“สมอง” เป็นอวัยวะสำคัญยิ่งของร่างกายเพราะมันสั่งการสิ่งต่างของร่างกายให้ดำเนินไป ตามคำสั่งของเรา แต่คุณรู้ไหม สิ่งใดที่มีอำนาจเหนือสมอง มีพลังอำนาจมากพอที่จะส่งผลร้ายต่อตัวคุณเองและคนรอบข้าง หากคุณเอามันไม่อยู่ ใช่แล้วละ มันคือ ”จิต” จิตอยู่ในร่างกายของพวกเราทุกคน เพราะร่างกายคือเครื่องมือที่ทำให้จิตทำงานได้ มันสั่งการทุกอย่างคือความคิดของเรา ยิ่งมีพลังจิตสูงมากเท่าใด เรายิ่งแทบไม่รู้ตัวเลยว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้างแต่ถ้าคุณรู้ตัวแล้วสามารถทำมันได้จริง คุณก็เหนือมนุษย์แล้ว
20/1/2013
งานฉลองเล็กๆได้เริ่มขึ้น เมื่อวันนี้เป็นวันครบวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี เป็นปีที่ 2 แล้ว ณ ตึก Rockefeller Center ตึกชื่อดังในเมืองแมนแฮตตัน ของสหรัฐอเมริกา ผู้คนสำคัญต่างมาปรากฏตัวกันในงานนี้ ทั้งพวกสมาชิกวุฒิสภา ส.ส. คนดังในแวดวงการเมือง และคนอื่นๆอีกมากต่างพากันเดินบนพรมแดงผ่านหน้าลานสเก็ตน้ำแข็ง ขึ้นไปที่ชั้นที่ 52 ของตัวตึกเพื่อดื่มด่ำกับงานรื่นเริง โดยไม่รู้ถึงบางสิ่งที่ใกล้มาเยือน
ด้านหน้าลิฟต์หลักของตึกมีผู้หญิงสองคนกำลังเดินมา คนหนึ่งใส่ชุดสูทสีดำพร้อมกับปืนที่ซ่อนอย่างมิดชิด อีกคนใส่ชุดราตรีสีน้ำเงินอ่อนที่เต็มไปด้วยเลื่อมพรายสวยงาม นั่นยังไม่เท่ากับอัญมณีที่สวมบนคอเธอ “ไม่ทราบว่าต้องกานขึ้นไปชั้นไหนครับ?” พนักงานกล่าวถามอย่างสุภาพ “เรามางานเลี้ยงของท่านนายกนะ” คนใส่สูทตอบ “ชั้น52สินะครับ ให้ผมจัดการเองครับ” หลังพูดเสร็จเขากดลิฟต์ให้เรา มันกำลังไล่ลงมาจากชั้นที่52 ขณะที่รอ ประตูลิฟต์สีทองได้สะท้อนภาพของคนใส่สูท เธอมีผมยาวสีทองประบ่าตัดกับสีน้ำตาลอ่อน กับนัยน์ตาสีฟ้าของเธอ คนที่ใส่สุดราตรีดูมีอายุมากกว่าเธอกับผมสีทองดูสง่า “ติ้ง!!” ลิฟต์มาแล้ว “ขอให้สนุกกับงานเลี้ยงนะครับ” พนักงานกล่าวก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลง
“ฉันรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยนะ ที่มีคนมาคอยตามติดแบบนี้” คนในสุดราตรีเอ่ย “มันเป็นหนึ่งมาตรการรักษาความปลอดภัยค่ะ”คนในสุดสูทตอบ แต่เธออีกคนเพียงยิ้มแปลกๆที่ได้ยินเช่นนั้น
ฉันไม่ชอบเลยที่เธอยิ้มแบบนั้น ไม่น่าออกมาจากคนที่เป็นถึงภรรยาของรองนายกรัฐมนตรี หรืออาจเป็นไปได้ที่เธอจะหงุดหงิดเพราะสามีของเธอยังไม่ได้เลื่อนตำแหน่งเสียที คนในขุดสูทสีดำเธอคือ เจน โควาท หนึ่งในเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของงานนี้คิดในใจ เธอเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ฝีมือดี จึงได้รับหน้าที่ดูแลคนใหญ่คนโตของบ้านเมือง แต่เธอไม่ได้รู้สึกภูมิใจเท่างานที่เป็นอยู่
“ติ้ง!!” สัญญาณของลิฟต์ดังขึ้นบ่งบอกถึงจุดหมายของทั้งคู่
