั้ย”

แววตาของ เกลนน์เกิดประกายแห่งความหวังขึ้นมาในทันทีทันใด
………………………….
      เกลนน์มองดูแบบแปลนของโครงการบนจอออแกนนิกขนาด 10 ฟุตที่ติดตั้งอยู่บนผนังห้องทำงาน แล้วหมุนเก้าอี้หันมาดูโมเดลจำลองของอาคารอิมเมจิน วันเดอร์ พาเลซขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง มันเป็นตึกระฟ้าที่สวยมากทีเดียว แต่หัวใจของมันไม่ได้อยู่ที่รูปลักษณ์ภายนอก หากแต่อยู่ที่เทคโนโลยีซึ่งเขาปิดเป็นความลับ ที่จะช่วยให้โครงการของเขาเป็นโครงการตึกระฟ้าที่ปลอดภัยที่สุดในโลก เขามั่นใจว่า ไม่มีอะไรจะทำลายตึกของเขาได้ไม่ว่าจะเป็นเพลิงไหม้หรือแผ่นดินไหวขนาด 10 ริกเตอร์

“ดูมันก็หรูหราดีอยู่หรอกนะ แต่ว่ามันจะปลอดภัยจากไฟไหม้ได้ยังไงกัน”

วิคเตอร์เอ่ยถามในขณะที่กำลังมองดูโมเดลของตึกสูง 250 ชั้น

“เชื่อผมเถอะ ทุกคนจะทำงานอยู่บนตึกนี้ด้วยความสบายใจ”

เกลนน์ตอบด้วยความมั่นใจ
………………………
      การก่อสร้างตัวตึกได้เริ่มต้นขึ้นในทันทีที่ระบบฐานรากเสร็จสมบูรณ์ เกลนน์ออกแบบให้มันสามารถรับน้ำหนักของตึก 350 ชั้นได้อย่างสบายๆด้วยเสาเข็มไฟเบอร์คอนกรีตเสริมเหล็กกล้าทังสเตนคาร์บายน์ ในเวลาไม่นานนัก โครงการอิมเมจิน วันเดอร์ พาเลซก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีการก่อสร้างอันมีประสิทธิภาพสูงสุดของปีค.ศ.2099

      ในที่สุด โครงการทั้งหมดก็สร้างเสร็จสมบูรณ์ภายในระยะเวลาที่กำหนด เกลนน์กำลังควบคุมการติดตั้งอุปกรณ์สำคัญรอบๆทุกชั้นของอาคาร มันเป็นอุปกรณ์ที่เป็นความลับอย่างที่สุดซึ่งทุกคนจะได้เห็นความมหัศจรรย์ของมันในวันเปิดโครงการ และในวันนั้น จะมีการทดสอบความปลอดภัยของตัวอาคารเมื่อเกิดเพลิงไหม้ในสถานการณ์จริง

“คุณจะบ้าแล้วเรอะ”

วิคเตอร์ร้องขึ้นด้วยความตกใจเมื่อรู้ว่า เกลนน์จะเผาตึกมูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์ในวันเปิดโครงการ

“รับรองได้ว่า เมื่อทุกคนได้เห็นผมเผาตึกในวันนั้นแล้ว ทุกคนจะต้องแย่งกันซื้อตึกของผมจนหมดภายในวันเดียว”

เกลนน์พูดด้วยความมั่นใจ

“แล้วถ้ามันเกิดความผิดพลาดล่ะ มันมิเท่ากับว่าคุณเผาเงิน 15,000 ล้านดอลลาร์ทิ้งอย่างโง่เง่าที่สุดเรอะ”

วิคเตอร์เริ่มสงสัยว่าเพื่อนของเขาอาจจะเพี้ยนไปเสียแล้ว

“ความผิดพลาดอย่างเดียวที่จะเกิดขึ้นก็คือ โครงการของผมคงจะมีไม่พอกับความต้องการของ
ลูกค้า”