“ขอบใจมากนะ แต่เราคงต้องแยกกันแล้วละ” ทันทีที่ประตูลิฟต์สีทองเปิดออก สุภาพตรีคนนั้นก็รีบเดินออกไปทันที เจนไม่คิดจะตามไปเธอค่อยๆเดินออกมาจากประตูลิฟต์ขณะที่เสียงเพลงของงานเลี้ยงกำลังบรรเลงไปอย่างสนุกสนาน ทางเข้างานต้องเดินอ้อมไปอีกหน่อย งานจัดอยู่บริเวณดาดฟ้าของชั้นที่52 ด้านหน้าของเจนมีทางเดินแยกไปซ้ายขวาที่เป็นบริเวณห้องพักในส่วนของโรงแรมแล้วบันไดลงเป็นบริเวณที่นั่งพัก มีน้ำพุเล็กๆกับโซฟายาวสีแดงรอบๆ เจนเห็นภรรยารองนายกรัฐมนตรี เดินไปที่ห้องพักห้องหนึ่งของเธอทางด้านขวาและหายเข้าไปในห้องของเธอ เจนเริ่มมองไปรอบๆอีกครั้ง บางสิ่งบางอย่างดูแปลกไปเธอคิด บางอย่างไม่ปกติ
“ซ่า!!! คลื่น!!! มีใครอยู่ที่นั้นไหม!! ซ่า!!! ตอบ ซ่า!!!…มี ซ่า!!“ เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างแรง มันเป็นเสียงของวิทยุสื่อสารของเจน
“ฉันเจน !!! อยุ่บริเวณหน้าลิฟต์ทางเข้า“ เจนตอบกลับ แต่ทุกอย่างเงียบ
“ฉันเจน โควาท เกิดเรื่องอะไรขึ้น ” เจนตอบกลับอีกครั้ง
“ซ่า!! เจน!! ซ่า!! เราติดต่อใครไม่ได้!!! ซ่า!! เราไม่รู้ซ่า!!! เรากำลังขึ้นไป ซ่า!!! มีการ ซ่า!!! นายก ซ่า!!! คลื่น!!!..” จู่ๆเสียงจากวิทยุสื่อสารก็ขาดหายไป
“นี่เจน ตอบ ด้วยเกิดอะไรขึ้น ….นี่เจนพูด ตอบด้วย!!” เจนลองตอบกลับไปอีกครั้ง แต่ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา
“ให้ตายสิ!!” เจนสบถออกมาและรีบชักปืนออกมา เธอรีบเดินตรงที่ประตูทางเข้างาน ผ่านน้ำตกเล็กที่อยู่ในห้องโถงซึ่งไร้ผู้คน ประตูทางเข้างานเป็นประตูไม้หนาสีเข้ม
“แกร็ก! แกร็ก!” เจนผลักมัน แต่ประตูไม่ขยับเลยสักนิด
“ตึง ตึง!!” เจนกระแทกมัน แต่ไม่มีผลมันเหมือนถูกปิดตาย ก่อนที่เธอจะได้ทำอะไร เธอได้สังเกตเห็นว่าประตูนี้ต้องใช้คีย์การ์ดในการเข้าไป
“คีย์การ์ด พวกพนักงานต้องมีแน่”
ทันใดนั้นเองมีเสียงๆหนึ่งขึ้นมาด้านหลังเธอ
“อ้ากกกกกกกช่วยด้วย ชะ..ช่วยด้วย..ตึง”พนักงานคนหนึ่งวิ่งออกมาจากประตูห้องพักและล้มลงตรงพื้น ด้านหน้าทางเข้างาน เขากำลังชักด้วยความเจ็บปวดจากบางสิ่ง
“นาย!!”เจนรีบวิ่งไปที่ร่างของชายผู้นั้น
“นี่เจนพูดเราต้องการหมอด่วน รถพยาบาลด้วย มีผู้บาดเจ็บบนชั้น52 เราต้องการรถพยาบาล ด่วน ตอบด้วย!!” เจนใช้วิทยุสื่อสารของเธอ แต่ชายคนนั้นยังชักไม่หยุด
“ชะ ช่วยด้วย ได้โปรด…จู่ๆทุกคนก็เปลี่ยนไป ในห้องนั้น เอานี่ไป” เขายื่นคีย์การ์ดให้เจน แล้วจู่ๆเลือดก็ค่อยๆไหลออกมาจากตาของเขา
“อ้ากกกกกกกกกก” พนักงานชายผลักเจนออกไปแล้ววิ่งอย่างทุกข์ทรมาน จนไปชนเขากับน้ำพุแล้วแน่นิ่งไป
“พระเจ้าช่วย!!!“เจนรีบตรงไปที่ร่างของเขา แต่มันสายไปเสียแล้วเขาเสียชีวิต
“ใครก็ได้ตอบที ได้โปรด มีผู้เสียชีวิตที่นี่ ฉันไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ขอกำลังเสริมด่วน……ใครก็ได้…ตอบที” เจนรู้สึกตกใจมากกับภาพที่เห็น ราวกับมันไม่เป็นความจริง แต่มันเป็นไปแล้ว
“ติ๊ด!!!”เสียงประตูบานใหญ่คลายล็อกหลังจากที่เจนรูดคีย์การ์ด มืออีกข้างของเธอกำปืนในมือแน่น แล้วค่อยๆเปิดประตูออกไปพร้อมกับแสงสีนวลที่แทรกออกมา
ภาพที่เธอเห็นคือแขกทุกคนในงานเลี้ยงต่างยืนแน่นิ่งจะไม่ขยับแม้แต่น้อย ทุกคนเหมือนเป็นหุ่น แต่ด้านหน้าของเธอนั้นมีชายคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ที่ราวกั้นของดาดฟ้า ไม่นะเขาคือท่านนายกรัฐมนตรี
“อย่านะค่ะท่าน!!!”สิ้นเสียงตะโกน ทุกๆคนที่ยืนอยู่ ณ ที่นี้หันมาจ้องเจนทันที เจนตกใจจนต้องถอยหลังไปชนประตู
“ยินดีต้อนรับ มีน่า …” ทุกเสียงพูดพร้อมกัน”
ขณะที่ในหัวของเจนเริ่มมีอาการเหมือนกับมีบางอย่างพยายามแทรกเข้าไปในหัวเธอประตู
“นี่มันอะ..อะไรกัน” สีหน้าของเจนเริ่มแสดงอาการหวาดกลัว
“เธอคงจำไม่ได้แล้วละ ตอนนั้นเราเด็กมาก แต่ฉันยังจำเธอได้มีน่า จำได้เสมอ!!“
“ฉันไม่ใช่มีน่า อะอ้ากก”เจนเริ่มเอามือจับที่หัวทั้งสองข้าง “เธอจะจำได้ในไม่ช้า ในไม่ช้าพวกเราจะได้อยู่ด้วยกัน เพราะในที่สุดฉันก็หาเธอเจอ!!!” “ฉันไม่รู้ว่าพวกแกพูเรื่องอะไรกัน!!!!!” สิ้นสุดเสียงตะโกนของเจน ทุกคนเริ่มล้มลงกับพื้น เว้นเพียงแต่คนเดียว ท่านนายกรัฐมนตรี ที่กำลังเดิมาหาเธอ
“พวกเราคือ”ควีน”พวกเราทุกคน และเธอคือน้องสาวของฉัน มาเถอะมาด้วยกัน เราจะทำมันให้เสร็จสิ่งที่ ควีนทุกคนต้องรับใช้” ท่านนายกกล่าว
“ฉันไม่รู้ว่าท่านพูดถึงเรื่องอะไร”เจนเริ่มหวาดกลัวอย่างที่สุด
“1104 ถึงเวลาแล้วที่เธอต้องรู้ว่าเธอคือใคร”พูดจบท่านนายกรัฐมนตรีก็ผลักเธออย่างแรง แรงนั้นมันมหาศาลเกินกว่าจะเป็นของมนุษย์ได้ เจนกระทบประตูที่ถูกผลักออกและหล่นลงไปที่บันได และกระแทกกับน้ำพุอย่างแรง
“ได้เวลาแล้วที่เธอต้องรู้ว่าควรรับใช้ใคร ถึงเวลาแล้วที่เธอต้องกลับมา ที่นี่ไม่ใช่บ้านเรามีน่าและมันก็ไม่ใช่พ่อของเรา”พูดจบนายกรัฐนมตรีเดินอย่างช้าๆตรงไปที่ราวกั้นของดาดฟ้า
“ยะหยุดนะ..หยุด”เจนพยายามควบคุมสติขอเธอเธอพยายามคลานด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีแต่มันก็ช้ามากเธอมาถึงหน้าประตูทางเข้า
“หยุดนะ หยุด!!”เธอตัดสินใจชักปืนออกมาละยิงไปที่ขาของนายกรัฐมนตรี หวังว่าจะให้เขาล้มลง แต่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยเขายืนอยู่ตรงนั้น หันหน้ามองมาที่เจน
“เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป” ไฟที่ส่องจากด้านล่างตึกส่องมาที่ตัวท่านพร้อมกับเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่ง
“ถอยไป!!”ท่านพูดขณะที่ใบพัดของเฮลิคอปเตอร์ค่อยๆหยุดหมุนและตกลงไป ท่านกางแขนทั้งสองข้างออก และยิ้มมาที่เจนก่อนที่จะกระโดดลงไป พร้อมเสียงกัมปนาทที่อยู่ในหัวเจน
“ตึง!!”เจนสะดุ้งตื่นขึ้น มองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองที่นั่งอยู่ในห้องสอบปากคำ เธอตื่นขึ้นเพราะชายคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับถือแฟ้มงานอยู่ในมือ เขามานั่งตรงข้ามกับเจน เขาเงียบและวางแฟ้มลงบนโต๊ะ ความเงียบทำให้เจนรู้สึกได้เลยถึงความกดดันรอบตัว ชุดของเธอเปื้อนเลือดและเปียกโชก