เกลนน์กล่าวอย่างมั่นใจ
……………………..
      ผู้คนนับหมื่นคนกำลังยืนคอยอย่างใจจดใจจ่อกับพิธีเปิดโครงการอิมเมจ วันเดอร์ พาเลซที่น่าตื่นเต้นระทึกใจที่สุดเท่าที่เคยมีมา ตึกระฟ้าสูง 250 ชั้นยืนตระหง่านอย่างท้าทายสายตาท่ามกลางหน่วยดับเพลิงที่เตรียมกำลังไว้พร้อมทั้งภาคพื้นดิน และกองกำลังยานผจญเพลิงซึ่งพร้อมที่จะทะยานขึ้นปฏิบัติการได้ทันทีหากเกิดความผิดพลาด เกลนน์ตรวจดูความเรียบร้อยครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเดินเข้าไปในปรัมพิธีซึ่งเต็มไปด้วยแขกรับเชิญที่ล้วนแล้วแต่เป็นนักธุรกิจ นักการเมือง และนักแสดงชั้นนำที่มีชื่อเสียงนับพันคน เกลนน์เข้าประจำที่หลังเคาน์เตอร์ที่ถูกออกแบบให้เป็นโพเดียมสำหรับกล่าวคำปราศรัยในตัว เขามองดูแผงควบคุมต่างๆที่ติดตั้งอยู่บนโต๊ะข้างๆกับจอมอนิเตอร์ที่กำลังแสดงถึงความพร้อมของระบบต่างๆของอาคารเป็นภาพกราฟฟิค สื่อมวลชนจากทั่วโลกต่างเฝ้ารอข่าวสำคัญที่สุดในโลกข่าวหนึ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ ซึ่งอาจจะเป็นข่าวของความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์วิศวกรรมหรือไม่ก็ความหายนะที่น่าสงสาร

      เสียงปรบมือเกรียวกราวเมื่อเกลนน์ขึ้นกล่าวคำปราศรัยเปิดงาน เขาพูดถึงแรงบันดาลใจของการสร้างสิ่งมหัศจรรย์สิ่งหนึ่งในโลก เขาพูดถึงความยากลำบากในการคิดค้นระบบเพื่อประกันความปลอดภัยของลูกค้าของเขา และเขาได้พูดถึงเจอร์ซี ลูกชายที่เป็นผู้จุดประกายความสำเร็จในวันนี้

“ท่านผู้มีเกียรติทุกท่านครับ สิ่งที่ทุกท่านจะได้ชมต่อไปนี้จะทำให้ทุกท่านต้องจดจำไปจนตลอดชีวิต”

ทุกคนเงียบกริบเมื่อเกลนน์พูดจบ เสียงดนตรีในท่วงทำนองที่น่าระทึกใจดังกระหึ่มขึ้น ทุกสายตาจับจ้องอยู่ที่ตึกระฟ้าที่อยู่ตรงหน้า เสียงดนตรีเงียบเสียงลงพร้อมๆกับเสียงลมหายใจของทุกคน เกลนน์วางมือลงบนปุ่มสีแดงที่อยู่บนเครื่องควบคุมระบบปฏิบัติการ เขาหันไปมองหน้าภรรยาแล้วก็ลูกชายของเขาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม ใบหน้าเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ แล้วเขาก็กดปุ่มสีแดงอย่างเต็มแรงจนจมมิดลงไป

      ในวินาทีนั้นนั่นเอง เสียงระเบิดก็กัมปนาทขึ้นที่ชั้นที่ 13 แรงระเบิดทำให้กระจกทุกบานแตกละเอียดและพุ่งกระจายลงสู่เบื้องล่างพร้อมกับเปลวไฟที่ลุกพรึ่บขึ้นอย่างรวดเร็ว ควันสีดำทะลักออกมาจากทุกช่องและทุกทิศทางที่มันสามารถออกมาได้ สัญญาณเตือนภัยดังโหยหวนไปทั้งเมือง แต่ เกลนน์ยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างสงบในขณะที่คนอื่นๆกลับส่งเสียงอื้ออึงด้วยความตกตะลึง ไม่มีใครนึกว่าจะมีการทดสอบอาคารด้วยวิธีที่บ้าระห่ำเช่นนี้ ตึกระฟ้ามูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์กำลังถูกไฟเผาอย่างรุนแรง เปลวไฟเริ่มลามเลียขึ้นไปยังชั้นที่ 14 อย่างรวดเร็ว

“พระเจ้า!…..คุณกำลังทำอะไรอยู่วะ ไฟกำลังลามขึ้นไปชั้นอื่นๆแล้ว”