“ฉันอยู่ที่ไหน” เจนรู้สึกงุนงง
“คุณ เจน โควาท ใช่ไหม” เจนพยักหน้า
“คุณอยู่ที่กรมตำรวจนิวเยอร์ก เราเอ่อ..คุณทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไหม เจ้าหน้าที่เจน” ชายผมสีดำในสูทสีเทาถามอย่างไม่ยิ้ม ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“คุณทราบไหมว่านายกรัฐมนตรีเสียชีวิตแล้วกับผู้เคราะห์ร้ายอีก32คน ทั้งนักการเมืองและบุคคลสำคัญ ..”เจนเริ่มรู้สึกตัว เริ่มรู้สึกว่าตัวเธอคือใคร อยู่ที่ไหนและทำอะไรอยู่ หลังจากที่เธอสลบไป เธอได้รับการรักษาและถูกพาตัวมาที่นี่
“ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายมันอย่างไร มันเหมือนฉันฝันฝันร้ายมากๆ มันไม่น่าเป็นความจริง “
“ครับผมรู้ว่ามันไม่น่าเกิดขึ้นแต่มันเกิดไปแล้ว ในขณะที่คนอื่นๆตาย ทำไมละคุณถึงเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว ทำไม..ตึง!!” ก่อนที่ชายคนนั้นจะได้พูดอะไรออกไปอีกประตูก็เปิดออก ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับ ชายหนุ่มอีกสองคน
“ขอบคุณมากอาเธอร์แต่เราจะขอดำเนินคดีนี้ต่อไปเอง“ ชายผมดำคนหนึ่งเอ่ย
“อะไรนะ พวกคุณเป็นใคร ไม่มีทางเด็ดขาดนี่ไม่ใช่คดีเล่นๆนะ มันเป็นการก่อการร้ายชัดๆ “
“พวกเราคือ องค์กรต่อต้านการก่อการร้ายโดยพลังจิตแห่งสหประชาชาติประจำสหรัฐ” เขาชูตราขึ้นมาให้เจ้าหน้าที่คนนั้นดู “ผมเจ้าหน้าที่พิเศษ จอห์น เทคเลอร์ ดร. กอน พากันซัน และ เจ้าหน้าที่ แฟร็งค์ โทมัสลอยร์ ขอเชิญคุณออกไปด้วยครับ“ เจ้าหน้าที่คนนั้นดูท่าทางตกใจแต่ก็ยอมออกไปแต่โดยดี แม้จะไม่เต็มใจนัก
“เอาละเจน ผมอยากให้คุณตั้งสติให้ดีแล้วเล่าทุกเรื่อง และทุกเหตุการณ์ที่คุณเผชิญ ผมรู้ว่ามันยาก แต่ทั้งเมืองตอนนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวาย คุณเป็นหนทางเดียวตอนนี้ที่จะช่วยทุกคนได้ “ดร.กอน บอกแก่เจนเขาจองไปที่ตาของเจนอย่างมุ่งมั่น เหมือนมันจะสามารถเข้าไปได้ถึงภายในส่วนเลิกของจิตใจเธอ
“ฉัน..คืนนั้นเป็นงานฉลองของท่านนายกรัฐมนตรี…” และเจนก็เริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เธอสามารถนึกถึง
เมื่อเล่าจบ แฟร็งค์พูดขึ้นมาว่า” คูณรู้ไหมว่า ควีน คืออะไร”
“ฉันไม่รู้”
“แล้ว 1104 ละ”
“มันเป็นแผลเป็นบนไหล่ฉัน ฉันมีมันมาตั้งแต่เด็ก แม้แต่พ่อแม่ฉันก็ไม่รู้ว่ามันมาได้อย่างไร” เจนบอกขณะที่ดึงเสื้อด้านหลังลงไปเพื่อให้ทุกคนเห็นมัน
“เราเจออีกคนแล้วซินะ” จอห์นบอก มันยิ่งทำให้เจนงุงงงมากเข้าไปอีก
“The Queen คือชื่อของโปรเจตการทดลองลับของสหภาพโซเวียต การทดลองทางปรจิตเพื่อกำลังทหาร ในการโจมตีสหรัฐ”
“นั่นคือสิ่งที่บ้าที่สุดที่ฉันเคยฟังมา มันเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะเกี่ยวพันกับโซเวียต ครอบครัวฉันย้ายมาจากจอร์เจียตอนฉันเป็นเด็ก สิ่งที่คุณพูดมันเหลวไหลสิ้นดี บ้าไปแล้ว!!”
“งั้นนี่แหละเหลวไหลไหม” ดร.กอนวางภาพศพที่มีสภาพเดียวกันคือมีเลือดไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง
“สมองถูกทำลาย เลือดออกทางตาเป็นผลกระทบข้างเคียงจากการได้รับคลื่นความถี่พิเศษที่เรียกว่า คลื่นไพเนียล คลื่นนี้จะส่งผลต่อต่อมไพเนียลในสมอง เพื่อการควบคุมร่างกาย คุณบอกเองใช่มั้ยว่า ทุกคนพูดกับคุณเป็นคำพูดเดียวกันหมด แล้วพวกเขาเหมือนถูกป้อนคำสั่ง ใช่ไหมละพลังงานบาสงอย่างที่มีคลื่นความถี่นี้ถูกส่งไปทั่วบริเวณชั้น52ของตึก การที่คลื่นเบต้าในสมองของมนุษย์ถูกแทรกด้วยคลื่นความถี่ที่แรงกว่ามันจึงทำลายอวัยวะบริเวณนั้นได้..ตึง!!” จู่ๆประตูห้องสืบสวนถูกผลักออก
“แย่แล้ว!!ทุกคนมาทางนี้”เจ้าหน้าที่คนนั้นเข้ามาด้วยอาการสีหน้าไม่สู้ดีนัก พวกเราตรงไปที่โถงทางเดินที่มีผู้คนมุงกันอยู่ด้านหน้าจอทีวี ในนั้นปรากฏภาพชายในชุดเครื่องแบบทางทหาร ยืนอยู่บนราวดาดฟ้าของตึกสูง ทำท่าเหมือนจะโดลงไป
“รับใช้ท่านผู้นำ ล้มมหาอำนาจ…” ชายคนนั้นพูดทั้งที่เลือดไหลออกจากตา จากนั้นเสียงในหัวเจนก็ดังขึ้นแต่เธอไม่เจ็บปวดเหมือนครั้งก่อนๆ
“มีน่า..”
“เธอกำลังพูดกับฉัน ในหัวฉัน”
“อะไรนะ แฟร็งค์!!” จอห์นร้องขึ้น “ผมอยากให้คุณตรึงเธอไว้ให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกเราจะจับสัญญาณของคลื่นไพเนียล” “อะ!!” ในหัวของเจน ปรากฏภาพของเด็กผู้หญิงคู่หนึ่ง
“พวกเราคือ ควีน” จู่ๆภาพก็หายไปแล้วปรากฏเป็นสถานที่ต่างๆที่เด็กหญิงทั้งสองปรากฏขึ้น
“พวกเรา จะอยู่ด้วยกัน ตลอดไป”
“เจน!! เจน!!” แฟร็งค์เขย่าตัวเจน เธอได้สติอีกครั้ง “เรารู้แล้วว่า มันอยู่ที่ไหน”
“ท่าเรือ โอ้ควู้ต 142 ถนน แมนแฮตตัน”จอห์นบอกในวิทยุสื่อสารขณะขับรถด้วยความเร็ว ข้างๆเขาคือแฟร็งค์ ดร.กอน กับ เจนนั่งอยู่เบาะหลัง
“เจนฟังผมนะ พลังจิตนะ คือคลื่นความถี่ของพลังงานความคิดแบ่งเป็นพลังงานไฟฟ้าบวกและลบ ที่เกิดจากต่อมไพเนียล เมื่อบุคคลคิดต่อมนี้จะสร้างคลื่นไพเนียลขึ้น เมื่อคิดถึงใคร หรืออะไร คลื่นนั้นจะพุ่งไปยังต่อมรับความคิดของผู้รับนั้น ให้เกิดความคิดเช่นผู้ส่งต้องการ แต่สิ่งที่เกิดบนชั้น52มันมากกว่านั้น มีบางสิ่งที่ทรงอนุภาพมากเป็นตัวกำเนิดของคลื่นผมคิดว่านะ สิ่งนั้นคือสิ่งที่พวกเราต้องหยุดมัน” ดร.กอนอธิบาย รถของเราและอีกหลายๆคันหยุดที่บริเวณหน้าโกดังของท่าเรือ โอ้ควู้ต พวกเราตรงไปที่ทางเข้า
“ผมบอกตรงๆนะที่เราพาคุณมาด้วยนี่ก็เพราะว่า คุณเป็นคนเดียวที่รอดจากเหตุการณ์ในชั้นที่52”แฟร็งค์กล่าวขณะที่เอาหลังแนบกับประตูเหล็กบานใหญ่
”หวังว่าจะเป็นข่าวดีนะ”เจนตอบกลับ
พวกเราบุกเข้าไปข้างในก้านหลังสุดของโกดังมีแสงสีเขียวบางอย่าง จอห์นเป็นคนแรกที่นำเขาไป สิ่งที่เขาเห็นเป็นสิ่งที่น่าตะลึงงันที่สุดเท่าที่จอห์นเคยเห็นในแมนแฮตตัน มันเป็นเหมือนเครื่องไฟฟ้าขนาดใหญ่โตมากและเต็มไปด้วยสายไฟหลากหลายเส้นและจอควบคุม