วิคเตอร์ร้องเสียงหลงเมื่อเห็นเกลนน์ยังคงนิ่งอยู่
      เกลนน์พยายามยิ้มอย่างใจเย็น เขาหันไปมองดูสีหน้าที่ตื่นตระหนกของทุกคนด้วยความพึงพอใจ มือของเขาสัมผัสอยู่ที่ปุ่มสีเขียวอีกปุ่มหนึ่งและกดมันเบาๆ เสียงแชะๆดังขึ้นมาจากตัวอาคารที่กำลังถูกไฟไหม้ อุปกรณ์ล็อคที่ยึดระหว่างชั้นที่ 12 กับชั้นที่ 13 และชั้นที่ 14 กับชั้นที่ 15 ปลดตัวเองออกด้วยแรงดันจากระบบจรวดเล็กๆ ทันใดนั้นเครื่องต่อต้านแรงโน้มถ่วงที่ถูกติดตั้งไว้โดยรอบส่งเสียงครางขึ้น ตึกระฟ้าตั้งแต่ชั้นที่ 15 ขึ้นไปยกตัวลอยสูงขึ้นหลุดออกจากชั้นที่ 14 อย่างช้าๆ ราวกับยานอวกาศที่กำลังทะยานสู่ห้วงจักรวาล มันลอยสูงขึ้นเรื่อยๆจนพ้นจากระยะอันตรายจากเปลวไฟที่กำลังเผาผลาญตึกด้านล่าง และแล้ว ตัวอาคารชั้นที่ 13 กับ 14 ก็ลอยตัวขึ้นเช่นกันทั้งๆที่เปลวไฟยังคงลุกไหม้อยู่อย่างน่ากลัวจนมองดูเหมือนกับยานอวกาศที่ถูกถล่มด้วยขีปนาวุธ มันลอยไปยังที่ที่ซึ่งจัดเตรียมไว้และลดระดับลงแตะพื้นอย่างนุ่มนวล หน่วยดับเพลิงภาคพื้นดินต่างรีบตรงไปหามันและใช้เพียงน้ำธรรมดาๆเท่านั้นก็สามารถเอาชนะเปลวไฟที่โหมกระหน่ำอยู่ได้อย่างง่ายดาย

      เสียงครางเบาๆดังแว่วมาแต่ไกลและดังขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ทุกคนได้เห็นก็คือ สิ่งที่คล้ายกับวัตถุบินลึกลับลอยตรงมายังที่ตั้งของโครงการ มันคือชั้นของตึกระฟ้า 2 ชั้นที่เคลื่อนที่เข้ามาลอยอยู่เหนือตัวตึกระฟ้าส่วนล่าง มันค่อยๆหย่อนตัวเองลงและต่อเข้ากับชั้นที่ 12 อย่างนุ่มนวลด้วยระบบเชื่อมต่อแบบเดียวกับที่ใช้ในยานอวกาศ เสียงอุปกรณ์ล็อคดังแชะดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง นั่นหมายถึงว่า มันได้ยึดตัวเองเข้ากับชั้นที่ 12 อย่างสมบูรณ์แล้ว

      ส่วนยอดของตึกระฟ้านับร้อยชั้นยังคงลอยนิ่งอยู่ ทันใดนั้น มันก็ค่อยๆลดระดับลงมายังฐานของมัน และในที่สุดส่วนของตึกตั้งแต่ชั้นที่ 15 ขึ้นไปก็เชื่อมต่อเข้ากับชั้นที่ 14 อย่างมั่นคงด้วยอุปกรณ์ ล็อคระหว่างชั้นที่ไม่ปรากฏความผิดพลาดใดๆ บรรยากาศในขณะนั้นเงียบงันไปหมด ทุกคนจับจ้องไปที่ตึกระฟ้าอันงามสง่าที่ยืนตระหง่านอยู่เช่นเดิมราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่มันเพิ่งผ่านพ้นความหายนะมาอย่างน่าขนลุก

“ท่านผู้มีเกียรติทุกท่านครับ ผมขอแนะนำ โครงการอิมเมจ วันเดอร์ พาเลซครับ”

เสียงของเกลนน์ประกาศเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการด้วยความภาคภูมิใจอย่างผู้ชนะ

      หลังจากที่อาการตื่นตะลึงได้จางหายไป ทุกคนลุกขึ้นยืนอย่างพร้อมเพรียงกัน เสียงปรบมือดังกึกก้องและยาวนานราวกับว่าไม่มีวันสิ้นสุด

“พระเจ้า! คุณทำได้ยังไงน่ะ”

วิคเตอร์เอ่ยขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตา

“คุณไม่เคยเห็นตึกที่หนีไฟได้ใช่มั้ย ผมมีชั้นอะไหล่สำรองไว้ชดเชยให้กับลูกค้าทุกชั้นที่ได้รับความเสียหายด้วยนะ”

เกลนน์หันไปกอดภรรยาของเขาแน่นแล้วอุ้มลูกชายสุดที่รักขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน เขาหอมแก้มหนูน้อยอย่างมีความสุขที่สุดในวันนี้

“นั่นไง ตึกระฟ้าของลูก มันเป็นตึกที่วิเศษที่สุดเลย จริงมั้ยลูก”

@

2 ความเห็นบน “ตึกระฟ้าท้าไฟนรก โดย วรากิจ เพชรน้ำเอก”

ใส่ความเห็น