“พระเจ้าช่วย!!”จอห์นสบถออกมาเบาๆ ที่สิ่งที่ทำให้เจนสนใจมากที่สุดคือที่มาของแสงสีเขียวดูนวลตา มันเป็นแท็งก์น้ำทรงกระบอกขนาดใหญ่ ภายในบรรจุร่างของหญิงคนหนึ่งที่มีสายไฟหลายเส้นเชื่อมต่อโดยเฉพาะส่วนหัว เธอลอยอยู่ภายในด้วยสภาพแน่นิ่ง แต่ทันใดนั้นเองดวงตาสีขุ่นของเธอก็เบิกโพรงขึ้น
“เธอมาหาฉันใช่ไหมมีน่า”นายตำรวจคนหนึ่งกล่าวขึ้นด้านหลังเธอ
“พวกเราจะได้อยู่ด้วยกันเราทั้งสองคน อย่างที่เธอสัญญาไว้”เจ้าหน้าที่หญิงอีกคนพูดตาม
“กอน เราจะหยุดมันได้ยังไง”จอห์นถาม
“เอ่อๆ เราต้องหาสิ่งที่เป็นตัวเชื่อมหรือเป็นตัวกำเนิดของพลังงาน เราต้องทำลายมัน”
“ปัง! ปัง!” แฟร็งค์ระดมกระสุนไปที่แท็งก์น้ำแต่แทบไม่มีผล
“แต่ทำไมเธอถึงผิดสัญญา เธอหนีไป หนีไปคนเดียว”กอนพูดอีกคน ขณะที่แฟร็งค์เริ่มร้องด้วยความทรมาน จอห์นก็ยิ่งปืนใส่หญิงที่อยู่ในแท็งค์น้ำ
“หยุดนะ ไม่ว่าเธอเป็นใคร เธอทำอย่างนี้ไม่ถูก!!” เจนตะโกน เธอเริ่มปวดหัวมากขึ้นมากขึ้น
“หยุดนะเคียร่า หยุด!!!! กรี้ด!!!!” และทุกอย่างก็ดูเลือนรางอีกครา
“เหือกกกกกกกกก!!” เสียงของเจนดังขึ้นเธออยู่บนเตียงของรถพยาบาล เธอเห็นจอห์นอยู่ข้างๆเธอ
“จอห์นเกิดอะไรขึ้น” เจนถามอย่างเหนื่อยอ่อน
“เอาเป็นว่าทุกดคนปลอดภัย ผมสามารถทำลายตัวกำเนิดคลื่นได้”จอห์นตอบ
“งั้นหรอ แต่ว่าทำไม..”
“เจนคุณต้องพักผ่อน วันนี้คุณเจอมาพอแล้ว” เจนไม่ได้ถามสิ่งใดต่อเพราะตอนนี้เธอรู้สึกเหนื่อยมาก
“นี่เจนฉันหางานที่ดีกว่านี้ไหนได้นะถ้าคุณต้องการ งานเพื่อประเทศนะ” เจนได้เพียงแต่ยิ้มนิดๆและหลับไป
“นี่จอห์นพูด ทางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง”จอห์นพูในวิทยุสื่อสารของเขา
“ซ่า!! เราพบแต่เราพบร่างของเธอ เธอเป็นหมายเลข 1103”จอห์นได้ยินดังนั้นแต่ไม่ตอบอะไร เขานั่งนิ่งให้แสงสีแห่งแมนแฮตตัน ผ่านทะลุกระจกเขามากระทบใบหน้าเขา
ในสถานที่หนึ่ง ของสหภาพโซเวียต
ชายสองคนในชุดสูทสีดำกำลังคุยกันในห้องมือที่มีเพียงแสงจากโทรทัศน์เครื่องหนึ่ง ที่ทำให้พอที่จะเห็นหน้ากันและกัน
“ควีน 1103 ถูกทำลายแล้วครับท่าน”ชายคนหนึ่งเอ่ย
“อืม..น่าเสียดาย เธอเป็นคนที่ฉันสร้างมากับมือ แล้ว ควีน 1104ละ”อีกคนตอบมา
“เราพบตัวเธอแล้วครับ เธออยู่กับพวกมัน”
“ควีน 1104“ชายคนนั้นพูดขึ้นลอยขณะที่มองภาพบนจอโทรทัศน์ เป็นภาพของเด็กหญิงคนหนึ่งกำลังนั่งกอดเข่าหัวความกลัว ภายในห้องสีขาวทีเหมือนมีการระเบิดนับสิบครั้งภายนั้น
”กรี้ด!!!”เด็กผู้หญิงกรีดร้อง และภาพทั้งหมดก็หายไป ดั่งเกิดแรงมหาศาลเกิดขึ้นภายในนั้น
“เธอจะไม่มีวันหนีไปได้อีกมีน่า นางพญาของเรา”ชายคนนั้นพูดกับตัวเองอย่างแผ่วเบา
จบ
มีพล็อตเรื่องที่แปลกใหม่ดีครับ แถมยังค้นคว้าหาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาประกอบการเขียนเรื่องทำให้เรื่องดูมีน้ำหนักความน่าเชื่อถือมากขึ้น แต่การเดินเรื่องและลีลาการนำเสนอยังแข็งเกินไป ต้องปรับปรุงให้ลื่นไหลและเป็นธรรมชาติ การใช้คำที่บอกถึงเสียงเอฟเฟ็คต่างๆ เช่น “ซ่า” “ตึ้ง” ไม่ควรใช้ในจการเขียนเรื่องครับ ควรปล่อยให้คนอ่านได้จินตนาการเอาเองว่าเสียงควรเป็นเช่นไร คำผิดเยอะมาก ผลงานที่ส่งประกวดควรตรวจแก้ให้เรียบร้อยครับและมีการบรรยายเยิ่นเย้อที่สามารถตัดออกได้อีกมากซึ่งจะทำให้เรื่องไม่ยาวเกินกติกา ไม่ต้องจับมาเบียดอยู่ในย่อหน้าเดียวกันจนทำให้อ่านได้ยากครับ
มีการพิมพ์ผิดเล็กน้อย (ซึ่งอาจเกิดมาจากความเร่งรีบ) ใช้เสียงเอ็ฟเฟคในเรื่องพร่ำเพรื่อไปบ้าง โดยดูที่ตัวบทแล้วสามารถบรรยายเหตุการณ์ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้หรือใช้เพียงเล็กน้อย (น่าจะเป็นผลดีมากกว่าถ้าให้ผู้อ่านได้จินตนาการต่อเอง) ตัวอย่างเช่น ผู้เขียนสามารถใช้การบรรยายหลังเสียงเอ็ฟเฟคแทนซึ่งอาจเป็นดังนี้ ฉันเจน !!! อยุ่บริเวณหน้าลิฟต์ทางเข้า“ เจนตอบกลับ แต่ทุกอย่างเงียบ “ฉันเจน โควาท เกิดเรื่องอะไรขึ้น ” เจนตอบกลับอีกครั้งท่ามกลางเสียงคลื่นแทรกที่ยังคงรบกวนการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง “…เจน!! …เราติดต่อใครไม่ได้!!!…เราไม่รู้…เรากำลังขึ้นไป…!!! มีการ…!!! นายก…!!! คลื่น!!!..” จู่ๆเสียงจากวิทยุสื่อสารก็ขาดหายไป (โดยใช้จุดไข่ปลาแทนคำว่า “ซ่า” ซึ่งวิธีนี้อาจช่วยแก้ปัญหาจำนวนตัวอักษรได้บ้าง) มุมมองในเรื่องเป็นการใช้มุมมองแบบบุคคลที่สามบรรยายถึงเหตุการณ์ต่างๆ และความรู้สึกของตัวเอกในเรื่อง ด้านบทบรรยายอาจดูห้วนๆ ไปบ้างซึ่งอาจเกิดจากปัญหาเรื่องจำนวนหน้าที่จำกัดและโครงเรื่องที่ค่อนข้างจะใหญ่
มีการเกริ่นนำก่อนเข้าเนื้อเรื่องโดยใช้บทบรรยายในรูปของผู้เขียนที่สื่อสารกับผู้อ่านโดยตรง ในจุดนี้มีข้อดีคือทำให้มีความรู้สึกสนใจว่าเนื้อเรื่องต่อไปจะเป็นอย่างไร ต่อมามีการจั่วหัวด้วยตัวเลขระบุวันเดือนปีที่บอกถึงอนาคตในอีกหลายปีข้างหน้า เนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างรวดเร็วและมีการบรรยายเหตุการณ์รอบด้านของตัวเอกอย่างต่อเนื่อง มีรูปแบบการเล่าเรื่องแบบตรงไปตรงมาทั้งในรูปของบทบรรยายหรือบทพูด (มีข้อด้อยเล็กน้อยที่กล่าวถึงในรูปแบบการเขียนในเรื่องการใช้เสียงเอ็ฟเฟคมากเกินความจำเป็น ซึ่งอาจเป็นความตั้งใจของผู้เขียนเอง) หลังจากการแนะนำตัวเอกของเรื่องแล้วเนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างรวดเร็วโดยปรากฏเหตุการณ์ประหลาดที่เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างควบคุมทุกคนเอาไว้ ในเรื่องมีการทิ้งข้อมูลเป็นรายทางเกี่ยวกับชาติกำเนิดลึกลับของ เจน โควาท (ที่มีตัวเลข 1104 อยู่บนตัว) กลุ่มองค์กรลับด้านพลังจิตที่มีโครงการภายใต้ชื่อ The Queen เหตุการณ์ดำเนินไปอย่างตื่นเต้นพร้อมด้วยบทสรุปที่ทำให้ผู้อ่านอยากรู้เรื่องราวต่อจากนั้น เมื่ออ่านเรื่องนี้จบแล้วในความคิดเห็นส่วนตัวเรื่อง The Queen 1104 (รหัสนางพญา) นี้มีความน่าสนใจและน่าจะนำเสนอได้ดีกว่าถ้าเขียนในรูปของนวนิยาย เนื่องจากโครงเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่ รวมถึงตัวละครประกอบที่มีอยู่มากเกินกว่าที่จะใส่ในเรื่องสั้นแล้วให้ได้ผลออกมาดีที่สุด (ซึ่งมีหลายตัวในเรื่องที่น่าสนใจและอยากให้มีการบรรยายที่มาที่ไปของตัวละครมากกว่านี้)
อาริยา – อุษณา
โครงเรื่องเกี่ยวกับการทดลองทางวิทยาศาตร์ และ อาวุธสังหาร โดยการใช้พลังจิต เป็นเรื่องที่จะถูกพบเห็นได้ค่อนข้างบ่อย
ประเด็นเรื่องการค้นพบสถานะภาพของตนเอง จึงน่าจะเป็นประเด็นที่น่าเล่นมากกว่า
ส่วนเรื่องการใช้เสียงที่ comment ก่อนหน้าบอกมา ผมเห็นด้วยเต็มที่ว่า ตอนอ่าน ทรมาณมากเลยครับ
ลับดับเรื่อง เข้าใจง่ายไม่สับสน(ซึ่งดีแล้ว)
เหตุการณ์บางเหตุการณ์ หรือ คำพูดบางช่วง ถ้า อ่านทวนดีๆ จะสามารถตัดทอนออกไปได้ ซึ่งจะทำให้ เรื่องลื่นไหลได้ดียิ่งขึ้น ครับ
อย่างไรก็ตาม เป็นกำลังให้ผู้เขียน สร้างสรรค์ผลงานต่อไปเยอะๆ ครับ
เพราะเท่าที่ผมรู้สึก ถ้ายิ่งเขียนมากๆ เขียนบ่อยๆ มันจะดีขึ้นเองครับ
เห็นด้วยเช่นกันสำหรับคำบรรยายที่มากเกินไปสักนิดครับ หากมองเฉพาะเนื้อเรื่องแล้วถือว่าทำได้ดีครับ ถ้าได้หน้าเพิ่มอีกสักนิดคงทำได้สนุกกว่านี้ ตอนจบหักมุมได้ดีครับ ทิ้งเรื่องไว้ให้คิดต่อเอาเอง
น่ารำคาญกับ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
โอ๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ซ่าาาาาาาาาาา
เหมือนกับความเห็นของ อาริยา – อุษณา
อีกอย่างเขียนผิดเหลือเกิน
ในความเห็นผมว่าการบรรยายนั้นน้อยเกินไปต่างหากทำให้อ่านยาก เหมือนกับผู้เขียนจินตนาการแล้วเห็นภาพแต่ไม่บรรยายให้คนอ่านเห็นตาม ถ้าเป็นการ์ตูนที่มีภาพประกอบก็ ok
ความไม่สมจริงทำให้อ่านแล้วดูไม่น่าเชื่อถือ เช่น เจนสามารถถือปืนขึ้นไปบนลิฟต์ได้อย่างสบาย ขนาดในรัฐสภาไทยยังไม่อนุญาติให้นำปืนเข้าล็อบบี้เลย นี่ไม่มีเครื่องสแกนกันบ้างเลยเหรอ
หรือ
งานจัดอยู่บริเวณดาดฟ้าของชั้นที่52 ด้านหน้าของเจนมีทางเดินแยกไปซ้ายขวาที่เป็นบริเวณห้องพักในส่วนของโรงแรม แล้วบันไดลงเป็นบริเวณที่นั่งพัก มีน้ำพุเล็กๆกับโซฟายาวสีแดงรอบๆ เจนเห็นภรรยารองนายกรัฐมนตรี เดินไปที่ห้องพักห้องหนึ่งของเธอทางด้านขวาและหายเข้าไปในห้องของเธอ เจนเริ่มมองไปรอบๆอีกครั้ง บางสิ่งบางอย่างดูแปลกไปเธอคิด บางอย่างไม่ปกติ
อ่านแล้วงง ครับ บรรยายแล้วไม่เข้าใจ ดาดฟ้าของชั้นที่ 52 คือต้องมีบันไดเดินขึ้นไปเหรอ หรือว่าเป็นส่วน outdoor
บันไดลงเป็นบริเวณที่นั่งพัก บรรยายเหมือนเจนจะไปนั่ง
บางสิ่งบางอย่างดูแปลก ไม่เห็นบรรยายว่าดูแล้วมันแปลกตรงไหน ไม่มีคนเลย ไม่มีเสียเพลง ฯลฯ
พล็อตเห็นได้บ่อยๆ ทั้งการ์ตูน นิยาย ภาพยนต์ ยังไม่ประทับใจ
ชอบมากครับ แต่ยังดำเนินเรื่องติดๆขัดๆ